นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)หรือ CNS เปิดเผยว่าบริษัทคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้จะปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 850-900 จุด ได้ เนื่องจากปัญหาหนี้ยุโรปที่จะครบกำหนดการจ่ายหนี้และธนาคารยุโรปจะต้องเพิ่มทุนแต่ไม่เงินพอที่จะเพิ่มทุน และเศรษฐกิจของยุโรปเกิดภาวะถดถอย ประกอบเศรษฐกิจอเมริกามีการเติบโตเพราะต้องควบคุมค่าใช้จ่ายและมีความเสี่ยงที่จะถูกลดอันดับเครดิตเรทติ้ง โดยจะต้องติดตามว่าทางยุโรปจะออกมาตรการทางการเงินผ่อนคลาย (QE)หรือไม่ และ ทางสหรัฐฯ จะออกมาตรQE3 หรือไม่ ซึ่งหากจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะอยู่ที่ 1,159 จุด
ทั้งนี้ ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกที่ภาวะตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลง นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้น เกษตร อาหาร ค้าปลีก สื่อสาร ซึ่งเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนที่ดีอยู่แม้ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้วและถือว่าเป็นหุ้นที่ลงทุนและมีความปลอดภัยในการลงทุน โดยหุ้นที่จะมีความเสี่ยงในการลงทุนคือหุ้นขนาดใหญ่ (บลูชิพ)ในกลุ่ม ปิโตรเคมี พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ เพราะหากแบงก์ต่างประเทศจะต้องดำเนินการดังกล่าว ทำให้มีเงินไหลกลับหุ้นกลุ่มบลูชิพจะถูกขายหุ้นออกมา โดยปีนี้บริษัทแนะนำจัดพอร์ตการลงทุนโดยเน้นพันธบัตร 50% ลงทุนที่ปันผลมีความผันผวนน้อย 25% ที่เหลือสินค้าอื่น ๆ เช่น ทองคำ อนุพันธ์ ฯลฯ
" ในไตรมาส 1/55 ทิศทางดัชนีหุ้นขาลงเพื่อหาจุดต่ำสุด จากวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามในอิหร่านอีกทำให้ทิศทางราคาน้ำมันจะสูง ดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้คนหันไปลงทุนในทองคำ แต่การหุ้นลงรอบนี้คงไม่มากเท่ากับช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เพราะ คนที่มีปัญหาคือยุโรป แต่รอบที่แล้วทุกประเทศมีปัญหา " นายถนอมศักดิ์ กล่าว
นายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร CNS เปิดเผยว่าบริษัทไม่มีแผนที่จะควบรวม ซึ่งบริษัทสามารถอยู่รอดได้ โดยบริษัทจะเน้นการขยายฐานนักลงทุนให้เพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทมีแผนที่จะรับเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ใหม่อีก 200 คน ทำให้มีมาร์เกตติ้งเป็น 430 คน จากปัจจุบันที่มี 230 คน ซึ่งจะเข้ามช่วยทำให้ฐานลูกค้าของบริษัทเพิ่มขึ้น และจากการจัดสัมมนาและเปิดสาขาในธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์ ) ทำให้ปี 56 จะมีบัญชีซื้อขายเพิ่มเป็น 5 หมื่นบัญชี จากปัจจุบันที่มี 4 หมื่นบัญชี และ มีการขยายสินค้าใหม่ ๆ และ พัฒนาระบบอินเตอร์เน็ต
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบให้นักลงทุนสามารถดูข้อมูลการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ 17 ประเทศ เพื่อความสะดวกกับนักลงทุนในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ โดยจะทำให้คาดว่าจะทำให้ลูกค้ามีการเทรดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายแล้ว น 300 บัญชี เพราะปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้อยู่ที่ 3% จากเดือนธันวาคมที่อยู่ที่ 2.6% จากเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาลงทุน และคาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะคึกคักในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้คาดว่ามูลค่าการซื้อขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกที่ภาวะตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลง นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้น เกษตร อาหาร ค้าปลีก สื่อสาร ซึ่งเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนที่ดีอยู่แม้ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้วและถือว่าเป็นหุ้นที่ลงทุนและมีความปลอดภัยในการลงทุน โดยหุ้นที่จะมีความเสี่ยงในการลงทุนคือหุ้นขนาดใหญ่ (บลูชิพ)ในกลุ่ม ปิโตรเคมี พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ เพราะหากแบงก์ต่างประเทศจะต้องดำเนินการดังกล่าว ทำให้มีเงินไหลกลับหุ้นกลุ่มบลูชิพจะถูกขายหุ้นออกมา โดยปีนี้บริษัทแนะนำจัดพอร์ตการลงทุนโดยเน้นพันธบัตร 50% ลงทุนที่ปันผลมีความผันผวนน้อย 25% ที่เหลือสินค้าอื่น ๆ เช่น ทองคำ อนุพันธ์ ฯลฯ
" ในไตรมาส 1/55 ทิศทางดัชนีหุ้นขาลงเพื่อหาจุดต่ำสุด จากวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามในอิหร่านอีกทำให้ทิศทางราคาน้ำมันจะสูง ดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้คนหันไปลงทุนในทองคำ แต่การหุ้นลงรอบนี้คงไม่มากเท่ากับช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เพราะ คนที่มีปัญหาคือยุโรป แต่รอบที่แล้วทุกประเทศมีปัญหา " นายถนอมศักดิ์ กล่าว
นายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร CNS เปิดเผยว่าบริษัทไม่มีแผนที่จะควบรวม ซึ่งบริษัทสามารถอยู่รอดได้ โดยบริษัทจะเน้นการขยายฐานนักลงทุนให้เพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทมีแผนที่จะรับเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ใหม่อีก 200 คน ทำให้มีมาร์เกตติ้งเป็น 430 คน จากปัจจุบันที่มี 230 คน ซึ่งจะเข้ามช่วยทำให้ฐานลูกค้าของบริษัทเพิ่มขึ้น และจากการจัดสัมมนาและเปิดสาขาในธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์ ) ทำให้ปี 56 จะมีบัญชีซื้อขายเพิ่มเป็น 5 หมื่นบัญชี จากปัจจุบันที่มี 4 หมื่นบัญชี และ มีการขยายสินค้าใหม่ ๆ และ พัฒนาระบบอินเตอร์เน็ต
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบให้นักลงทุนสามารถดูข้อมูลการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ 17 ประเทศ เพื่อความสะดวกกับนักลงทุนในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ โดยจะทำให้คาดว่าจะทำให้ลูกค้ามีการเทรดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายแล้ว น 300 บัญชี เพราะปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้อยู่ที่ 3% จากเดือนธันวาคมที่อยู่ที่ 2.6% จากเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศจะไหลเข้ามาลงทุน และคาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะคึกคักในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้คาดว่ามูลค่าการซื้อขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา