ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย หวั่นรัฐบาลลากยาวนโยบายลดราคาน้ำมันเบนซิน อาจกระทบต่อแผนผลิตพลังงานทางเลือกลดการนำเข้าน้ำมันของไทย ผลที่ตามมาคือผู้ปลูกมันสำปะหลัง และข้าวโพดอาจได้รับผลกระทบจากการถูกกดราคาของประเทศคู่ค้า เพราะผลผลิตบางส่วนไม่สามารถส่งออกต่างประเทศได้เนื่องจากต้องกันไว้เพื่อผลิตเอทานอล ส่วนผสมสำคัญในการผลิตน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ วอนรัฐหานโยบายรองรับ ซึ่งอาจเป็นการเปิดรับจำนำผลผลิตเพื่อรอราคาดีดกลับก่อนส่งขายต่างประเทศ
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ให้ความเห็นกรณีที่รัฐบาลดำเนินนโยบายปรับลดราคาน้ำมันเบนซินจนมีส่วนต่างราคาห่างจากเบนซินแก๊สโซฮอลเพียงไม่กี่สตางค์ว่า หากนโยบายดังกล่าวดำเนินไปในระยะยาว ก็อาจทำให้โรงงานผลิตเอทานอลที่จะใช้เป็นส่วนผสมของเบนซินแก๊สโซฮอล์ ที่กำลังจะเริ่มเดินเครื่องครบ 45 โรงงานในเร็วๆ นี้ได้รับผลกระทบ และอาจทำให้ผู้ปลูกมันสำปะหลังไทยได้รับผลกระทบจากการถูกกดราคารับซื้อจากคู่ค้าต่างประเทศ หลังรู้ว่าจะมีหัวมันสำปะหลังบางส่วนที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ในประเทศไทย
ดังนั้น สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงและวางแผนรองรับ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตก็คือ การจัดการกับปริมาณหัวมันฯสดที่กำลังจะออกสู่ตลาด หลังจากในช่วงที่ผ่านมาความต้องการหัวมันฯสด และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากประเทศไทยของคู่ค้าต่างประเทศมีเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้ราคารับซื้อขยับตามและบรรดาผู้ปลูกมันสำปะหลัง ต่างหันมาขยายพื้นที่ปลูกเพื่อรองรับความต้องการของตลาด
“ในช่วง 8 เดือนของปี 2554 เราส่งออกมันเส้นไปต่างประเทศประมาณ 2.5 ล้านตัน ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง 2 ล้านกว่าตัน สามารถนำเงินตราเข้าประเทศกว่าล้านเหรียญ ซึ่งเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ยังถือว่าดี และหากรัฐบาลยกเลิกนโยบายจำกัดการส่งออกโดยเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสามารถส่งออกหัวมันฯสด และมันสำปะหลังในส่วนที่ต้องกันไว้เพื่อผลิตเอธานอลในประเทศจำนวนกว่า 7 ล้านตันได้ ก็จะทำให้ผลกระทบในด้านนี้มีไม่มาก เพราะขณะนี้โรงงานผลิตเอทานอลในประเทศเดินเครื่องไปแล้ว 20 โรง ส่วนที่เหลือก็กำลังจะทยอยเปิดเดินเครื่องในเร็วๆ นี้”
นายนิยมยังกล่าวอีกว่า หากราคาน้ำมันเบนซิน 91 มีส่วนต่างจากราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ไม่กี่สตางค์ จะทำให้ประชาชนหันไปใช้น้ำมันเบนซิน 91 แทนพลังงานทางเลือก ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเป็นการทำลายแนวทางการใช้พลังงานทางเลือก ผลที่ตามมาคือ ความต้องการมันสำปะหลังและข้าวโพด เพื่อใช้ในการผลิตเอธานอลก็จะลดน้อยลง โรงงานผลิตเอทานอลที่กำลังจะเปิดใหม่ก็ต้องปิดตัวตายไป และทำให้นโยบายเพิ่มพลังงานทางเลือกของประเทศไม่มีอะไรคืบหน้า
ที่สำคัญหากต่างประเทศกดราคารับซื้อมันสำปะหลังจากไทย ที่มีแนวโน้มว่าจะกดราคาลงถึงตันละ 100 เหรียญก็จะทำให้ผู้ประกอบการในประเทศได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลอาจต้องหาทางแก้ไขด้วยการเปิดรับจำนำหัวมันสดฯ เพื่อรอเวลาการดีดกลับของราคาต่อไป
“ตอนนี้รัฐบาลยังไม่เรียกเราไปคุย ซึ่งก็คงต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานตามนโยบายที่หาเสียงไว้ก่อน แต่เราก็ยังหวังว่ารัฐบาลน่าจะกำหนดนโยบายในการรองรับผลกระทบที่จะตามมา จากการประกาศปรับลดราคาน้ำมันเบนซินแล้ว และสิ่งที่อยากฝากไปถึงรัฐบาลก็คือ ในเมื่อน้ำมันชีวภาพผลิตไม่ได้เต็มที่ เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและข้าวโพดจะได้รับความเดือดร้อน” นายนิยมกล่าว
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ให้ความเห็นกรณีที่รัฐบาลดำเนินนโยบายปรับลดราคาน้ำมันเบนซินจนมีส่วนต่างราคาห่างจากเบนซินแก๊สโซฮอลเพียงไม่กี่สตางค์ว่า หากนโยบายดังกล่าวดำเนินไปในระยะยาว ก็อาจทำให้โรงงานผลิตเอทานอลที่จะใช้เป็นส่วนผสมของเบนซินแก๊สโซฮอล์ ที่กำลังจะเริ่มเดินเครื่องครบ 45 โรงงานในเร็วๆ นี้ได้รับผลกระทบ และอาจทำให้ผู้ปลูกมันสำปะหลังไทยได้รับผลกระทบจากการถูกกดราคารับซื้อจากคู่ค้าต่างประเทศ หลังรู้ว่าจะมีหัวมันสำปะหลังบางส่วนที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ในประเทศไทย
ดังนั้น สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงและวางแผนรองรับ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตก็คือ การจัดการกับปริมาณหัวมันฯสดที่กำลังจะออกสู่ตลาด หลังจากในช่วงที่ผ่านมาความต้องการหัวมันฯสด และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากประเทศไทยของคู่ค้าต่างประเทศมีเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้ราคารับซื้อขยับตามและบรรดาผู้ปลูกมันสำปะหลัง ต่างหันมาขยายพื้นที่ปลูกเพื่อรองรับความต้องการของตลาด
“ในช่วง 8 เดือนของปี 2554 เราส่งออกมันเส้นไปต่างประเทศประมาณ 2.5 ล้านตัน ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง 2 ล้านกว่าตัน สามารถนำเงินตราเข้าประเทศกว่าล้านเหรียญ ซึ่งเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ยังถือว่าดี และหากรัฐบาลยกเลิกนโยบายจำกัดการส่งออกโดยเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกสามารถส่งออกหัวมันฯสด และมันสำปะหลังในส่วนที่ต้องกันไว้เพื่อผลิตเอธานอลในประเทศจำนวนกว่า 7 ล้านตันได้ ก็จะทำให้ผลกระทบในด้านนี้มีไม่มาก เพราะขณะนี้โรงงานผลิตเอทานอลในประเทศเดินเครื่องไปแล้ว 20 โรง ส่วนที่เหลือก็กำลังจะทยอยเปิดเดินเครื่องในเร็วๆ นี้”
นายนิยมยังกล่าวอีกว่า หากราคาน้ำมันเบนซิน 91 มีส่วนต่างจากราคาน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ไม่กี่สตางค์ จะทำให้ประชาชนหันไปใช้น้ำมันเบนซิน 91 แทนพลังงานทางเลือก ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเป็นการทำลายแนวทางการใช้พลังงานทางเลือก ผลที่ตามมาคือ ความต้องการมันสำปะหลังและข้าวโพด เพื่อใช้ในการผลิตเอธานอลก็จะลดน้อยลง โรงงานผลิตเอทานอลที่กำลังจะเปิดใหม่ก็ต้องปิดตัวตายไป และทำให้นโยบายเพิ่มพลังงานทางเลือกของประเทศไม่มีอะไรคืบหน้า
ที่สำคัญหากต่างประเทศกดราคารับซื้อมันสำปะหลังจากไทย ที่มีแนวโน้มว่าจะกดราคาลงถึงตันละ 100 เหรียญก็จะทำให้ผู้ประกอบการในประเทศได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลอาจต้องหาทางแก้ไขด้วยการเปิดรับจำนำหัวมันสดฯ เพื่อรอเวลาการดีดกลับของราคาต่อไป
“ตอนนี้รัฐบาลยังไม่เรียกเราไปคุย ซึ่งก็คงต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานตามนโยบายที่หาเสียงไว้ก่อน แต่เราก็ยังหวังว่ารัฐบาลน่าจะกำหนดนโยบายในการรองรับผลกระทบที่จะตามมา จากการประกาศปรับลดราคาน้ำมันเบนซินแล้ว และสิ่งที่อยากฝากไปถึงรัฐบาลก็คือ ในเมื่อน้ำมันชีวภาพผลิตไม่ได้เต็มที่ เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและข้าวโพดจะได้รับความเดือดร้อน” นายนิยมกล่าว