ASTVผู้จัดการรายวัน – ปี55 ปีทองตลาดน้ำตาล ความต้องการในตลาดโลกสูง “มิตรผล” เท 20,000 ล้านบาท ผุดโรงงานน้ำตาลเพิ่ม ลุยโรงไฟฟ้าชีวะมวล โรงงานผลิตเอทานอลทั้งในและต่างประเทศ หวัง3ปี คว้ารายได้ร่วม 1 แสนล้านบาท
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า จากความต้องการน้ำตาลในตลาดโลกที่มีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทมีแผนใช้งบลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท และใช้ขยายธุรกิจต่อเนื่องไปจนถึงปี 2556
ในปีนี้เตรียมการขยายธุรกิจโรงงานผลิตน้ำตาล โรงไฟฟ้าชีวะมวล และโรงงานผลิตเอทานอลทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายธุรกิจในส่วนของพลังงานทางเลือก ซึ่งปีนี้บริษัทจะหันมามาขยายธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วน 20% ของรายได้รวมทั้งหมด
โดยในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วง 2 ปีก่อนที่ใช้ 50 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 100 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เพื่อมุ่งในเรื่องของการวิจัย และพัฒนาอุตสาหกรรมไบโอพลาสติก จากเดิมที่มีการวิจัยค้นคว้าเพิ่มเติมในเรื่องของระบบไฟฟ้าชีวะมวล และเอทานอลอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งหลังจากที่บริษัทมีการพัฒนาธุรกิจพลังงานทางเลือกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้มีรายได้ในอนาคตเติบโตเป็นที่น่าพอใจ แต่ในส่วนของปีนี้คาดว่าจะยังมีรายได้เท่าเดิมที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทเนื่องจากวัตถุดิบยังมีจำนวนจำกัด
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตอ้อยไปตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังการผลิตอ้อยในประเทศไทยไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากนัก โดยล่าสุดได้ขยายเข้าไปในประเทศออสเตรเลีย ด้วยการเข้าไปถือหุ้นกับนักธุรกิจท้องถิ่นในอัตราส่วน 23% มั่นใจว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และส่งผลให้สิ้นปี 2555 น่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และมีรายได้ถึง 1 แสนล้านบาทในอีก 3 ปีนับจากนี้ จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตด้วยการเข้าไปปลูกอ้อยในประเทศจีนและลาวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาน้ำตาลในประเทศคงยังไม่มีการปรับราคาขึ้น เพราะเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งปัจจัยที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้คือ ปัญหาภัยธรรมชาติ ทำให้บริษัทต้องมีการปรับแผนเตรียมรับมือด้วยการเข้าไปส่งเสริมเรื่องระบบชลประทานให้กับกลุ่มเกษตรกร รวมไปถึงเพิ่มราคาขายซื้อให้กับเกษตรกรไร่อ้อย เพราะไม่อย่างนั้นเกษตรกรอาจเปลี่ยนอาชีพไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่พนักงานในบริษัทก็ได้มีการปรับค่าแรงให้ไปตั้งแต่เดือน พ.ย.54 ที่ผ่านมา
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า จากความต้องการน้ำตาลในตลาดโลกที่มีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทมีแผนใช้งบลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท และใช้ขยายธุรกิจต่อเนื่องไปจนถึงปี 2556
ในปีนี้เตรียมการขยายธุรกิจโรงงานผลิตน้ำตาล โรงไฟฟ้าชีวะมวล และโรงงานผลิตเอทานอลทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายธุรกิจในส่วนของพลังงานทางเลือก ซึ่งปีนี้บริษัทจะหันมามาขยายธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วน 20% ของรายได้รวมทั้งหมด
โดยในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนในปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วง 2 ปีก่อนที่ใช้ 50 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 100 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เพื่อมุ่งในเรื่องของการวิจัย และพัฒนาอุตสาหกรรมไบโอพลาสติก จากเดิมที่มีการวิจัยค้นคว้าเพิ่มเติมในเรื่องของระบบไฟฟ้าชีวะมวล และเอทานอลอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งหลังจากที่บริษัทมีการพัฒนาธุรกิจพลังงานทางเลือกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้มีรายได้ในอนาคตเติบโตเป็นที่น่าพอใจ แต่ในส่วนของปีนี้คาดว่าจะยังมีรายได้เท่าเดิมที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทเนื่องจากวัตถุดิบยังมีจำนวนจำกัด
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตอ้อยไปตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังการผลิตอ้อยในประเทศไทยไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากนัก โดยล่าสุดได้ขยายเข้าไปในประเทศออสเตรเลีย ด้วยการเข้าไปถือหุ้นกับนักธุรกิจท้องถิ่นในอัตราส่วน 23% มั่นใจว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และส่งผลให้สิ้นปี 2555 น่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และมีรายได้ถึง 1 แสนล้านบาทในอีก 3 ปีนับจากนี้ จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตด้วยการเข้าไปปลูกอ้อยในประเทศจีนและลาวแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาน้ำตาลในประเทศคงยังไม่มีการปรับราคาขึ้น เพราะเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งปัจจัยที่น่าเป็นห่วงในตอนนี้คือ ปัญหาภัยธรรมชาติ ทำให้บริษัทต้องมีการปรับแผนเตรียมรับมือด้วยการเข้าไปส่งเสริมเรื่องระบบชลประทานให้กับกลุ่มเกษตรกร รวมไปถึงเพิ่มราคาขายซื้อให้กับเกษตรกรไร่อ้อย เพราะไม่อย่างนั้นเกษตรกรอาจเปลี่ยนอาชีพไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ขณะที่พนักงานในบริษัทก็ได้มีการปรับค่าแรงให้ไปตั้งแต่เดือน พ.ย.54 ที่ผ่านมา
