xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“อากง –ก้านธูป” เหยื่อของขบวนการล้มเจ้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-หลังจากเหล่ากอของลัทธิเสื้อแดงใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะใช้ “อากง-นายอำพล ตั้งนพกุล” ที่ศาลสั่งจำคุกในคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเหยื่อขยายแนวคิดในการแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

หลังจากเหล่ากอของลัทธิเสื้อแดงเปิดเกมรุกเรียกร้องความสนใจครั้งสำคัญด้วยการตัดสินใจเปิดหน้าอกของ “คำผกา” เพื่อสร้างความน่าสงสารให้กับอากง พร้อมกับยัดเยียดความผิดให้กับมาตรา 112 ว่าคือกฎหมายยักษ์มารที่จำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ นัยว่าเพื่อสร้างประเทศไทยให้พัฒนาไปสู่ความเป็นอารยประเทศ

ล่าสุดลัทธิเสื้อแดงก็เปิดปฏิบัติการครั้งใหม่ด้วยการเปิดเกมจากนักวิชาการเสื้อแดงที่ปฏิเสธสถาบันอย่าง “นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน หยิบยกกรณี “ก้านธูป” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่ถูกหมายเรียกให้ไปรายงานตัวในข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่สถานีตำรวจนครบางเขน เนื่องจากโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันด้วยถ้อยคำที่จาบจ้วงรุนแรง มาเป็นประเด็นขยายความ เพื่อปลุกระดมให้มีการต่อต้านมาตรา 112

เรียกว่าพลาดหวังจาก “คนแก่” พลาดหวังจาก “สตรี” ที่ใช้นม(เหี่ยวๆ) เป็นจุดขาย ก็เลยหันมาใช้ “เด็ก” เป็นเครื่องมือในการสานต่อความฝันของขบวนการอย่างต่อเนื่อง และก็ต้องบอกว่า ประสบความสำเร็จไม่น้อยเลยทีเดียว

แน่นอน สิ่งที่สังคมอยากรู้ก็คือ ก้านธูปคือใคร ? ทำไมเธอผู้นี้ถึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกในคดีกระทำความผิดที่ใหญ่หลวงอย่างการหมิ่นสถาบัน ?

'ก้านธูป' คือชื่อที่อดีตเด็กหญิงวัยมัธยมฯคนหนึ่งที่ปัจจุบันเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ใช้ในการโพสต์ข้อความจาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรงและหยาบคาย ก้านธูปจัดว่าเป็นเด็กที่เรียนอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ แต่ 'โชคร้าย' ที่เกิดมาในครอบครัวสีแดงเข้มข้น ถูกหล่อหลอมจากพ่อแม่ที่เป็นเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ ที่สำคัญยังปลูกฝังแนวคิดล้มเจ้า จงเกลียดจงชังสถาบัน ทั้งที่ครอบครัวของเธอนั้นไม่เคยได้รับความเดือดร้อนหรือผลกระทบใดๆ จากสถาบันแม้เพียงน้อยนิด

ก้านธูปได้แสดงออกถึงความเกลียดชังสถาบันผ่านหน้าเว็บบอร์ดต่างๆ ด้วยถ้อยคำอันหยาบคายสุดประมาณ ตั้งแต่เธอยังใช้คำแทนตัวเองว่า 'หนู' และยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม โดยเฉพาะในเว็บเสื้อแดงต่างๆ ซึ่งมีการโจมตีให้ร้ายสถาบันกันอย่างเมามัน ก้านธูปมีสหายในบอร์ดสีแดงที่เธอชื่นชมและยกให้เป็นไอดอล ชื่อ "สหายดอกหญ้า" หนุ่มเจ้าสำอาง และเเป็นรุ่นพี่จากรั้วสีชมพู ที่มีทัศนคติอันตรายไม่แพ้กัน ผู้ที่ติดตามเว็บบอร์ดประเภทนี้จะรู้ดีว่าคู่นี้มักจะเป็น "ลูกคู่" ตั้งกระทู้เสียดสีสถาบันฯ กันอยู่เสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่อาจเป็นประเด็นจูงใจให้ก้านธูปทวีความรุนแรงในการแสดงทัศนคติก็คือการที่มีเสียงชื่นชมจากคนซึ่งมีทัศนคติเหมือนเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่ามีตัวตนและโด่งดังขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงสาปแช่งจากคนไทยผู้จงรักภักดีซึ่งรับไม่ได้กับการให้ร้ายสถาบัน

นอกจากนั้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก้านธูปซึ่งยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมก็ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ให้ขึ้นเวทั นปช. ในนาม 'สมัชชาแดงก้าวหน้า' กล่าวปราศรัยสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่น ซึ่งอยู่เบื้องหลังขบวนการล้มเจ้า โดยก้านธูปได้เรียกร้องให้เด็กและเยาวชนออกมาเคลื่อนไหวปกป้องทักษิณด้วย

และเนื่องเพราะพฤติกรรมก้าวร้าวจาบจ้วง มักวิจารณ์และกล่าวโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง ทำให้เพื่อนนักเรียนและครูบาอาจารย์รับไม่ได้ ก้านธูปจึงถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนใน จ.ราชบุรี จากนั้นจึงย้ายไปเรียนที่โรงเรียนใน จ.นครราชสีมา แต่ไม่ว่าเธอจะย้ายสถานศึกษาไปกี่แห่ง แนวคิดล้มเจ้าที่ได้รับการฝังหัวคนในครอบครัวก็ยังคงอยู่ ก้านธูปจึงยังคงก่นด่าสถาบันตามเว็บบอร์ดต่างๆ อย่างไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงเว็บฯสุดฮิตอย่างเฟซบุ๊กด้วย เรื่องนี้จึงยิ่งแพร่สะพัดไปในสังคมออนไลน์ทำให้กระแสความไม่พอใจที่มีต่อก้านธูปทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

จากแนวคิดสุดขั้วที่เป็นอันตรายต่อสถาบันนี่เองที่ทำให้ก้านธูปมีปัญหาในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เนื่องเพราะสถาบันคุณภาพอย่าง คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบุว่าแม้เธอจะทำคะแนนติด 1 ใน 200 ในโครงการพิเศษสาขาเอเชียศึกษา แต่เนื่องจากเธอขาดคุณสมบัติในข้อที่ว่า “นักศึกษาต้องมีความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของประเทศ” ซึ่งถือเป็นหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยศิลปากร ประกอบกับเป็นผู้ที่บุคลิกภาพมีปัญหา จึงถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะเข้าศึกษาในสถาบัน

ขณะที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเธอสอบติดในคณะสังคมศาสตร์ เอกรัฐศาสตร์ (ภาคพิเศษ) ก็มีกระแสต่อต้านอย่างหนักจากบรรดานักศึกษา ถึงขั้นที่ชาว ม.เกษตรฯรวมตัวกันเปิดเฟซบุ๊กชื่อ “ มั่นใจชุมชนชาวเกษตรฯ ไม่ยินดีต้อนรับคนหมิ่นพ่อชื่อ....มาร่วมเรียนด้วย” และในวันที่เธอต้องไปรายงานตัว ก็มีชาว ม.เกษตรจำนวนมากไปรอดูสถานการณ์และรอประท้วงหากทางมหาวิทยาลัยรับเธอเป็นนิสิต ในขณะที่ก็มีคนเสื้อแดงราว 30-40 คน ไปรอสนับสนุน และญาติผู้พี่ของเธอคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกษตรศาสตร์ ในขณะนั้น ถึงกับขึ้นเฟซบุ๊กว่า "ถ้า ม.เกษตรฯงี่เง่าไม่ยอมรับเธอเป็นนิสิตใหม่จะมีการไปเผา ม.เกษตรให้ดู"

แต่ในที่สุดวันนั้นก้านธูปก็ไม่ได้ไปรายงานตัวตามกำหนด เท่ากับเธอสละสิทธิ์ในการเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

จากนั้นก้านธูปได้เปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุล ก่อนที่จะเข้าศึกษาในคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย ในขณะที่บางกระแสมองว่าอาจเป็นเพราะมีการเปลี่ยนชื่อสกุล ทำให้ทางมหาวิทยาลัยไม่ทราบถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จึงรับเข้าเรียนต่อ แต่ทางด้าน 'ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์' อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมายืนยันชัดเจนว่ารู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้คือก้านธูป แต่เมื่อสามารถสอบเข้าได้ทางมหาวิทยาลัยก็ต้องรับเข้าเรียน อีกทั้งมองว่าการจาบจ้วงสถาบันนั้นเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนจะเข้ามาเรียนที่ธรรมศาสตร์

“ มธ.ทราบตั้งแต่ต้นว่าเด็กคนนี้คือใคร พอเขาสอบเข้าได้ในคณะสังคมศาสตร์ ทางมหาวิทยาลัยได้ประชุมกัน 2 ครั้ง เพื่อจะพิจารณาว่าควรจะรับเด็กก้านธูปเข้ามาเรียนหรือไม่ สรุปคือเรารับเด็กคนนี้เข้าเรียน เพราะเด็กสอบได้ จะไม่ให้เด็กเข้ามาเรียนได้อย่างไร เราไม่ได้มองประเด็นของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่นี้ แต่ถ้าเข้ามาเรียนที่ธรรมศาสตร์ แล้วยังมีพฤติกรรมดังกล่าว ธรรมศาสตร์ก็ต้องตรวจสอบว่าเราจะทำโทษทางวินัยได้ไหม เราจะลงโทษพฤติกรรมก่อนที่เขาจะเข้ามาเรียนในธรรมศาสตร์ได้อย่างไร ผมว่าเราไม่ควรรังแกเด็ก " อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าว

แต่หลังจากที่ตำรวจบางเขนออกหมายเรียก ก้านธูป ซึ่งขณะนี้มีสถานภาพเป็นนางสาวแล้ว ให้ไปรายงานตัวในข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากสังคม บุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ ความเห็นหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือความเห็นของ รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา อดีตคณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ซึ่งระบุว่า เนื่องจากก้านธูปไม่มีความสำนึกในประวัติศาสตร์ หากตนยังคงเป็นคณบดีและเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัยที่ได้สอน ก็คงจะสอนไปเรื่อยๆ ไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้าออกมาพิสูจน์แล้วว่ามีความผิดจริง ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

“ ที่มีบางฝ่ายมีความเป็นห่วงว่า กรณีของก้านธูปนั้นจะเป็นกรณีการล่าแม่มดนั้น ต้องบอกว่า การล่าแม่มดคือ การกล่าวหาโดยไร้หลักฐาน แต่กรณีนี้เรียกว่าล่าแม่มดไม่ได้ เพราะมีหลักฐานของการทำผิดชัดเจน” รศ.ดร.เสรี กล่าว

ดังนั้นการที่ฝ่ายเสื้อแดงหยิบกรณีของก้านธูปขึ้นมาเป็นประเด็น และออกมาป่าวร้องในทำนองว่า 'เด็ก' ถูก มาตรา112รังแก จึงเป็นเพียงเกมหนึ่งของ 'แผนล้มเจ้า' ที่นำเอาเด็กผู้หญิงที่ถูกพ่อแม่ที่เป็นเสื้อแดงฝังหัวให้เกลียดสถาบัน มาเป็น 'เหยื่อ' เพื่อเรียกคะแนนสงสาร ไม่ต่างจากกรณีคดี 'อากง' ซึ่งใช้กระแสสังคมและจิตวิทยามวลชนในการเพิ่มแรงกดดันให้มีการแก้มาตรา 112 ด้วยจุดประสงค์เพื่อลิดรอนความจงรักดีที่คนไทยทั้งประเทศมีต่อ 'สถาบันพระมหากษัตริย์' อันเป็นที่รักยิ่งให้จงได้
กำลังโหลดความคิดเห็น