นครบาลแถลงโชว์จับ “ส.ต.ต.” ควบวีโก้ยิงป่วนเมือง เจ้าตัวยอมรับเมาเหล้าขาดสติ บวกกับความคึกคะนองและโมโหเพื่อนจากงานแต่ง เลยไล่ติดตามกะยิงรถเพื่อนแต่ไม่เจอ เลยยิงกราดเสียหายไป 6 คัน ก่อเหตุแล้วหนีไปบ้านเกิดสงขลาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่กล้าเข้ามอบตัวจนตำรวจตามเจอ พบประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า ตรวจฉี่พบเสพยาจนถูกไล่ออกจากราชการไปเมื่อเดือนที่แล้วแต่เจ้าตัวยังไม่ได้เซ็นรับทราบในคำสั่ง จนมาก่อเหตุซ้ำ
วันนี้ (30 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.แถลงการจับกุม ส.ต.ต.ถิรายุ เพ็ชรมีค่า อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195/253 ม.5 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม อดีตตำรวจนอกราชการ สามารถจับกุมได้ที่ อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของคนร้าย พร้อมยึดของกลางเป็นอาวุธปืน ยี่ห้อ STOEGER model COUGAR ขนาด 9 มม.กระสุนปืนจำนวน 5 นัด และรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทะเบียน ผค 3368 สงขลา
ทั้งนี้ จากกรณีคนร้ายขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์วีโก้ สีเงิน ทะเบียน ผค 3368 สงขลา แต่งเครื่องเสียงเปิดเพลงเสียงดัง ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ไล่ยิงรถยนต์ชาวบ้าน ที่ถนนรัชดาภิเษกช่วงใกล้แยกลาดพร้าว เรื่อยมาถึงแยกประชานุกูล แยกวงศ์สว่าง สะพานพระราม 7 ลอดใต้สะพานไปบางโพ ท้องที่สน.ดุสิต โดยมีรถถูกยิงเสียหาย จำนวน 6 คัน ทราบชื่อมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 คน คือ ส.ต.อ.สุริยา จันทราช อายุ 35 ปี ตำรวจท่องเที่ยวถูกยิงเข้าบริเวณกราม และข้าราชการระดับผอ.ในทำเนียบรัฐบาลถูกกระสุนเข้าคอ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.วินัย เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่แน่นหนาพอที่จะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ภายใน 6 วัน โดยหลังจากก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้กระจายกำลังออกสืบสวนหาข่าว โดยประสานข้อมูลกับกรมขนส่งทางบกจนทราบรายชื่อเจ้าของรถทั้งหมดจนได้มาพบรถที่ก่อเหตุคันดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต และยื่นคำร้องขอออกหมาบจับ ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ ที่ 2020/54 ลง 29 ธ.ค.54
ด้าน พล.ต.ต.จรัมพร กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบรอยของกระสุนปืนจากรถที่ถูกยิง โดยมีจำนวนทั้งหมด 17 รอยด้วยกัน และได้มีการตรวจเปรียบเทียบแล้วสามารถเชื่อมโยงกันได้ และสามารถสรุปได้ว่าเป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกันที่ใช้ในการก่อเหตุ รวมทั้งมีการเก็บเขม่าจากตัว ส.ต.ต.ถิรายุ ไว้ด้วย
จากการสอบสวน ส.ต.ต.ถิจายุ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงานที่ร้านอาหารแถวห้วยขวาง บวกกับที่ตอนนั้นตนเมาสุรามากจนขาดสติ และได้มีเรื่องกันกับเพื่อนภายในงาน หลังจากเพื่อนคนดังกล่าวได้ขับรถออกจากงานไปแล้ว จึงขับรถตามออกมาด้วยความโมโหเพื่อจะไล่ยิงเพื่อน แต่ไม่พบจึงไล่ยิงรถคันที่ผ่านไปมา หลังจากก่อเหตุกลับไปบ้านที่ จ.สงขลา และได้ติดตามข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้ว่าตัวเองกำลังถูกตำรวจติดตามจะเข้ามอบตัวแต่ไม่กล้า จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมได้ในที่สุด
“ผมเป็นคนขับรถวีโก้คันนั้นเอง และเป็นคนยิงรถยนต์ทั้ง 6 คัน ลงมือทำแต่เพียงผู้เดียว แต่ด้วยอารมณ์ตอนนั้นที่ผมเมาสุรา และเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงแต่งงาน สาเหตุที่ผมได้ลงมือก่อเหตุนั้น ผมต้องขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำไปจริงๆ เพราะตอนนั้นผมเมา ขาดสติ เกิดจากความคึกคะนอง และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากก่อเหตุผมได้กลับไปบ้าน จ.สงขลา และได้ติดตามข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้ตัวว่ากำลังถูกตำรวจติดตามจะเข้ามอบตัว แต่ไม่กล้า กระทั่งถูกจับเสียก่อน” ส.ต.ต.ถิรายุ กล่าว พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษผ่านบรรดาสื่อมวลชน
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ส.ต.ต.ถิรายุ เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า ในท้องที่สน.ห้วยขวาง เมื่อปี 51 หลังเมาสุราก่อเหตุทะเลาะวิวาทโดยใช้อาวุธปืน และตรวจปัสสาวะพบว่า เสพยาเสพติดจนผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการมีคำสั่งไล่ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ ส.ต.ต.ถิรายุ ยังไม่ได้เซ็นรับทราบในคำสั่งเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนจะประสานให้ สน.ประชาชื่น มาทำการอายัดตัวต่อไป
วันนี้ (30 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.แถลงการจับกุม ส.ต.ต.ถิรายุ เพ็ชรมีค่า อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195/253 ม.5 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม อดีตตำรวจนอกราชการ สามารถจับกุมได้ที่ อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของคนร้าย พร้อมยึดของกลางเป็นอาวุธปืน ยี่ห้อ STOEGER model COUGAR ขนาด 9 มม.กระสุนปืนจำนวน 5 นัด และรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทะเบียน ผค 3368 สงขลา
ทั้งนี้ จากกรณีคนร้ายขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์วีโก้ สีเงิน ทะเบียน ผค 3368 สงขลา แต่งเครื่องเสียงเปิดเพลงเสียงดัง ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ไล่ยิงรถยนต์ชาวบ้าน ที่ถนนรัชดาภิเษกช่วงใกล้แยกลาดพร้าว เรื่อยมาถึงแยกประชานุกูล แยกวงศ์สว่าง สะพานพระราม 7 ลอดใต้สะพานไปบางโพ ท้องที่สน.ดุสิต โดยมีรถถูกยิงเสียหาย จำนวน 6 คัน ทราบชื่อมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 คน คือ ส.ต.อ.สุริยา จันทราช อายุ 35 ปี ตำรวจท่องเที่ยวถูกยิงเข้าบริเวณกราม และข้าราชการระดับผอ.ในทำเนียบรัฐบาลถูกกระสุนเข้าคอ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.วินัย เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่แน่นหนาพอที่จะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ภายใน 6 วัน โดยหลังจากก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้กระจายกำลังออกสืบสวนหาข่าว โดยประสานข้อมูลกับกรมขนส่งทางบกจนทราบรายชื่อเจ้าของรถทั้งหมดจนได้มาพบรถที่ก่อเหตุคันดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต และยื่นคำร้องขอออกหมาบจับ ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ ที่ 2020/54 ลง 29 ธ.ค.54
ด้าน พล.ต.ต.จรัมพร กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบรอยของกระสุนปืนจากรถที่ถูกยิง โดยมีจำนวนทั้งหมด 17 รอยด้วยกัน และได้มีการตรวจเปรียบเทียบแล้วสามารถเชื่อมโยงกันได้ และสามารถสรุปได้ว่าเป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกันที่ใช้ในการก่อเหตุ รวมทั้งมีการเก็บเขม่าจากตัว ส.ต.ต.ถิรายุ ไว้ด้วย
จากการสอบสวน ส.ต.ต.ถิจายุ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงานที่ร้านอาหารแถวห้วยขวาง บวกกับที่ตอนนั้นตนเมาสุรามากจนขาดสติ และได้มีเรื่องกันกับเพื่อนภายในงาน หลังจากเพื่อนคนดังกล่าวได้ขับรถออกจากงานไปแล้ว จึงขับรถตามออกมาด้วยความโมโหเพื่อจะไล่ยิงเพื่อน แต่ไม่พบจึงไล่ยิงรถคันที่ผ่านไปมา หลังจากก่อเหตุกลับไปบ้านที่ จ.สงขลา และได้ติดตามข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้ว่าตัวเองกำลังถูกตำรวจติดตามจะเข้ามอบตัวแต่ไม่กล้า จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมได้ในที่สุด
“ผมเป็นคนขับรถวีโก้คันนั้นเอง และเป็นคนยิงรถยนต์ทั้ง 6 คัน ลงมือทำแต่เพียงผู้เดียว แต่ด้วยอารมณ์ตอนนั้นที่ผมเมาสุรา และเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงแต่งงาน สาเหตุที่ผมได้ลงมือก่อเหตุนั้น ผมต้องขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำไปจริงๆ เพราะตอนนั้นผมเมา ขาดสติ เกิดจากความคึกคะนอง และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากก่อเหตุผมได้กลับไปบ้าน จ.สงขลา และได้ติดตามข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้ตัวว่ากำลังถูกตำรวจติดตามจะเข้ามอบตัว แต่ไม่กล้า กระทั่งถูกจับเสียก่อน” ส.ต.ต.ถิรายุ กล่าว พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษผ่านบรรดาสื่อมวลชน
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ส.ต.ต.ถิรายุ เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า ในท้องที่สน.ห้วยขวาง เมื่อปี 51 หลังเมาสุราก่อเหตุทะเลาะวิวาทโดยใช้อาวุธปืน และตรวจปัสสาวะพบว่า เสพยาเสพติดจนผู้บังคับบัญชาตั้งคณะกรรมการมีคำสั่งไล่ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ ส.ต.ต.ถิรายุ ยังไม่ได้เซ็นรับทราบในคำสั่งเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนจะประสานให้ สน.ประชาชื่น มาทำการอายัดตัวต่อไป