00 สาเหตุไม่มีอะไรมากไปกว่าการโหมเร่งมือแก้ รธน.เพื่อลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร แบบรวบรัดแข่งกับเวลา แต่กลายเป็นว่ายิ่งเร่งมันก็ “ยิ่งสะดุด” มีโอกาสล้มครืนลงมาเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน เหมือนกับตอนนี้ที่สั่งการให้ อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) เสนอ 34 รายชื่อคณะกรรมการยกร่าง รธน.โดยตบตาว่ามาจากหลายอาชีพ บอกว่าเป็น “ผู้รู้” ราวกับเทวดานั่นแหละ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ คิดว่าชาวบ้านเขาโง่ตามไม่ทันหรือไง
00 บอกว่าการตั้ง ส.ส.ร.ชักช้าอีกทั้งเสียงบประมาณแถมยังได้ “คนไม่รู้” มาเป็นตัวแทนยกร่าง นั่นมันก็เป็นคำตอบในตัวเองให้เห็นแล้วว่า ความต้องการหรือ “ตันหา” ของคนพวกนี้เป็นอย่างไร เพราะความหมายที่แท้จริงก็คือการเลือก ส.ส.ร.ที่เป็นเลือกตั้งจากจังหวัดละคนหรือกี่คนก็แล้วแต่แม้ว่าตัวเองจะได้เปรียบและล็อกเอาไว้ล่วงหน้าว่ามีใครบ้าง มาเป็นตัวแทนยกร่าง เมื่อมาสมทบกับนักวิชาการพวกเดียวกันผลออกมาอย่างไรหลับตาก็นึกภาพออกได้อยู่แล้ว แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ “ช้า” ไม่ทันใจ ทักษิณ ชินวัตร ที่สำคัญวิธีนี้ยังมีความเสี่ยงอีก นั่นคือ เมื่อเวลายิ่งทอดนานออกไปเท่าใดก็ยิ่งถูกวิจารณ์เปิดโปงมันยิ่งเห็นธาตุแท้ “อะไร” ที่คิดว่าจะ “หมกเม็ด”เอาไว้ก็ต้องถูกเปิดโปง
00 ประกอบกับรับรู้ถึงระดับสติปัญญาของ “น้องสาว” ตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าคงไม่อาจรับมือกับ “สถานการณ์ใหญ่” ที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นจึงมีทางเดียวคือเร่งมือดันให้สำเร็จแบบ “ม้วนเดียวจบ”ให้เร็วที่สุด แต่ปัญหาก็คือเวลานี้ชาวบ้านเขารู้ทัน ตาสว่างเพิ่มขึ้นทุกวัน ประกอบผลงานของรัฐบาลที่ออกมาก็ล้วน “ธรรมดา” ไม่เจ๋งจริง ไม่ได้ต่างจากรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ตัวเองขับไล่ด่าทออยู่ทุกวัน มิหนำซ้ำยังทำท่าว่า “ห่วย” ยิ่งกว่าเสียอีก นอกจากนี้สิ่งที่ประมาทไม่ได้ก็คือในเมื่อทำงานไม่เอาอ่าว แต่ดันจะมาขอโบนัส นั่นคือวันทั้งวันหายใจเข้าออกคิดแต่ทำเพื่อ ทักษิณ คนเดียว วันสองวันคงไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดจะเอาเปรียบตลอดเวลามันก็ไม่ไหวเหมือนกัน
00 ยิ่งเมื่อเจอรายชื่อที่เสนอชื่อออกมาแบบโยนหินหยั่งกระแส 34 คน แล้ว “ยิ่งปรี๊ด” แม้คิดว่าจะให้ผสมปนเปหลากหลายอาชีพ หลายกลุ่ม แต่เมื่อรวมกันทุกชื่อ ทุกกลุ่มเข้าด้วยกันแล้ว ทั้ง “นิติเรด-เนติบริกร” พวก 111 อดีต รมต.ข้ารับใช้เก่ามากันครบครัน ไม่ว่าจะเป็น จาตุรนต์ ฉายแสง พงษ์เทพ เทพกาญจนา นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช พันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ ส่วนที่เหลือไม่อยากพูดให้เป็น “เสนียดปาก” แต่รับรองว่างานนี้สนุกแน่ และที่จะต้อง “เสียสุนัขตอนแก่” ก็คือ อุกฤษ นั่นแหละ คนแบบนี้แทนที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข แต่ดัน “จมไม่ลง” ไม่เข้าใจว่าสังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว เวลานี้ชาวบ้านเขาไม่ได้ศรัทธาหรือเชื่อพวกนักวิชาการอีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลองดันทุรังต่อไปก็แล้วกัน
00 การคิดที่จะบั่นทอนสถาบันฯด้วยการคิดยกเลิกหรือแก้ไข ม.112 ของกลุ่ม นิติเรดและคนเสื้อแดงบางส่วนก็เช่นเดียวกันนี่ก็จะเป็นตัวเร่งให้ ทักษิณและครอบครัวพังเร็วยิ่งขึ้น เพราะสังคมไทยรับไม่ได้ และเห็นธาตุแท้ว่าในที่สุดแล้วคนพวกนี้มันก็ครอกเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน แม้เวลานี้พยายามผลักออกมาให้ไกลตัวบอกว่า “ไม่เกี่ยว” แต่อย่างที่บอกชาวบ้านเขาไม่ได้โง่เหมือนเดิม !!
00 บอกว่าการตั้ง ส.ส.ร.ชักช้าอีกทั้งเสียงบประมาณแถมยังได้ “คนไม่รู้” มาเป็นตัวแทนยกร่าง นั่นมันก็เป็นคำตอบในตัวเองให้เห็นแล้วว่า ความต้องการหรือ “ตันหา” ของคนพวกนี้เป็นอย่างไร เพราะความหมายที่แท้จริงก็คือการเลือก ส.ส.ร.ที่เป็นเลือกตั้งจากจังหวัดละคนหรือกี่คนก็แล้วแต่แม้ว่าตัวเองจะได้เปรียบและล็อกเอาไว้ล่วงหน้าว่ามีใครบ้าง มาเป็นตัวแทนยกร่าง เมื่อมาสมทบกับนักวิชาการพวกเดียวกันผลออกมาอย่างไรหลับตาก็นึกภาพออกได้อยู่แล้ว แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ “ช้า” ไม่ทันใจ ทักษิณ ชินวัตร ที่สำคัญวิธีนี้ยังมีความเสี่ยงอีก นั่นคือ เมื่อเวลายิ่งทอดนานออกไปเท่าใดก็ยิ่งถูกวิจารณ์เปิดโปงมันยิ่งเห็นธาตุแท้ “อะไร” ที่คิดว่าจะ “หมกเม็ด”เอาไว้ก็ต้องถูกเปิดโปง
00 ประกอบกับรับรู้ถึงระดับสติปัญญาของ “น้องสาว” ตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าคงไม่อาจรับมือกับ “สถานการณ์ใหญ่” ที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นจึงมีทางเดียวคือเร่งมือดันให้สำเร็จแบบ “ม้วนเดียวจบ”ให้เร็วที่สุด แต่ปัญหาก็คือเวลานี้ชาวบ้านเขารู้ทัน ตาสว่างเพิ่มขึ้นทุกวัน ประกอบผลงานของรัฐบาลที่ออกมาก็ล้วน “ธรรมดา” ไม่เจ๋งจริง ไม่ได้ต่างจากรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ตัวเองขับไล่ด่าทออยู่ทุกวัน มิหนำซ้ำยังทำท่าว่า “ห่วย” ยิ่งกว่าเสียอีก นอกจากนี้สิ่งที่ประมาทไม่ได้ก็คือในเมื่อทำงานไม่เอาอ่าว แต่ดันจะมาขอโบนัส นั่นคือวันทั้งวันหายใจเข้าออกคิดแต่ทำเพื่อ ทักษิณ คนเดียว วันสองวันคงไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดจะเอาเปรียบตลอดเวลามันก็ไม่ไหวเหมือนกัน
00 ยิ่งเมื่อเจอรายชื่อที่เสนอชื่อออกมาแบบโยนหินหยั่งกระแส 34 คน แล้ว “ยิ่งปรี๊ด” แม้คิดว่าจะให้ผสมปนเปหลากหลายอาชีพ หลายกลุ่ม แต่เมื่อรวมกันทุกชื่อ ทุกกลุ่มเข้าด้วยกันแล้ว ทั้ง “นิติเรด-เนติบริกร” พวก 111 อดีต รมต.ข้ารับใช้เก่ามากันครบครัน ไม่ว่าจะเป็น จาตุรนต์ ฉายแสง พงษ์เทพ เทพกาญจนา นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช พันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ ส่วนที่เหลือไม่อยากพูดให้เป็น “เสนียดปาก” แต่รับรองว่างานนี้สนุกแน่ และที่จะต้อง “เสียสุนัขตอนแก่” ก็คือ อุกฤษ นั่นแหละ คนแบบนี้แทนที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข แต่ดัน “จมไม่ลง” ไม่เข้าใจว่าสังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว เวลานี้ชาวบ้านเขาไม่ได้ศรัทธาหรือเชื่อพวกนักวิชาการอีกต่อไปแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลองดันทุรังต่อไปก็แล้วกัน
00 การคิดที่จะบั่นทอนสถาบันฯด้วยการคิดยกเลิกหรือแก้ไข ม.112 ของกลุ่ม นิติเรดและคนเสื้อแดงบางส่วนก็เช่นเดียวกันนี่ก็จะเป็นตัวเร่งให้ ทักษิณและครอบครัวพังเร็วยิ่งขึ้น เพราะสังคมไทยรับไม่ได้ และเห็นธาตุแท้ว่าในที่สุดแล้วคนพวกนี้มันก็ครอกเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน แม้เวลานี้พยายามผลักออกมาให้ไกลตัวบอกว่า “ไม่เกี่ยว” แต่อย่างที่บอกชาวบ้านเขาไม่ได้โง่เหมือนเดิม !!
