ASTVผู้จัดการราย-บล.กสิกรไทย เผย ดัชนีตลาดหุ้นไทย 1 เดือนนี้ผันผวนแรง ในกรอบ 950-812 จุด รอความชัดเจนแผนแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรป จากการประชุมจี20วันที่3-4 พ.ย.นี้ แนะ นักลงทุนขายหุ้นกำไรจากดัชนีปัจจุบันอยู่ในระดับสูง รอซื้อกลับดัชนีเมื่อปรับลง เตรียมปรับประมาณการดัชนีปีนี้ปีหน้า กลางเดือนพ.ย. ด้านบล.ทิสโก้ เชื่อ ดัชนีตลาดหุ้นไทยภายในสิ้นปีมีโอกาสแตะ 1 พันจุด ล่าสุดหุ้นขึ้นต่อ 7.97 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(12ต.ค.) ปิดที่ระดับ 952.77 จุด เพิ่มขึ้น 7.97 จุด หรือ 0.84% มูลค่าการซื้อขาย 26,542.61 ล้านบาท ได้แรงหนุนตลาดภูมิภาค-ยุโรป-ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้น ระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 954.98 จุด และต่ำสุดที่ 935.65 จุด นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 782.19 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซื้อสุทธิ 1,020.70 ล้านบาท
นายสุชีล นารูลา กรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วง 1 เดือนจากนี้จะมีความผันผวนสูง อยู่ในกรอบ 920-812 จุด เนื่องจาก นักลงทุนรอดูความชัดเจนในในเรื่องแผนการแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรป ซึ่งในวันที่ 3-4 พฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุมของกลุ่มประเทศ จี 20 ในเรื่องการเพิ่มทุนให้กับธนาคารยุโรป การลดหนี้ โดยหากภายใน1เดือนยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวและปัญหาหนี้ยุโรปได้มีการลุกลามมากขึ้นนั้นกรณีเลวร้ายสุดนั้นจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่750 จุดได้ ซึ่งจะทำให้กระแสเงินทุนไหลกลับไปยังยุโรปและสหรัฐฯ แต่กรณีดังกล่าวคาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นเพียง10%ที่จะเกิดกรณีเลวร้ายสุด
ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าการประชุมจี20 น่าจะมีความชัดเจนในแผนการแก้ไขหนี้ของยุโรป จากที่ปัญหาครั้งนี้มีความรุนแรงน้อยกว่าปัญหาซับไพร์ม จากที่มูลค่าการเสียหายน้อยกว่า ซึ่งในช่วงซับไพร์มนั้นมีมูลค่าที่เสียหาย 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ปัญหาหนี้ยุโรปจากการประเมินของทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มียอดความเสียหายที่5.2 แสนล้านเหรียสหรัฐ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้จริงๆเกิดจากปัจจัยทางการเมืองที่กลุ่มประเทศ17 ประเทศในยุโรปที่ไม่สามารถที่จะตกลงในเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วง1 เดือนนี้บริษัทแนะนำให้นักลงทุนมีการลดพอร์ตการลงทุนเนื่องจาก มองว่าดัชนีหุ้นไทยที่ระดับกว่า900 จุด นั้นอยู่ในระดับที่สูง ก็ควรขายทำกำไรไปก่อน และกลับไปซื้อได้หากดัชนีลงไปที่812-820จุด เพราะหากเรามองทิศทางผิด แต่ราคาหุ้นในระดับนี้ถือว่าราคาไม่แพงและความเสี่ยงต่ำมากแล้วโดยนักลงทุนควรลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตจากการใช้จ่ายภายในประเทศ
นายสุชีล กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะมีการปรับมุมมองดัชนีตลาดหุ้นไทยและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้และปีหน้า แต่ต้องรอความชัดเจนในการประชุมจี20 ก่อน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมองดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ระดับประมาณ 1,000 จุด คาดกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)โต 29% ส่วนปีหน้าคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1,300 จุด จีดีพีโต 4.5% กำไรบจ.โต14.2% ซึ่งรวมประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลแล้ว
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1,000 จุด แต่คงไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงเป้าหมายที่บล.ทิสโก้ ประเมินไว้ที่ระดับ 1,180 จุด ทำให้บริษัทปรับให้เป็นเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้าแทน ส่วนการลงทุนในช่วง ไตรมาส 4 ของปีนี้จนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีภาวะผันผวนสูง เนื่องจากนักลงทุนจะตอบรับข่าวเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกา ซึ่งจะออกมาไม่ค่อยดี ทำให้ดัชนีหุ้นตอบรับข่าวในเชิงลบเป็นระยะ ๆ
ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เข้าสู่ภาวะการขยายตัวลดลงอย่างรุนแรง เพียงแต่จะเกิดขึ้นกับบางประเทศเท่านั้น ขณะที่เศรษฐกิจของอเมริการจะโตอย่างช้า ๆ และจีนชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจลง แต่ไม่รุนแรง ส่วนปัญหาน้ำท่วมในประเทศ ลุกลามจนกระทบต่อภาคการผลิตของอุตสาหกรรม ประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างน้อย 1 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นระดับความเสียหายที่รับได้ เพราะมีสัดส่วนประมาณ 1 %ของจีดีพี
“หากน้ำท่วมไม่เข้ากรุงเทพ ผลความเสียหายของน้ำท่วมต่อการขยายตัวเศรษฐกิจขณะนี้ยังรับได้ เพราะความเสียหายจากน้ำท่วมที่มีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะได้รับการชดเชยจากผลดีกรณีภาษีนิติบุคคลลดลงเหลือ 23% ดังนั้นปีหน้าจึงจะยังเห็นบจ.มีการเติบโตทางด้านกำไรอยู่”นายไพบูลย์กล่าว
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(12ต.ค.) ปิดที่ระดับ 952.77 จุด เพิ่มขึ้น 7.97 จุด หรือ 0.84% มูลค่าการซื้อขาย 26,542.61 ล้านบาท ได้แรงหนุนตลาดภูมิภาค-ยุโรป-ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้น ระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 954.98 จุด และต่ำสุดที่ 935.65 จุด นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 782.19 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซื้อสุทธิ 1,020.70 ล้านบาท
นายสุชีล นารูลา กรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วง 1 เดือนจากนี้จะมีความผันผวนสูง อยู่ในกรอบ 920-812 จุด เนื่องจาก นักลงทุนรอดูความชัดเจนในในเรื่องแผนการแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรป ซึ่งในวันที่ 3-4 พฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุมของกลุ่มประเทศ จี 20 ในเรื่องการเพิ่มทุนให้กับธนาคารยุโรป การลดหนี้ โดยหากภายใน1เดือนยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวและปัญหาหนี้ยุโรปได้มีการลุกลามมากขึ้นนั้นกรณีเลวร้ายสุดนั้นจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่750 จุดได้ ซึ่งจะทำให้กระแสเงินทุนไหลกลับไปยังยุโรปและสหรัฐฯ แต่กรณีดังกล่าวคาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นเพียง10%ที่จะเกิดกรณีเลวร้ายสุด
ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าการประชุมจี20 น่าจะมีความชัดเจนในแผนการแก้ไขหนี้ของยุโรป จากที่ปัญหาครั้งนี้มีความรุนแรงน้อยกว่าปัญหาซับไพร์ม จากที่มูลค่าการเสียหายน้อยกว่า ซึ่งในช่วงซับไพร์มนั้นมีมูลค่าที่เสียหาย 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ปัญหาหนี้ยุโรปจากการประเมินของทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มียอดความเสียหายที่5.2 แสนล้านเหรียสหรัฐ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้จริงๆเกิดจากปัจจัยทางการเมืองที่กลุ่มประเทศ17 ประเทศในยุโรปที่ไม่สามารถที่จะตกลงในเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วง1 เดือนนี้บริษัทแนะนำให้นักลงทุนมีการลดพอร์ตการลงทุนเนื่องจาก มองว่าดัชนีหุ้นไทยที่ระดับกว่า900 จุด นั้นอยู่ในระดับที่สูง ก็ควรขายทำกำไรไปก่อน และกลับไปซื้อได้หากดัชนีลงไปที่812-820จุด เพราะหากเรามองทิศทางผิด แต่ราคาหุ้นในระดับนี้ถือว่าราคาไม่แพงและความเสี่ยงต่ำมากแล้วโดยนักลงทุนควรลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตจากการใช้จ่ายภายในประเทศ
นายสุชีล กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะมีการปรับมุมมองดัชนีตลาดหุ้นไทยและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้และปีหน้า แต่ต้องรอความชัดเจนในการประชุมจี20 ก่อน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมองดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ระดับประมาณ 1,000 จุด คาดกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)โต 29% ส่วนปีหน้าคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1,300 จุด จีดีพีโต 4.5% กำไรบจ.โต14.2% ซึ่งรวมประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคลแล้ว
ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1,000 จุด แต่คงไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงเป้าหมายที่บล.ทิสโก้ ประเมินไว้ที่ระดับ 1,180 จุด ทำให้บริษัทปรับให้เป็นเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้าแทน ส่วนการลงทุนในช่วง ไตรมาส 4 ของปีนี้จนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีภาวะผันผวนสูง เนื่องจากนักลงทุนจะตอบรับข่าวเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกา ซึ่งจะออกมาไม่ค่อยดี ทำให้ดัชนีหุ้นตอบรับข่าวในเชิงลบเป็นระยะ ๆ
ทั้งนี้ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เข้าสู่ภาวะการขยายตัวลดลงอย่างรุนแรง เพียงแต่จะเกิดขึ้นกับบางประเทศเท่านั้น ขณะที่เศรษฐกิจของอเมริการจะโตอย่างช้า ๆ และจีนชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจลง แต่ไม่รุนแรง ส่วนปัญหาน้ำท่วมในประเทศ ลุกลามจนกระทบต่อภาคการผลิตของอุตสาหกรรม ประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างน้อย 1 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นระดับความเสียหายที่รับได้ เพราะมีสัดส่วนประมาณ 1 %ของจีดีพี
“หากน้ำท่วมไม่เข้ากรุงเทพ ผลความเสียหายของน้ำท่วมต่อการขยายตัวเศรษฐกิจขณะนี้ยังรับได้ เพราะความเสียหายจากน้ำท่วมที่มีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะได้รับการชดเชยจากผลดีกรณีภาษีนิติบุคคลลดลงเหลือ 23% ดังนั้นปีหน้าจึงจะยังเห็นบจ.มีการเติบโตทางด้านกำไรอยู่”นายไพบูลย์กล่าว