ASTVผู้จัดการรายวัน – ส่องทิศสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีมะโรง ผ่านนายกสมาคมและอดีตนายกสมาคม ภาคเอกชนที่หลากหลาย ล้วนสรุปฟันธงได้ว่า ปีมะโรงดุ กำลังซื้อยังตกต่ำ ซบเซา ต่อเนื่อง พร้อมทั้งปัจจัยลบรออยู่เบื้องหน้าเพียบ ทั้งปัยหาการเมือวที่ยังคุกรุ่นรอวันปะทุ ภัยธรรมชาติที่รุนแรง ปัญหาเศรษฐกิจโลก
วรพันธ์ โลกิตสถาพร
นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
กรรมการผู้จัดการ สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊กส์
กำลังซื้อปี 2555 ยังแย่อยู่ ถ้าอาศัยเพียงแต่ภาคเอกชนจะกระตุ้นกันเองคงลำบาก กำลังซื้อตอนนี้มันน้อย น่ากังวลด้วยซ้ำไป เพราะว่าภาคเอกชนก็ย่ำแย่ไปมากจากปีที่แล้ว ลำพังเอาตัวเองให้รอดก่อนก็ลำบากแล้ว รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดกำลังซื้อกลับคืนมา
เมื่อแรงงานของไทยปรับสูงขึ้น ภาคเอกชนโดยเฉพาะต่างชาติถอนทุนย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นมากขึ้น ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบการจับจ่ายหายไปมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อให้เกิดการจ้างงานมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจมีเงินหมุนเวียนเกิดขึ้น
ส่วนปัจจัยลบไทยเราคงต้องเผชิญกับปัญหาภัยทางธรรมชาติต่ออีก เพราะว่าเรื่องภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเป็นเรื่องใหญ่ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และอีกเรื่องก็คือ ปัญหาการเมือง เพราะดูเหมือนการเมืองมันนิ่งแต่มันก็พร้อมที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา
ส่วนปัจจัยต่างประเทศทั้งเรื่องปัญหาค่าเงิน ปัญหาระบบเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่ตกต่ำ ก็น่ากลัว
ดร. สุวิทย์ กิ่งแก้ว
นายกสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
ภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีแรก2555นี้คาดว่ายังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เนื่องจากว่าประชาชนตกอยู่ในภาวะขาดรายได้ ส่วนหนึ่งตกงานเพราะธุรกิจปิดตัวหลายแห่ง และอีกอย่างผู้ที่เดือดร้อนเพราะน้ำท่วมต้องใช้เงินจำนวนมากในการรซ่อมแซมบ้าน แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังกำลังซื้อน่าจะดีดตัวกลับขึ้นมาบ้าง
ส่วนปัจจัยลบในปีนี้ มองว่า ปัญหาเรื่องภัยธรรมชาติยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ เพราะเราไม่สามรถควบคุมมันได้ ส่วนเรื่องปัญหาการเมืองก็คงพอมีบ้าง แต่คาดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรงอีก
เกษม อินทร์แก้ว
นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย
ประธานกรรมการ บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ CTH
ในปี 2555 นี้หวังว่าจะไม่มีสถานการณ์เลวร้ายต่างๆเกิดขึ้น แต่ถ้ามีเกิดขึ้น อย่างเช่นปัญหาทางการเมือง ทางกลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีมองว่า เราจะต้องยึดเอาประเทศไทยเป็นที่ตั้ง และให้ความสำคัญกับองค์กร จึงจะสามารถฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ส่วนในแง่ของธุรกิจ ปีหน้าก็พร้อมปรับตัวรับมากขึ้น ภายใต้ภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และกสทช.ที่เกิดขึ้นมา
สมชาย พรรัตนเจริญ
นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย
กำลังซื้อในปี 2555 นี้ ยังคงนิ่ง แม้ว่าภาครัฐจะเติมเม็ดเงินไปในระบบมากก็ตาม เช่น การปรับเงินเดือนสูงขึ้น ดูเหมือนว่าฐานกำลังซื้อผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นทุกข์ลาภ เพราะเมื่อรายได้สูงขึ้น ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ราคาข้าวของแพงขึ้นเป้นเงาตามตัว เท่ากับว่าไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็ต้องไปใช้จ่ายในสิ่งเดิมที่ราคาสูงขึ้นเหมือนกัน
ตอนนี้ผู้บริโภคคงต้องใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ต้องประหยัดมากขึ้น การใช้เงินแต่ละครั้งต้องมองถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก ไม่ได้ซื้อเพื่อสนองความต้องการหรือความอยากแล้ว แต่ต้องซื้อที่จำเป็นจริงๆ
ส่วนเราเองก็ยังมีผลกระทบต่อเนื่องจากน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้ว ปีนี้ก็มีน้ำท่วมใหญ่ที่ภาคใต้อีก เม็ดเงินส่วนใหญ่ต้องไปจมอยู่กับการซ่อมแซมบ้านเรือน การที่จะให้เศรษฐกิจอู้ฟู่ รุ่งเรืองเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็วมันคงเป็นเรื่องลำบาก
ส่วนปัญหาการเมืองก็น่ากลัว ซึ่งตอนนี้ก็จะทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่องเป็นเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว โดยเฉพาะเรื่องเก่ากับการช่วยคนเพียงคนเดียวด้วยการแก้ไขกฎหมายหรืออะไรต่างๆ ซึ่งจะต้องมีอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นมาคัดค้านแน่นอน ทำให้การเมืองไม่นิ่งอีกแล้ว ผมกังวลปัญหาการเมืองมาก
ปัญหาอื่นนอกจากนี้คือเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ไม่นิ่งจะตกต่ำ ทั้งยุโรป อเมริกา แต่ก็ดีเพราะทุนก็จะเคลื่อนย้ายมาที่เอเชียมากขึ้น และไทยก็เป็นเป้าหมายใหญ่ที่สำคัญของทุนต่างชาติด้วย จะช่วยทำให้กำลังซื้อในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุด รัฐบาลต้องพึ่งกำลังซื้อของประเทศเราเอง พึ่งกำลังซื้อในประเทศให้มากขึ้น เพราะถ้าการเมืองยังมีปัญหา ระบบการจัดการของไทยไม่ดี ทุนต่างชาติก็ไม่เข้าอยู่ดี
พญ.นลินี ไพบูลย์
อดีตนายกสมาคมการขายตรงไทย
ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน ส
กายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด
ปี 2555 สถานการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจต้องรอดูแผนของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมว่า รัฐบาลวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับคืนมาได้อย่างไร หลังจากที่ปีที่เล้วต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากจากน้ำท่วมมาอย่างสะบักสะบอม รวมทั้งมาตรการในการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศให้กลับคืนมาได้อย่างไร
ส่วนกำลังซื้อในปี 2555 นี้ อาจจะทรงตัวหรือลดลง เนื่องจากหลายปัจจัยเช่น ค่าแรงขั้นต่ำแม้จะปรับเป็น 300 บาทก็ตาม หรือแม้เต่เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรีเริ่มที่ 15,000 บาทต่อเดือน ก็คงไม่มีประโยชน์ หากไม่มีงานทำ เพราะหลายปีมานี้ภาคเอกชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากหลายเรือ่ง ล่าสุดก็คือ น้ำท่วมปีที่แล้ว สร้างความเสียหายอย่างมาก หลายบริษัทต้องปิดตัวไป หรือไมก็ต้องลดขนาดกิจการ เมื่อไม่มีนายจ้างก็ไม่มีประโยชน์ถ้ามีการปรับเงินเดือนขั้นต่ำ ดังนั้นผู้บริโภคคงต้องระมัดระวังในการจับจ่าย ต้องประหยัดและรอบคอบมากขึ้น ถ้าเศรษฐกิจหมุนเวียนดีกำลังซื้อก็มี แต่ถ้าเศรษฐกิจยังชะงัก กำลังซื้อแย่แน่นอน
กงกฤช หิรัญกิจ
อดีตประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)
ปัจจัยลบสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในปี 2555 คือเรื่องปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ เพราะจากปีที่ผ่านๆมา ท่องเที่ยว เจอทั้งวิกฤติทางการเมือง ภัยธรรมชาติ โรคระบาด ตลอดจน วิกฤตทางเศรษฐกิจ แต่ที่รุนแรงที่สุดและทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่มั่นใจสูงสุด คือปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูงต่อทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในส่วนของการเกิดภัยธรรมชาติเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่เห็นความชัดเจน ในมาตรการจากรัฐบาลที่จะป้องกันความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ หรือ ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ จะเห็นได้อย่างกรณีน้ำท่วม ถือเป็นภัยที่เกิดขึ้นทุกปี จึงต้องการให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและบริษัทนำเที่ยว
วิทวัส ชัยปาณี
อดีตนายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซจีวัน จำกัด
ในปี2555 มั่นใจว่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% หรืออาจจะโตได้ถึง 15% เพราะลูกค้าอั้นการใช้เงินจนเต็มที่แล้ว หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีแต่วิกฤตเลวร้ายเกิดขึ้น ซึ่งลูกค้ายังคงมีการวางแผนการใช้สื่อแบบระยะยาวแบบปีต่อปีอยู่ แต่ก็มีการประเมินสถานการณ์ต่างๆแบบเดือนต่อเดือนไปด้วย
วรพันธ์ โลกิตสถาพร
นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
กรรมการผู้จัดการ สำนักพิมพ์สถาพรบุ๊กส์
กำลังซื้อปี 2555 ยังแย่อยู่ ถ้าอาศัยเพียงแต่ภาคเอกชนจะกระตุ้นกันเองคงลำบาก กำลังซื้อตอนนี้มันน้อย น่ากังวลด้วยซ้ำไป เพราะว่าภาคเอกชนก็ย่ำแย่ไปมากจากปีที่แล้ว ลำพังเอาตัวเองให้รอดก่อนก็ลำบากแล้ว รัฐบาลต้องเป็นเจ้าภาพหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดกำลังซื้อกลับคืนมา
เมื่อแรงงานของไทยปรับสูงขึ้น ภาคเอกชนโดยเฉพาะต่างชาติถอนทุนย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นมากขึ้น ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบการจับจ่ายหายไปมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อให้เกิดการจ้างงานมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจมีเงินหมุนเวียนเกิดขึ้น
ส่วนปัจจัยลบไทยเราคงต้องเผชิญกับปัญหาภัยทางธรรมชาติต่ออีก เพราะว่าเรื่องภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติเป็นเรื่องใหญ่ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และอีกเรื่องก็คือ ปัญหาการเมือง เพราะดูเหมือนการเมืองมันนิ่งแต่มันก็พร้อมที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา
ส่วนปัจจัยต่างประเทศทั้งเรื่องปัญหาค่าเงิน ปัญหาระบบเศรษฐกิจของประเทศยุโรปที่ตกต่ำ ก็น่ากลัว
ดร. สุวิทย์ กิ่งแก้ว
นายกสมาคมพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกทุนไทย
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
ภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีแรก2555นี้คาดว่ายังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เนื่องจากว่าประชาชนตกอยู่ในภาวะขาดรายได้ ส่วนหนึ่งตกงานเพราะธุรกิจปิดตัวหลายแห่ง และอีกอย่างผู้ที่เดือดร้อนเพราะน้ำท่วมต้องใช้เงินจำนวนมากในการรซ่อมแซมบ้าน แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังกำลังซื้อน่าจะดีดตัวกลับขึ้นมาบ้าง
ส่วนปัจจัยลบในปีนี้ มองว่า ปัญหาเรื่องภัยธรรมชาติยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ เพราะเราไม่สามรถควบคุมมันได้ ส่วนเรื่องปัญหาการเมืองก็คงพอมีบ้าง แต่คาดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรงอีก
เกษม อินทร์แก้ว
นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย
ประธานกรรมการ บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ CTH
ในปี 2555 นี้หวังว่าจะไม่มีสถานการณ์เลวร้ายต่างๆเกิดขึ้น แต่ถ้ามีเกิดขึ้น อย่างเช่นปัญหาทางการเมือง ทางกลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีมองว่า เราจะต้องยึดเอาประเทศไทยเป็นที่ตั้ง และให้ความสำคัญกับองค์กร จึงจะสามารถฝ่าฟันปัญหาต่างๆไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ส่วนในแง่ของธุรกิจ ปีหน้าก็พร้อมปรับตัวรับมากขึ้น ภายใต้ภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และกสทช.ที่เกิดขึ้นมา
สมชาย พรรัตนเจริญ
นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย
กำลังซื้อในปี 2555 นี้ ยังคงนิ่ง แม้ว่าภาครัฐจะเติมเม็ดเงินไปในระบบมากก็ตาม เช่น การปรับเงินเดือนสูงขึ้น ดูเหมือนว่าฐานกำลังซื้อผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นทุกข์ลาภ เพราะเมื่อรายได้สูงขึ้น ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ราคาข้าวของแพงขึ้นเป้นเงาตามตัว เท่ากับว่าไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็ต้องไปใช้จ่ายในสิ่งเดิมที่ราคาสูงขึ้นเหมือนกัน
ตอนนี้ผู้บริโภคคงต้องใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ต้องประหยัดมากขึ้น การใช้เงินแต่ละครั้งต้องมองถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก ไม่ได้ซื้อเพื่อสนองความต้องการหรือความอยากแล้ว แต่ต้องซื้อที่จำเป็นจริงๆ
ส่วนเราเองก็ยังมีผลกระทบต่อเนื่องจากน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้ว ปีนี้ก็มีน้ำท่วมใหญ่ที่ภาคใต้อีก เม็ดเงินส่วนใหญ่ต้องไปจมอยู่กับการซ่อมแซมบ้านเรือน การที่จะให้เศรษฐกิจอู้ฟู่ รุ่งเรืองเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็วมันคงเป็นเรื่องลำบาก
ส่วนปัญหาการเมืองก็น่ากลัว ซึ่งตอนนี้ก็จะทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่องเป็นเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว โดยเฉพาะเรื่องเก่ากับการช่วยคนเพียงคนเดียวด้วยการแก้ไขกฎหมายหรืออะไรต่างๆ ซึ่งจะต้องมีอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นมาคัดค้านแน่นอน ทำให้การเมืองไม่นิ่งอีกแล้ว ผมกังวลปัญหาการเมืองมาก
ปัญหาอื่นนอกจากนี้คือเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ไม่นิ่งจะตกต่ำ ทั้งยุโรป อเมริกา แต่ก็ดีเพราะทุนก็จะเคลื่อนย้ายมาที่เอเชียมากขึ้น และไทยก็เป็นเป้าหมายใหญ่ที่สำคัญของทุนต่างชาติด้วย จะช่วยทำให้กำลังซื้อในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ทางที่ดีที่สุด รัฐบาลต้องพึ่งกำลังซื้อของประเทศเราเอง พึ่งกำลังซื้อในประเทศให้มากขึ้น เพราะถ้าการเมืองยังมีปัญหา ระบบการจัดการของไทยไม่ดี ทุนต่างชาติก็ไม่เข้าอยู่ดี
พญ.นลินี ไพบูลย์
อดีตนายกสมาคมการขายตรงไทย
ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน ส
กายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด
ปี 2555 สถานการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจต้องรอดูแผนของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมว่า รัฐบาลวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับคืนมาได้อย่างไร หลังจากที่ปีที่เล้วต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากจากน้ำท่วมมาอย่างสะบักสะบอม รวมทั้งมาตรการในการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศให้กลับคืนมาได้อย่างไร
ส่วนกำลังซื้อในปี 2555 นี้ อาจจะทรงตัวหรือลดลง เนื่องจากหลายปัจจัยเช่น ค่าแรงขั้นต่ำแม้จะปรับเป็น 300 บาทก็ตาม หรือแม้เต่เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรีเริ่มที่ 15,000 บาทต่อเดือน ก็คงไม่มีประโยชน์ หากไม่มีงานทำ เพราะหลายปีมานี้ภาคเอกชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากหลายเรือ่ง ล่าสุดก็คือ น้ำท่วมปีที่แล้ว สร้างความเสียหายอย่างมาก หลายบริษัทต้องปิดตัวไป หรือไมก็ต้องลดขนาดกิจการ เมื่อไม่มีนายจ้างก็ไม่มีประโยชน์ถ้ามีการปรับเงินเดือนขั้นต่ำ ดังนั้นผู้บริโภคคงต้องระมัดระวังในการจับจ่าย ต้องประหยัดและรอบคอบมากขึ้น ถ้าเศรษฐกิจหมุนเวียนดีกำลังซื้อก็มี แต่ถ้าเศรษฐกิจยังชะงัก กำลังซื้อแย่แน่นอน
กงกฤช หิรัญกิจ
อดีตประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)
ปัจจัยลบสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในปี 2555 คือเรื่องปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ เพราะจากปีที่ผ่านๆมา ท่องเที่ยว เจอทั้งวิกฤติทางการเมือง ภัยธรรมชาติ โรคระบาด ตลอดจน วิกฤตทางเศรษฐกิจ แต่ที่รุนแรงที่สุดและทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความไม่มั่นใจสูงสุด คือปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวสูงต่อทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในส่วนของการเกิดภัยธรรมชาติเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่เห็นความชัดเจน ในมาตรการจากรัฐบาลที่จะป้องกันความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ หรือ ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ จะเห็นได้อย่างกรณีน้ำท่วม ถือเป็นภัยที่เกิดขึ้นทุกปี จึงต้องการให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและบริษัทนำเที่ยว
วิทวัส ชัยปาณี
อดีตนายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ครีเอทีฟ จูซจีวัน จำกัด
ในปี2555 มั่นใจว่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% หรืออาจจะโตได้ถึง 15% เพราะลูกค้าอั้นการใช้เงินจนเต็มที่แล้ว หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีแต่วิกฤตเลวร้ายเกิดขึ้น ซึ่งลูกค้ายังคงมีการวางแผนการใช้สื่อแบบระยะยาวแบบปีต่อปีอยู่ แต่ก็มีการประเมินสถานการณ์ต่างๆแบบเดือนต่อเดือนไปด้วย
