ASTVผู้จัดการรายวัน- ม็อบรถบรรทุก รถร่วมฯและแท็กซี่ยอมถอยสลายชุมนุม เปิดทางขยับราคาเอ็นจีวีก่อนเดือนแรก 50 สตางค์ต่อกก.ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ เบื้องต้นยอมให้ขึ้นได้แค่ 4 เดือนหรือ 2 บาทต่อกก. ด้านกลุ่มแท็กซี่อัดรัฐบาลยิ่งลักษณ์เนรคุณ พร้อมเผาบัตรนปช. เหตุส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง "คมนาคม”เปิดทางรถร่วมฯ ขสมก.ขึ้นค่าโดยสาร หากรัฐบาลเดินหน้าราคาเอ็นจีวี ยอมรับต้นทุนเพิ่มจริง
วานนี้ (9ม.ค.) เครือข่ายรถบรรทุก รถร่วมขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)และกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ได้นำรถแยกกันไปรวมตัวในการคัดค้านขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV)โดยรถบรรทุกและรถร่วมขสมก.จำนวน 300 คันมาปิดล้อมบริเวณหน้าถนนวิภาวดีหน้าอาคารบมจ.ปตท. และรถแท็กซี่แยกไปรวมตัว 3 จุดใหญ่กว่า 300 คันเพื่อกดดันรัฐบาลที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และบริเวณถ.พิษณุโลก ฝั่งสำนักงานกพ. ตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ จนถึงแยกมิสกวัน และจุดสุดท้ายบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์
การปิดล้อมบริเวณหน้าปตท.ช่วงเช้ารถบรรทุกและรถร่วมขสมก.ได้ปิดช่องถนนฝั่งขาออกถนนวิภาวดี 1 ช่องจรจร (3เลน) ซึ่งผู้ชุมนุมได้ขีดเส้นเวลาเที่ยงต้องมีคำตอบจากรัฐบาลในการตัดสินใจชะลอการปรับขึ้นซึ่งที่สุดก็ไม่ได้รับคำตอบผู้ชุมนุมจึงนำรถบรรทุกส่วนหนึ่งไปปิดช่องทางออกเพิ่มอีก1ช่องจรจรฝั่งขาออกที่เหลือแต่ปิด 2 เลนในเวลาประมาณ 13.00 น.ส่งผลต่อการจรจรที่ติดขัดยิ่งขึ้น ซึ่งต่อมาเวลา15.20 น.พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้เจรจาขอเปิดพื้นที่ช่องจราจรเพิ่มอีก 1 เลนซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยอมรับเงื่อนไขจึงทำให้ปิดช่องจราจร 4 เลน
นายยู เจนยืนยงพงศ์ เจนยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวหลังการหารือร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ที่ตึกเอ็นโก้ตั้งแต่เวลา 16.00 น.จนถึงเวลา 18.20 น. ว่า ได้ข้อสรุปที่จะมีการปรับขึ้นราคาNGV ตามมติครม.ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ แต่ระหว่างนี้จะหารือรายละเอียดร่วมกับทุกส่วนว่าจะรับได้เพียงใดจากที่รัฐกำหนดทะยอยขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกก.จนครบ 6 บาทต่อกก. ซึ่งเบื้องต้นนั้นยังยืนยันว่ารับได้ในระดับ 2 บาทต่อกก.หรือปรับขึ้น 4 เดือน
“เราคงไม่ให้เกิน 4 เดือน ถ้าจะปรับขึ้นแต่ทั้งหมดจะต้องมาดูรายละเอียดว่าที่เหมาะสมอยู่ที่ไหน เดือนแรกนี้ก็ขึ้นไปก่อน 50 สต.ต่อกก.ก็ยอมรับได้ เพราะที่ผ่านมาก็ยืนยันเสมอว่าขึ้นได้ระดับหนึ่ง แต่ว่าก๊าซฯเองจะต้องไม่ขาดแคลนและปั๊มจะต้องมีเพียงพอด้วยซึ่งทางรองนายกฯก็รับปากที่จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูรายละเอียดกันตรงนี้ก็พอใจทั้งหมดก็จะสลายการชุมนุมช่วง 18.30 น.ทันที ”นายยูกล่าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงานกล่าวว่า หลังจากนี้คงจะต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันที่จะมาดูรายละเอียดซึ่งจะต้องเป็นธรรมทุกฝ่ายโดยกองทุนน้ำมันฯจะต้องไม่มีการอุดหนุนเพิ่มขึ้น ปตท.รับได้และภาคขนส่งยอมรับได้ โดยการปรับขึ้นราคาNGV แอลพีจีภาคขนส่งจะเดินหน้าปรับราคาเป็นไปตามกรอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)โดย NGV ปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อกก. แอลพีจีขนส่งปรับขึ้น 75 สต.ต่อกก.ในวันที่ 16 ม.ค.55 แล้วหลังจากนั้นไม่เกิน 1 เดือนจะหาข้อยุติว่าจะปรับที่เท่าใดที่เหมาะสม
“ กรอบเดิมก็ช่วยเหลือภาคขนส่งอยู่แล้ว โดยก่อนหน้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ชดเชยราคาให้กับบมจ.ปตท. 2 บาทต่อกก.แต่เมื่อทะยอยขึ้นเดือนละ 50 สต.ต่อกก.ก็จะนำเงินส่วนนี้มาทยอยลดให้กับผู้ที่มีบัตรเครดิตพลังงานรวม 4 เดือนจำนวน 2 บาทต่อกก.อยู่แล้ว จึงอยากให้ทุกส่วนมาขึ้นทะเบียนสมัครเข้าโครงการ”นายพิชัยกล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่กลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ และรถบรรทุกที่ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีว่า จากการหารือเบื้องต้นคงต้องให้มีการปรับราคาเอ็สจีวีขึ้นไปก่อนช่วงระยะเวลา 4 เดือน ๆละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยไม่กระทบค่าโดยสารแท็กซี่ เนื่องจากจะออกให้บัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวีตามที่ปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์/กก.เป็นเวลา 4 เดือนแก่แท็กซี่ แต่ในระยะยาวคงต้องมีการเจรจาอีกครั้ง เนื่องจากราคาเอ็นจีวี ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตามธรรมชาติ เพราะการที่รัฐจะเข้ามารับภาระระยะยาวไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ก็เข้าใจว่าช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และรัฐบาลก็มีโครงการบัตรเครดิตพลังงาน ซึ่งจะช่วยส่วนนี้ได้ ในการให้ส่วนลด
ส่วนจะมีการทบทวนมติครม.ในการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีหรือไม่นั้น ตนได้มอบหมายให้นายกิตติรัตน์ และนายพิชัย ไปหารือ คงต้องฟังปัญหาข้อเท็จจริง แล้วค่อยมาแก้ไข
***รับปากปรับเงื่อนไขบัตรเครดิตฯอุ้มแท็กซี่
นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายแท็กซี่และกลุ่มแท็กซี่สยาม กล่าวว่า กลุ่มแท็กซี่ได้ยุติการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันที่ 9 ม.ค. เนื่องจากรองเลขานายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงพลังงานและอธิบดีกรมขนส่งทางบกเข้ามารับเรื่องร้องเรียนและได้ข้อสรุปร่วมกัน กล่าวคือ 1.ด้านเยียวยารัฐบาลได้รับปากที่จะปรับเงื่อนไขบัตรเครดิตพลังงานให้เป็นบัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวีตามที่จะปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม(กก.) จำนวน 4 เดือนโดยให้ปรับขึ้นได้ 2บาทต่อกก. โดยรัฐจะเพิ่มบัตรส่วนลดให้กับผู้ขับรถแท็กซี่ที่ยังไม่มีบัตรเครดิตพลังงาน
2.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์จะได้เร่งตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและแท็กซี่ มีนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ใน 1-2 วัน เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างNGV ทั้งระบบแทนทั้งการทบทวนมติครม.ที่ปรับขึ้นราคา 6 บาทต่อกก.เป็นเวลา 1 ปี
การดูแลปั๊มNGVที่ไม่เพียงพอ ดูแลสวัสดิการคนขับแท็กซี่เช่นเติมก๊าซฯไปเท่าใดก็ให้ส่วนหนึ่งหักเข้ามูลนิธิผู้ขับรถแท็กซี่ตั้งมา 3 ปี
“เราคนละกลุ่มกับรถบรรทุกแต่ปัญหาใกล้เคียงกันแต่ว่าเรามีเป้าหมายชัดเจนว่าไม่คุยกับกระทรวงพลังงานจะคุยนายกฯ โดยตรงจึงเลือกที่จะมาทำเนียบแต่รถบรรทุกเลือกเป้าหมายผิด”นายวิฑูรย์กล่าว
**ด่ารัฐบาลเนรคุณ-เผาบัตรนปช.
นายเจียม พงศ์พันธ์หลวง อายุ 62 ปี ผู้ขับรถแท็กซี่ กล่าวว่า การชุมนุมในครั้งนี้ เราทำเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ เป็นผู้มีฐานะปานกลาง เราเพียงต้องการให้หยุดการพิจารณาขึ้นราคาแก๊สชั่วคราว เพราะแท็กซี่เดือดร้อนอยู่ไม่ได้จริงๆ และหากรัฐบาลไม่ทำตามข้อตกลง จะมีการปิดถนน และเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้ประท้วงมากขึ้น ผู้ชุมนุมกลุ่มคนขับรถแท็กซี่มีความคาดหวังว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คงไม่ทำตามนโยบายที่กลุ่ม ปตท. เสนอมาให้
" กลุ่มแท็กซี่ส่วนใหญ่ เลือกท่านเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ท่านคงไม่ทำร้ายกัน ถ้าไม่ดำเนินตามข้อเรียกร้อง กลุ่มแท็กซี่ จะเปลี่ยนสี ท่านนายกฯ ก็จะรู้ว่าเดือดร้อนหรือไม่" นายเจียมกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชุมนุมครั้งนี้ มีการปราศรัยโจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า เนรคุณ เพราะกลุ่มแท็กซี่ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง และเลือกพรรคเพื่อไทย พร้อมกันนี้ได้มีผู้ขับแท็กซี่บางคนนำบัตร นปช.มาเผาทิ้งด้วย
***เปิดช่องรถร่วมขึ้นค่าโดยสาร
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรณีที่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก.จะหยุดให้บริการหากรัฐบาลปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีนั้น เป็นเรื่องของกระทรวงพลังงาน ส่วนกระทรวงคมนาคม จะพิจารณาในเรื่องค่าโดยสาร ซึ่งหากผู้ประกอบการมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นราคา NGV ก็ควรมาหารือกับกระทรวงคมนาคม ซึ่งทั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พร้อมหารือและพิจารณารายละเอียดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ด้านนายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ได้ประสานไปยังผู้ประกอบการรถร่วม ขสนมก.ไม่ให้หยุดให้บริการแล้ว ซึ่งทางผู้ประกอบการเองก็รับปากว่าจะไม่หยุดวิ่งทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าหากรถร่วมบริการฯจะหยุดวิ่งก็จะไม่หยุดทั้งหมด 100% แน่นอน แต่ขสมก.ได้เตรียมพร้อมที่จะนำรถขสมก.ไปวิ่งทดแทน โดยแบ่งรถจำนวนหนึ่งจากเส้นทางที่มีรถให้บริการจำนวนมาก เป็นรถเมล์ฟรีในเส้นทางที่รถร่วมฯ หยุดวิ่ง เพื่อไม่ให้ประชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งอาจจะทำให้ต้องรอรถนานขึ้นบ้าง และหากนำไปวิ่งเสริมแทนแล้วจะไม่มีการถอนรถออกมาถึงแม้รถร่วมบริการจะเข้าไปวิ่งตามปกติแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ยอมรับว่า อัตราค่าโดยสารที่จัดเก็บในปัจจุบันเป็นอัตราที่ใช้มานานแล้ว หากการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีส่งผลกระทบกับทางผู้ประกอบการ ก็ต้องนำเสนอตัวเลขต้นทุน และค่าโดยสารที่เหมาะสมเสนอมายังขสมก.ได้ โดย ขสมก.พร้อมที่จะนำเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาต่อไป โดยการพิจารณาว่าจะให้มีการปรับขึ้นหรือไม่ ก็จะพิจารณาจากต้นทุนการให้บริการเป็นหลัก
**"มาร์ค"เรียกร้อง"ปู"ทบทวน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ว่า ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลเคยประกาศว่า การปรับราคาก็ต่อเมื่อรายได้ประชาชนสูงขึ้น แต่ขณะนี้เงินเดือน 15,000 บาท และค่าแรง 300 บาท ประชาชนก็ยังไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้ แต่กลับเพิ่มภาระให้ประชาชนทันที การปรับราคาก๊าซดังกล่าว ประชาชนจะกลายเป็นผู้แบกภาระเรื่องสินค้าราคาแพง และหากรัฐบาลแก้ปัญหาให้แท็กซี่ ด้วยการขยายอัตรามิเตอร์ ภาระก็ตกอยู่กับประชาชน ซึ่งในขณะนี้ ก็มีหนี้สินเพิ่มอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันทิศทางในการส่งเสริมพลังงาน รมว.พลังงาน ก็เกิดความสับสนว่าจะสนับสนุนพลังงานทางเลือกอย่างไร ดังนั้นพรรคจะไปตรวจสอบว่านโยบายของรัฐบาลเช่นนี้ จะทำให้ประชาชนต้องควักกระเป๋าเพิ่มในการจ่ายค่าครองชีพที่สูงขึ้น มากน้อยเพียงใด และอยากเตือนรัฐบาลว่า ไม่ควรมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก เพราะมาตรการ ที่มารองรับยังไม่เป็นธรรม หรือสร้างความมั่นใจได้ เช่น บัตรเครดิตพลังงาน
ส่วนที่อ้างว่าต้องเร่งแก้เพื่อฐานะกองทุนน้ำมัน ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า อุ้มเบนซินทำไม เพราะเป็นส่วนทำให้หนี้สินกองทุนเพิ่มขึ้น ตนคิดว่าหากรัฐบาลยกเลิกนโยบายนำเงินกองทุนน้ำมันไปสนับสนุนเบนซิน โดยคงการดูแลเอ็นจีวี และ แอลพีจี เอาไว้ น่าจะอยู่ในวิสัยที่บริหารได้ เพราะยังมีประเด็นเรื่องภาษีด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ รมว.พลังงาน เคยกล่าวหารัฐบาลชุดที่แล้วว่า ไม่ควรทำ แต่กลับมาต่ออายุครั้งละเดือน ยิ่งเกิดความไม่แน่นอน แสดงถึงนโยบายที่สับสน ไร้ทิศทาง เพิ่มภาระให้กับประชาชน
"สิ่งที่รัฐบาลควรทำในขณะนี้คือ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องปรับราคาแอลพีจี และเอ็นจีวี แนวคิดนี้เกิดจากอะไร และรัฐบาลได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ในเรื่องของต้นทุนที่แท้จริงทั้งหมดหรือยัง เพราะทุกยุคทุกสมัย มีความพยายามอ้างว่า ต้นทุนสูงขึ้น แต่เมื่อสั่งให้ตรวจสอบ กลับไม่สะท้อนข้อเท็จจริง เพราะมีข้อโต้แย้งจำนวนมาก รัฐบาลต้องเอาราคาที่มีการศึกษาต้นทุนที่แท้จริงมาเปิดเผย อย่าอ้างอิงกับราคาส่งออกอย่างเดียว เพราะไม่ใช่ราคาต้นทุน"
***" "พชร”โบ้ยเวิร์คพอยท์แจง
นายพชร นริพทะพันธุ์ อดีตโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตนได้ลาออกจากการเป็นโฆษกกระทรวงพลังงานตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 55 ที่ผ่านมาแล้วโดยยอมรับว่ารู้สึกไม่สบายใจต่อกรณีกระแสข่าวความขัดแย้งโครงการ”มหกรรมสินค้าประหยัดพลังงานเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย”ซึ่งเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งของบริษัทเอกชนที่มารับงานด้านประชาสัมพันธ์ของกระทรวงพลังงานโดยเรื่องดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายราชการทั้งหมด
“ผมเองยอมรับว่าถอดใจที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ในกระทรวงพลังงานได้ เราเองก็แย้งเรื่องนี้แล้วก็อยากทำอะไรให้ถูกต้องเปิดกว้างให้ทุกรายเท่าเทียมกันและโครงการนี้ยืนยันว่าไม่ใช่ความคิดของตนและนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงานแต่อย่างใด”นายพชรกล่าว
นอกจากนี้ ยังไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้จักกับบริษัทฟีนิกซ์ซึ่งเป็นบริษัทมารับงานโดยให้บริษัทเวอร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็นนอมินีตามที่ข่าวลงแต่อย่างใด โดยขั้นตอนการคัดเลือกก็มาตามกระบวนการของฝ่ายราชการทั้งสิ้นซึ่งขั้นตอนการทำงานของโครงการดังกล่าวเกือบทั้งหมดตนและรมว.พลังงานก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยเดินทางไปยังกัมพูชาและพม่าโดยตลอดดังนั้นคงจะต้องสอบถามไปยังบ.เวอร์คพอยท์เองหากต้องการข้อเท็จจริง
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พ.พ.)กล่าวว่า กรมฯไม่ได้รู้ถึงขั้นตอนการสรรหาบริษัทประชาสัมพันธ์แต่อย่างใดโดยมีเพียงหน้าที่ในการติดต่อร้านค้า และตรวจสอบด้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะเข้าร่วมโครงการเท่านั้นจึงไม่สามารถจะให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ได้
แหล่งข่าววงในกล่าวว่า บ.เวอร์คพอยท์ฯได้รับงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว 100 ล้านบาทโดยได้จ้างซับคอนแทรคส์ บ.โอกีวี่ ในการทำประชาสัมพันธ์ด้านสื่อมวลชน 1 ล้านบาทที่เหลือเป็นการจัดทำอีเว้นท์ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าลงทุนจริงเพียง 30% เท่านั้น ขณะเดียวกันหากตรวจสอบเบื้องลึกมีข่าวลือว่าบ.เวอร์คพอยท์ฯได้ถูกขอร้องผ่านบ.ฟีนิกซ์
มาอีกครั้งซึ่งเจ้าของเป็นอดีตผู้บริหารของบมจ.จีเอ็มเอ็มแกรมมี่แล้วมีปัญหาจนถูกไล่ออกซึ่งครั้งหนึ่งเจ้าของบ.ดังกล่าวยังเคยจัดทอดกฐินให้กับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
วานนี้ (9ม.ค.) เครือข่ายรถบรรทุก รถร่วมขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)และกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ได้นำรถแยกกันไปรวมตัวในการคัดค้านขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV)โดยรถบรรทุกและรถร่วมขสมก.จำนวน 300 คันมาปิดล้อมบริเวณหน้าถนนวิภาวดีหน้าอาคารบมจ.ปตท. และรถแท็กซี่แยกไปรวมตัว 3 จุดใหญ่กว่า 300 คันเพื่อกดดันรัฐบาลที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และบริเวณถ.พิษณุโลก ฝั่งสำนักงานกพ. ตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ จนถึงแยกมิสกวัน และจุดสุดท้ายบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์
การปิดล้อมบริเวณหน้าปตท.ช่วงเช้ารถบรรทุกและรถร่วมขสมก.ได้ปิดช่องถนนฝั่งขาออกถนนวิภาวดี 1 ช่องจรจร (3เลน) ซึ่งผู้ชุมนุมได้ขีดเส้นเวลาเที่ยงต้องมีคำตอบจากรัฐบาลในการตัดสินใจชะลอการปรับขึ้นซึ่งที่สุดก็ไม่ได้รับคำตอบผู้ชุมนุมจึงนำรถบรรทุกส่วนหนึ่งไปปิดช่องทางออกเพิ่มอีก1ช่องจรจรฝั่งขาออกที่เหลือแต่ปิด 2 เลนในเวลาประมาณ 13.00 น.ส่งผลต่อการจรจรที่ติดขัดยิ่งขึ้น ซึ่งต่อมาเวลา15.20 น.พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้เจรจาขอเปิดพื้นที่ช่องจราจรเพิ่มอีก 1 เลนซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยอมรับเงื่อนไขจึงทำให้ปิดช่องจราจร 4 เลน
นายยู เจนยืนยงพงศ์ เจนยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวหลังการหารือร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ที่ตึกเอ็นโก้ตั้งแต่เวลา 16.00 น.จนถึงเวลา 18.20 น. ว่า ได้ข้อสรุปที่จะมีการปรับขึ้นราคาNGV ตามมติครม.ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ แต่ระหว่างนี้จะหารือรายละเอียดร่วมกับทุกส่วนว่าจะรับได้เพียงใดจากที่รัฐกำหนดทะยอยขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกก.จนครบ 6 บาทต่อกก. ซึ่งเบื้องต้นนั้นยังยืนยันว่ารับได้ในระดับ 2 บาทต่อกก.หรือปรับขึ้น 4 เดือน
“เราคงไม่ให้เกิน 4 เดือน ถ้าจะปรับขึ้นแต่ทั้งหมดจะต้องมาดูรายละเอียดว่าที่เหมาะสมอยู่ที่ไหน เดือนแรกนี้ก็ขึ้นไปก่อน 50 สต.ต่อกก.ก็ยอมรับได้ เพราะที่ผ่านมาก็ยืนยันเสมอว่าขึ้นได้ระดับหนึ่ง แต่ว่าก๊าซฯเองจะต้องไม่ขาดแคลนและปั๊มจะต้องมีเพียงพอด้วยซึ่งทางรองนายกฯก็รับปากที่จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูรายละเอียดกันตรงนี้ก็พอใจทั้งหมดก็จะสลายการชุมนุมช่วง 18.30 น.ทันที ”นายยูกล่าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงานกล่าวว่า หลังจากนี้คงจะต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันที่จะมาดูรายละเอียดซึ่งจะต้องเป็นธรรมทุกฝ่ายโดยกองทุนน้ำมันฯจะต้องไม่มีการอุดหนุนเพิ่มขึ้น ปตท.รับได้และภาคขนส่งยอมรับได้ โดยการปรับขึ้นราคาNGV แอลพีจีภาคขนส่งจะเดินหน้าปรับราคาเป็นไปตามกรอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)โดย NGV ปรับขึ้น 50 สตางค์ต่อกก. แอลพีจีขนส่งปรับขึ้น 75 สต.ต่อกก.ในวันที่ 16 ม.ค.55 แล้วหลังจากนั้นไม่เกิน 1 เดือนจะหาข้อยุติว่าจะปรับที่เท่าใดที่เหมาะสม
“ กรอบเดิมก็ช่วยเหลือภาคขนส่งอยู่แล้ว โดยก่อนหน้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ชดเชยราคาให้กับบมจ.ปตท. 2 บาทต่อกก.แต่เมื่อทะยอยขึ้นเดือนละ 50 สต.ต่อกก.ก็จะนำเงินส่วนนี้มาทยอยลดให้กับผู้ที่มีบัตรเครดิตพลังงานรวม 4 เดือนจำนวน 2 บาทต่อกก.อยู่แล้ว จึงอยากให้ทุกส่วนมาขึ้นทะเบียนสมัครเข้าโครงการ”นายพิชัยกล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่กลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ และรถบรรทุกที่ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีว่า จากการหารือเบื้องต้นคงต้องให้มีการปรับราคาเอ็สจีวีขึ้นไปก่อนช่วงระยะเวลา 4 เดือน ๆละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยไม่กระทบค่าโดยสารแท็กซี่ เนื่องจากจะออกให้บัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวีตามที่ปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์/กก.เป็นเวลา 4 เดือนแก่แท็กซี่ แต่ในระยะยาวคงต้องมีการเจรจาอีกครั้ง เนื่องจากราคาเอ็นจีวี ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตามธรรมชาติ เพราะการที่รัฐจะเข้ามารับภาระระยะยาวไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ก็เข้าใจว่าช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และรัฐบาลก็มีโครงการบัตรเครดิตพลังงาน ซึ่งจะช่วยส่วนนี้ได้ ในการให้ส่วนลด
ส่วนจะมีการทบทวนมติครม.ในการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีหรือไม่นั้น ตนได้มอบหมายให้นายกิตติรัตน์ และนายพิชัย ไปหารือ คงต้องฟังปัญหาข้อเท็จจริง แล้วค่อยมาแก้ไข
***รับปากปรับเงื่อนไขบัตรเครดิตฯอุ้มแท็กซี่
นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายแท็กซี่และกลุ่มแท็กซี่สยาม กล่าวว่า กลุ่มแท็กซี่ได้ยุติการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันที่ 9 ม.ค. เนื่องจากรองเลขานายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงพลังงานและอธิบดีกรมขนส่งทางบกเข้ามารับเรื่องร้องเรียนและได้ข้อสรุปร่วมกัน กล่าวคือ 1.ด้านเยียวยารัฐบาลได้รับปากที่จะปรับเงื่อนไขบัตรเครดิตพลังงานให้เป็นบัตรส่วนลดราคาเอ็นจีวีตามที่จะปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม(กก.) จำนวน 4 เดือนโดยให้ปรับขึ้นได้ 2บาทต่อกก. โดยรัฐจะเพิ่มบัตรส่วนลดให้กับผู้ขับรถแท็กซี่ที่ยังไม่มีบัตรเครดิตพลังงาน
2.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์จะได้เร่งตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและแท็กซี่ มีนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ใน 1-2 วัน เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างNGV ทั้งระบบแทนทั้งการทบทวนมติครม.ที่ปรับขึ้นราคา 6 บาทต่อกก.เป็นเวลา 1 ปี
การดูแลปั๊มNGVที่ไม่เพียงพอ ดูแลสวัสดิการคนขับแท็กซี่เช่นเติมก๊าซฯไปเท่าใดก็ให้ส่วนหนึ่งหักเข้ามูลนิธิผู้ขับรถแท็กซี่ตั้งมา 3 ปี
“เราคนละกลุ่มกับรถบรรทุกแต่ปัญหาใกล้เคียงกันแต่ว่าเรามีเป้าหมายชัดเจนว่าไม่คุยกับกระทรวงพลังงานจะคุยนายกฯ โดยตรงจึงเลือกที่จะมาทำเนียบแต่รถบรรทุกเลือกเป้าหมายผิด”นายวิฑูรย์กล่าว
**ด่ารัฐบาลเนรคุณ-เผาบัตรนปช.
นายเจียม พงศ์พันธ์หลวง อายุ 62 ปี ผู้ขับรถแท็กซี่ กล่าวว่า การชุมนุมในครั้งนี้ เราทำเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ เป็นผู้มีฐานะปานกลาง เราเพียงต้องการให้หยุดการพิจารณาขึ้นราคาแก๊สชั่วคราว เพราะแท็กซี่เดือดร้อนอยู่ไม่ได้จริงๆ และหากรัฐบาลไม่ทำตามข้อตกลง จะมีการปิดถนน และเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้ประท้วงมากขึ้น ผู้ชุมนุมกลุ่มคนขับรถแท็กซี่มีความคาดหวังว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คงไม่ทำตามนโยบายที่กลุ่ม ปตท. เสนอมาให้
" กลุ่มแท็กซี่ส่วนใหญ่ เลือกท่านเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ท่านคงไม่ทำร้ายกัน ถ้าไม่ดำเนินตามข้อเรียกร้อง กลุ่มแท็กซี่ จะเปลี่ยนสี ท่านนายกฯ ก็จะรู้ว่าเดือดร้อนหรือไม่" นายเจียมกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชุมนุมครั้งนี้ มีการปราศรัยโจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า เนรคุณ เพราะกลุ่มแท็กซี่ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง และเลือกพรรคเพื่อไทย พร้อมกันนี้ได้มีผู้ขับแท็กซี่บางคนนำบัตร นปช.มาเผาทิ้งด้วย
***เปิดช่องรถร่วมขึ้นค่าโดยสาร
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรณีที่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก.จะหยุดให้บริการหากรัฐบาลปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีนั้น เป็นเรื่องของกระทรวงพลังงาน ส่วนกระทรวงคมนาคม จะพิจารณาในเรื่องค่าโดยสาร ซึ่งหากผู้ประกอบการมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นราคา NGV ก็ควรมาหารือกับกระทรวงคมนาคม ซึ่งทั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พร้อมหารือและพิจารณารายละเอียดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ด้านนายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ได้ประสานไปยังผู้ประกอบการรถร่วม ขสนมก.ไม่ให้หยุดให้บริการแล้ว ซึ่งทางผู้ประกอบการเองก็รับปากว่าจะไม่หยุดวิ่งทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าหากรถร่วมบริการฯจะหยุดวิ่งก็จะไม่หยุดทั้งหมด 100% แน่นอน แต่ขสมก.ได้เตรียมพร้อมที่จะนำรถขสมก.ไปวิ่งทดแทน โดยแบ่งรถจำนวนหนึ่งจากเส้นทางที่มีรถให้บริการจำนวนมาก เป็นรถเมล์ฟรีในเส้นทางที่รถร่วมฯ หยุดวิ่ง เพื่อไม่ให้ประชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งอาจจะทำให้ต้องรอรถนานขึ้นบ้าง และหากนำไปวิ่งเสริมแทนแล้วจะไม่มีการถอนรถออกมาถึงแม้รถร่วมบริการจะเข้าไปวิ่งตามปกติแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ยอมรับว่า อัตราค่าโดยสารที่จัดเก็บในปัจจุบันเป็นอัตราที่ใช้มานานแล้ว หากการปรับขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีส่งผลกระทบกับทางผู้ประกอบการ ก็ต้องนำเสนอตัวเลขต้นทุน และค่าโดยสารที่เหมาะสมเสนอมายังขสมก.ได้ โดย ขสมก.พร้อมที่จะนำเสนอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาต่อไป โดยการพิจารณาว่าจะให้มีการปรับขึ้นหรือไม่ ก็จะพิจารณาจากต้นทุนการให้บริการเป็นหลัก
**"มาร์ค"เรียกร้อง"ปู"ทบทวน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการปรับราคาก๊าซเอ็นจีวี และแอลพีจี ว่า ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลเคยประกาศว่า การปรับราคาก็ต่อเมื่อรายได้ประชาชนสูงขึ้น แต่ขณะนี้เงินเดือน 15,000 บาท และค่าแรง 300 บาท ประชาชนก็ยังไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้ แต่กลับเพิ่มภาระให้ประชาชนทันที การปรับราคาก๊าซดังกล่าว ประชาชนจะกลายเป็นผู้แบกภาระเรื่องสินค้าราคาแพง และหากรัฐบาลแก้ปัญหาให้แท็กซี่ ด้วยการขยายอัตรามิเตอร์ ภาระก็ตกอยู่กับประชาชน ซึ่งในขณะนี้ ก็มีหนี้สินเพิ่มอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันทิศทางในการส่งเสริมพลังงาน รมว.พลังงาน ก็เกิดความสับสนว่าจะสนับสนุนพลังงานทางเลือกอย่างไร ดังนั้นพรรคจะไปตรวจสอบว่านโยบายของรัฐบาลเช่นนี้ จะทำให้ประชาชนต้องควักกระเป๋าเพิ่มในการจ่ายค่าครองชีพที่สูงขึ้น มากน้อยเพียงใด และอยากเตือนรัฐบาลว่า ไม่ควรมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก เพราะมาตรการ ที่มารองรับยังไม่เป็นธรรม หรือสร้างความมั่นใจได้ เช่น บัตรเครดิตพลังงาน
ส่วนที่อ้างว่าต้องเร่งแก้เพื่อฐานะกองทุนน้ำมัน ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า อุ้มเบนซินทำไม เพราะเป็นส่วนทำให้หนี้สินกองทุนเพิ่มขึ้น ตนคิดว่าหากรัฐบาลยกเลิกนโยบายนำเงินกองทุนน้ำมันไปสนับสนุนเบนซิน โดยคงการดูแลเอ็นจีวี และ แอลพีจี เอาไว้ น่าจะอยู่ในวิสัยที่บริหารได้ เพราะยังมีประเด็นเรื่องภาษีด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ รมว.พลังงาน เคยกล่าวหารัฐบาลชุดที่แล้วว่า ไม่ควรทำ แต่กลับมาต่ออายุครั้งละเดือน ยิ่งเกิดความไม่แน่นอน แสดงถึงนโยบายที่สับสน ไร้ทิศทาง เพิ่มภาระให้กับประชาชน
"สิ่งที่รัฐบาลควรทำในขณะนี้คือ จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องปรับราคาแอลพีจี และเอ็นจีวี แนวคิดนี้เกิดจากอะไร และรัฐบาลได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ในเรื่องของต้นทุนที่แท้จริงทั้งหมดหรือยัง เพราะทุกยุคทุกสมัย มีความพยายามอ้างว่า ต้นทุนสูงขึ้น แต่เมื่อสั่งให้ตรวจสอบ กลับไม่สะท้อนข้อเท็จจริง เพราะมีข้อโต้แย้งจำนวนมาก รัฐบาลต้องเอาราคาที่มีการศึกษาต้นทุนที่แท้จริงมาเปิดเผย อย่าอ้างอิงกับราคาส่งออกอย่างเดียว เพราะไม่ใช่ราคาต้นทุน"
***" "พชร”โบ้ยเวิร์คพอยท์แจง
นายพชร นริพทะพันธุ์ อดีตโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตนได้ลาออกจากการเป็นโฆษกกระทรวงพลังงานตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 55 ที่ผ่านมาแล้วโดยยอมรับว่ารู้สึกไม่สบายใจต่อกรณีกระแสข่าวความขัดแย้งโครงการ”มหกรรมสินค้าประหยัดพลังงานเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบภัย”ซึ่งเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งของบริษัทเอกชนที่มารับงานด้านประชาสัมพันธ์ของกระทรวงพลังงานโดยเรื่องดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายราชการทั้งหมด
“ผมเองยอมรับว่าถอดใจที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ในกระทรวงพลังงานได้ เราเองก็แย้งเรื่องนี้แล้วก็อยากทำอะไรให้ถูกต้องเปิดกว้างให้ทุกรายเท่าเทียมกันและโครงการนี้ยืนยันว่าไม่ใช่ความคิดของตนและนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงานแต่อย่างใด”นายพชรกล่าว
นอกจากนี้ ยังไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้จักกับบริษัทฟีนิกซ์ซึ่งเป็นบริษัทมารับงานโดยให้บริษัทเวอร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็นนอมินีตามที่ข่าวลงแต่อย่างใด โดยขั้นตอนการคัดเลือกก็มาตามกระบวนการของฝ่ายราชการทั้งสิ้นซึ่งขั้นตอนการทำงานของโครงการดังกล่าวเกือบทั้งหมดตนและรมว.พลังงานก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยเดินทางไปยังกัมพูชาและพม่าโดยตลอดดังนั้นคงจะต้องสอบถามไปยังบ.เวอร์คพอยท์เองหากต้องการข้อเท็จจริง
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พ.พ.)กล่าวว่า กรมฯไม่ได้รู้ถึงขั้นตอนการสรรหาบริษัทประชาสัมพันธ์แต่อย่างใดโดยมีเพียงหน้าที่ในการติดต่อร้านค้า และตรวจสอบด้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะเข้าร่วมโครงการเท่านั้นจึงไม่สามารถจะให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ได้
แหล่งข่าววงในกล่าวว่า บ.เวอร์คพอยท์ฯได้รับงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว 100 ล้านบาทโดยได้จ้างซับคอนแทรคส์ บ.โอกีวี่ ในการทำประชาสัมพันธ์ด้านสื่อมวลชน 1 ล้านบาทที่เหลือเป็นการจัดทำอีเว้นท์ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าลงทุนจริงเพียง 30% เท่านั้น ขณะเดียวกันหากตรวจสอบเบื้องลึกมีข่าวลือว่าบ.เวอร์คพอยท์ฯได้ถูกขอร้องผ่านบ.ฟีนิกซ์
มาอีกครั้งซึ่งเจ้าของเป็นอดีตผู้บริหารของบมจ.จีเอ็มเอ็มแกรมมี่แล้วมีปัญหาจนถูกไล่ออกซึ่งครั้งหนึ่งเจ้าของบ.ดังกล่าวยังเคยจัดทอดกฐินให้กับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร