xs
xsm
sm
md
lg

คิวเฮ้าส์ท้าชนบ้านพฤกษา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “คิวเฮ้าส์” ประกาศแผนลงทุนปี 55 เปิด 23 โครงการ มูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท เผยขยับลงสู้ศึกบ้าน 1-3 ล้าน ในนามบริษัทลูก ”กัสโต้ วิลเลจ” ประกาศ5 ปีแย่งครองส่วนแบ่ง 10% จากเจ้าตลาด “พฤกษา” พร้อมขยายการลงทุนสู่ภาคตะวันออก ประเดิม “คาซ่า เลเจนด์” ศรีราชา ด้านแสนสิริฟุ้งไตรมาส 4 โอนคอนโดฯกว่า 9,000 ล้านบาท

นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า ผลกระทบจากอุทกภัยส่งผลให้บริษัทปรับแผนในการพัฒนาโครงการใหม่ โดยบริษัทจะให้ความสำคัญกับโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่างที่เห็นว่ายังมีกำลังซื้ออีกค่อนข้างมาก ดังนั้นการพัฒนาโครงการในปี 2555 จะปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการระดับกลางถึงล่างเพิ่มเป็น 60% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 50%

สำหรับแผนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทและบริษัทในเครือปี 2555 จะเปิดตัวทั้งสิ้น 23 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 12 โครงการ,ทาวน์เฮาส์ จำนวน 6 โครงการ และคอนโดมิเนียม จำนวน 5จากปี 54 ที่เปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 1.89 หมื่นล้านบาท ซึ่งปีนี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ ในทำเล เชียงใหม่ พัทยา กรุงเทพ รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด 21,352 ล้านบาท จากปี 54 ที่เปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ มูลค่า 1.89 หมื่นล้านบาท

ในจำนวนดังกล่าวเป็นการเปิดตัวทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ระดับกลาง-ล่าง ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท กัสโต้ วิลเลจ จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท พัฒนาแบรนด์ “The Gusto” โดยในปี 2555 มีแผนจะเปิดตัว 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,050 ล้านบาท กระจายใน 5 ทำเล ได้แก่ รามคำแหง,ท่าน้ำนนท์,สาทร,ปิ่นเกล้าและอุดมสุขและตั้งเป้าสร้างรายได้ ในปี 2555 จำนวน 700 ล้านบาท

ทั้งนี้ การพัฒนาบ้านในแบรนด์ใหม่เป็นกลุ่มสินค้าที่บริษัทยังไม่เคยทำตลาดมาก่อน แต่ความต้องการยังมีอีกมาก จึงได้ตัดสินใจเข้าชิงส่วนแบ่งตลาด ต่ละโครงการจะใช้พื้นที่ประมาณ 20-30 ไร่ ในการพัฒนาโดยทาวน์เฮาส์จะมีขนาด 18-20 ตารางวา ราคา 1-2 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยว ขนาด 50-60 ตารางวา ราคา 2-3 ล้านบาท ด้านการก่อสร้างนั้นแม้จะเป็นระบบสำเร็จรูป แต่เป็นการหล่อในแปลง มีข้อดีคือไม่มีรอยต่อ และไม่รั่ว จึงมีความแข็งแรง และคุณภาพดี ทำให้มีต้นทุนต่างจากบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) ที่เน้นการหล่อมาจากโรงงาน กว่า 5% และตั้งเป้าว่าภายในระยะเวลา 3-5 ปี จะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดกลาง-ล่าง ประมาณ 10%”

นอกจากนี้ในปี 2555 บริษัทฯยังได้ขยายตลาดไปยังอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ด้วยการเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ “คาซ่า เลเจนด์” ขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป ราคา 7-8 ล้านบาท และ “คาซ่า วิลล์” ขนาด 60 ตารางวาขึ้นไป ราคา 3-4 ล้านบาท จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่า 940 ล้านบาท เนื่องจากย่านดังกล่าวมีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง และรายได้ประชากรสูง จึงยังมีดีมานด์อยู่มาก

สำหรับผลประกอบการในปี 2554 ยอมรับว่ารายได้รวมของบริษัทคงจะลดลงอย่างแน่นอน เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมในไตรมาส 4/54 ส่งผลให้รายได้ลดลง 20-30% จากกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลงทันที โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่บริษัทมีอยู่ และทำให้บางโครงการที่จะเปิดในไตรมาสนี้ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน แม้ว่าโครงการคอนโดมิเนียมมียอดขายที่ค่อนข้างดี แต่ไม่สามารถชดเชยได้ทั้งหมด ดังนั้น จะส่งผลให้รายได้ปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท

"ตอนนี้เราพยายามผลักดันยอดโอนที่มีอยู่ 500-600 ล้านบาท แต่ไม่รู้และไม่แน่ใจว่าจะปิดยอดโอนได้ไหม จากสิ่งที่เกิดขึ้น และยอดขายในไตรมาส 4 ก็ลดลงจากผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ 9 เดือนยังเป็นไปตามเป้าที่เราวางไว้ ขณะเดียวกันแม้แนวราบจะเลวร้ายแต่ยอดคอนโดฯกลับดีมาก"

พร้อมกันนี้ บริษัทยังเตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 ส่วนในครึ่งหลังของปีจะทยอยออกอีก 2,000 ล้านบาท จากวงเงินหุ้นกู้ที่เหลืออยู่ 5,000 ล้านบาท จากวงเงินที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้ 1 หมื่นล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาในการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขณะนี้พิจารณาเลือกสินทรัพย์ที่จะเข้ากองทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรม และ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ จำนวน 7 อาคาร โดยคาดว่าจะเห็นการออกกองทุนฯในครึ่งหลังปี 55

ส่วนกระแสข่าวที่บริษัทจะขายหุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO)ออกไปนั้น นางสุวรรณา กล่าวว่า บริษัทยืนยันไม่มีแผนขายหุ้น HMPRO อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งปัจจุบัน QH ถืออยู่สัดส่วน 19%

ด้านนายซวง ชัยสุโรจน์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ QH กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา โครงการของบริษัทได้รับผลกระทบจำนวน 20 โครงการ จากที่เปิดขายทั้งหมดกว่า 40 โครงการ และมีที่ได้รับผลกระทบเข้าถึงตัวบ้านลูกค้าจำนวน 3 โครงการ คือแบรนด์คาซ่า และลัดดารมย์ ย่านถนนราชพฤกษ์ และถนนวงแหวน345 รวม 600 ยูนิต

“ที่ผ่านมาเราได้พยายามช่วยเหลือและป้องกันในทุกโครงการ โดยเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อ-เช่าเครื่องปั๊มน้ำ จำนวน 400 เครื่อง,กระสอบทราย และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆรวมแล้ว 200 ล้านบาท ส่วนโครงการที่พัฒนาใหม่ในปี 2555 จะกระจายไปในทำเลที่ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมมากขึ้น”นายซวงกล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่าภายหลังเหตุการณ์น้ำลดแล้วพื้นที่ถูกน้ำท่วมและมีสินค้าเหลือขายจะมีปัญหาแน่นอน คือจะขายยากขึ้น รวมทั้งขณะนี้ได้ลดการซื้อที่ดินไปประมาณ 30% ประกอบกับในปี 2554 ได้มีการซื้อที่ดินสะสมไว้มากแล้ว ส่วนในปี 2555 คงจะเริ่มซื้ออีกครั้งหลังครึ่งปีหลังไปแล้ว ทั้งนี้รัฐบาลต้องรีบสร้างความชัดเจนในการฟื้นฟู เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนให้ได้ในช่วง3-4 เดือนแรกของปี 2555 ดังนั้นในช่วงไตรมาส1-2 บริษัทฯจึงไม่ตั้งเป้าในเรื่องยอดขายมากนัก แต่จะคาดหวังรายได้ในช่วงไตรมาส3 เป็นต้นไป

แสนสิริไตรมาส4โอนคอนโดฯ 9 พันล้าน

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการ คอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดโอนคอนโดมิเนียมในไตรมาส 4 เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมียอดโอน 2,400 ยูนิต มูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการควอทโทร บาย แสนสิริ โอนไปได้แล้วกว่า 70% จากจำนวนรวม 446 ยูนิต และเหลือยูนิตรอการขายประมาณ 10% 2. โครงการบลอคส์ 77 ปัจจุบันมียอดโอนแล้วกว่า 80% จากทั้งหมด 467 ยูนิต ขณะที่มียอดขายแล้ว 95% 3. โครงการเวอร์ติคัล อารีย์ รวม 189 ยูนิต และ 4. โครงการไฮฟ์ สาทร-ตากสิน รวม 365 ยูนิต สามารถโอนได้เรียบร้อยแล้ว 100% ทั้งสองโครงการ
กำลังโหลดความคิดเห็น