xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ยะใส” ตายคาจอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เกิดอาการปรี๊ดแตก ผิดหวังและเกิดคำถามตามามากมายในฉับพลันทันทีที่ปรากฏข่าว “นายสุริยะใส กตะศิลา” แกนนำกลุ่มกรีน อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ “ตุ๊ดตู่-นายจตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคนสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดง ไปออกรายการ “เช้าดูวู้ดดี้” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ซึ่งมี “นายวุฒิธร มิลินทจินดา” เป็นพิธีกร

ยิ่งเมื่อได้เห็นภาพที่ยะใส “จับมือ” กับ “เดอะคางคก” อย่างหวานชื่นบนโซฟาเดียวกัน โดยมีนายวู้ดดี้ยืนทำหน้าแป้นแล้นอยู่ด้านหลังด้วยแล้ว เล่นเอาบรรดา “พ่อยกแม่ยก” ถึงกับรับไม่ได้และระดมกันเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์หรือจะใช้คำว่า “ก่นด่า” นายสุริยะใสก็คงจะว่าได้
นี่ไม่นับรวมถึงถ้อยคำที่ทั้งสองคนให้สัมภาษณ์นายวู้ดดี้ในประเด็นอุดมการณ์ทางการเมืองและความสัมพันธ์อันหวานชื่นที่ทุกถ้อยคำ ทุกประโยคได้กลายเป็นบาดแผลที่ร้าวลึกในหัวใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนยากที่จะหาคำอธิบายใดๆ มาอธิบายให้เข้าใจได้

“จริงๆ ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย แม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว สุริยะใสเป็นคนที่มีไมตรีจิตที่ดีเสมอมา มีความห่วงใยให้เพื่อนฝูงเสมอ ในประชาธิปไตยคือความแตกต่างและความแตกต่างนั้นแหละคือความงดงามที่ซ่อนอยู่”นายจตุพรกล่าวถึงนายสุริยะใสอย่างหวานชื่น

เฉกเช่นเดียวกับนายสุริยะใสที่กล่าวถึงนายจตุพรอย่างเลอเลิศในท่วงทำนองเดียวกันว่า “ตู่เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี พูดคุยตลก เป็นกันเอง เวลาคุยกันในหมู่เพื่อนๆ ก็สนุกไปกับมุกของเขา ไปเล่าให้น้องๆ ในกลุ่มฟัง ไม่มีใครเชื่อว่า ตู่เป็นคนตลกเลย แต่จริงๆ เขาเป็นคนตลกมาก”

แต่ที่เด็ดที่สุดก็คือทั้งคู่ได้ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ยังมีนัดทานข้าวกันอยู่บ้าง โดยมีพรรคพวกชักชวนกัน ก็มาเจอกัน ทานข้าวพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองกันเป้ฯเรื่องปกติ”

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวทางเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์(www.manager.co.th) ก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์และความรู้สึกที่พันธมิตรฯ มีต่อนายสุริยะใสได้เป็นอย่างดี

ยกตัวอย่างเช่น ความคิดเห็นที่ 5 ระบุว่า เสื้อเหลือง เสื้อแดง ที่บาดเจ็บ ล้มตาย พลัดพรากจากครอบครัว คนอันเป็นที่รัก เห็นภาพนี้แล้วคงมีความสุขกาย สุขใจ ในน้ำมิตรไมตรี ที่สองแกนนำ แดง-เหลือง มาเปิดเผยสัมพันธ์ว่า เป็นเพื่อนซี้ต่างขั้วกัน รู้จักกันมา 20 กว่าปี ดีต่อกัน ไม่เคยขอกัน....แม้กระทั่งชีวิตของคนฝ่ายตัวเอง ซึ่งอยู่ในวิสัยที่สามารถกระทำได้...นี่แหละมั้งที่เขาเรียกว่า "พ่อค้าประชาธิปไตย นักรบที่มีซากศพประชาชนเป็นเหรียญกล้าหาญ" มันเป็นเช่นนี้เอง

ส่วนความคิดเห็นที่น่าสนใจ เช่น ความคิดเห็นที่ 53 ระบุว่า ถึงยะใส ถ้าความจำยังดี รายการนี้เริ่มด้วยประทานสัมภาษณ์ฟ้าหญิงองค์เล็กและมีประโยคหนึ่งที่คนไทยอย่างกรูฟังแล้วอึ้ง ฟ้าหญิงตรัสว่า...ขอความเป็นธรรมให้พระเจ้าอยู่หัวบ้าง.... หลังจากนั้นไม่กี่วัน ไอ้ตู่คางคกก็บอกว่าอยากจะออกรายการวู้ดดี้บ้าง เพื่อเทียบชั้นจะอะไรก็ตาม ถามยะใสว่ามันสมควรหรือไม่ ผมไม่คิดว่าคนกินข้าววันละสามมื้ออย่างผมเช่นยะใส จะเป็นคนอัปรีย์ จังไร ขนาดไปสัมผัสเกลือกกลั้วกับคนเลวชาติอย่างไอ้คางคก จาก คนไทยไม่คบคนเผาบ้านเผาเมือง

ความคิดเห็นที่ 172 ระบุว่า คุณสุริยะใส ครับ คุณบอกว่าคุณปกป้องสถาบัน ส่วนอ้ายตู่คุณก็พูดอยู่ว่ามันคิดล้มล้างสถาบันแต่คุณทะลึ่งไปจับมือกับมัน คมกับมัน ถ้าเป็นผมนะเจออ้ายตู่ต่อยปากเอาเลือดชั่วมันออกแล้ว หรือไม่ก็ตายกันไปข้างหนึ่ง อ้ายตู่มันเป็นคนไทยใจเขมร บ้านคุณอยู่ติดชายแดนเขมร คุณไม่เจ็บปวดบ้างหรือที่อ้ายตู่ไปกราบฮุนเซน ซึ่งเอาอาวุธมาเข่นฆ่าทหารไทย คนไทย จาก คนหน้าไม่กลม

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางความเห็นที่มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลก เช่น ความคิดเห็นที่ 23 ระบุว่า ความจริงเหตุการณ์อย่างนี้มีอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ไม่เห็นแปลก ก็สามี ภรรยา ที่ต่างขั้ว ก็ยังมีเลย มันเป็นเส้นแบ่งที่ต่างก็รู้ การเป็นเพื่อนกัน ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าในอนาคตจะแปลกแยก ไม่สามารถที่จะไปบังคับพฤติกรรมของใครๆได้ ขอเพียงให้รู้ว่าตัวเองเป็นใครเท่านั้น ก็ทีขั้วเดียวกันยังเปลี่ยนสีได้
ฯลฯ

นี่คือส่วนหนึ่งของความคิดเห็นที่มีต่อนายสุริยะใส กระทั่งทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เกิดอะไรขึ้นกับนายสุริยะใส

ทำไมเขาถึงตัดสินใจไปออกรายการร่วมกับนายจตุพร แกนนำคนเสื้อแดงที่พันธมิตรฯ เกลียดเข้าไส้เป็นลำดับต้นๆ

แน่นอน กล่าวสำหรับการไปออกรายการร่วมกัน ในฟากของนายจตุพรนั้นมีแต่ได้กับได้ ขณะที่ทางด้านนายสุริยะใสก็ต้องบอกว่ามีแต่เสียกับเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ถามว่า ผิดหรือไม่ที่นายสุริยะใสไปออกรายการของวู้ดดี้

คำตอบคือไม่ผิด แต่สิ่งที่ผิดก็คือการที่นายสุริยะใสไปออกรายการพร้อมกับนายจตุพร

ถ้านายสุริยะใสออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องออกรายการภายใต้แนวความคิดเพื่อนซี้ต่างขั้วการเมืองกับนายจตุพร ก็ต้องบอกว่า นายสุริยะใสโกหก เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รับรู้

ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า นายสุริยะใสตั้งใจที่จะไปออกรายการ และตั้งใจที่จะพูดถึงนายจตุพรในท่วงทำนองเช่นนั้นออกมา เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนซึ่งผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างยาวนานจะเสียเหลี่ยมหรือรู้ไม่เท่าให้ผู้ดำเนินรายการ

สิ่งที่ต้องขบคิดต่อไปก็คือ นายสุริยะใสทำไปเพื่ออะไร

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากนั่งลำดับเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมาก็อาจพอจะเห็นเค้าลางที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญดังกล่าว

กล่าวคือในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ชื่อของนายสุริยะใสหายไปจากแวดวงข่าวการเมืองเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ “พรรคการเมืองใหม่” ที่นายสุริยะใสหมายมั่นปั้นมือว่าจะสามารถผลักดันให้เขาเดินทางไปถึงฝั่งฝันรวมทั้งสนองตอบความทะเยอทะยานทางการเมืองที่อยู่ใต้จิตสำนึกได้

และเมื่อพรรคการเมืองใหม่จบสิ้น จะเห็นได้ว่า นายสุริยะใสพยายามจะมีบทบาททางการเมืองด้วยการตั้งกลุ่มกรีนขึ้นมาใหม่โดยมีตัวเขาเป็นแกนนำคนสำคัญ

หรือว่า การไปออกรายการร่วมกับนายจตุพรครั้งนี้ เป็นเพราะนายสุริยะใสปรารถนาที่จะลบภาพความเป็นพันธมิตรฯ ออกไปจากตัวเขา และแผ้วถางทางเดินบนเส้นทางการเมืองสายใหม่ ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องบอกว่า หมากเกมนี้ประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

ในที่สุดหลังมีเสียงด่าดังอึงมี่ นายสุริยะใสก็ไม่สามารถอดรนทนอยู่ได้อีกต่อไป และพยายามอธิบายถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของเหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตของเขาว่า “จริงๆ หลายรายการ หลายช่องพยายามเชิญตนกับนายจตุพรไปหลายครั้งแล้วแต่ปฏิเสธไป แต่ปีนี้รับปากเพราะเป็นต้นปีใหม่ และจะได้ประเมินสถานการณ์ ฟังนายจตุพรมองในปีกคนเสื้อแดง และฝั่งเรามองอย่างไร โดยคอนเซ็ปต์รายการคือ คุยเรื่องอดีตของตนกับนายจตุพร ซึ่งเรารู้จักกันมาเกือบ 20 ปี ตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ แต่ว่าตั้งแต่วิกฤตการเมืองยุคทักษิณ 6-7 ปีมานี้ ตนเจอกับนายจตุพรเพียง 3 ครั้ง และเจอโดยบังเอิญทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานเปิดร้านเพื่อน งานแต่ง งานบวชของพรรคพวกที่เป็นเครือเดียวกัน”

“ในรายการช่วงแรกจะพูดเรื่องเบาๆ พูดถึงเรื่องในอดีต ซึ่งเราสนิทกันจริงปฏิเสธไม่ได้ แต่วันนี้จุดยืนทางการเมืองต่างกัน ตนก็พูดชัดในรายการว่าเรายืนกันคนละข้าง ปีนี้ก็ต้องยืนกันคนละข้าง เพราะปีนี้วาระทักษิณชัดมาก ตนก็ทักท้วง คัดค้าน ว่าถ้ารัฐบาลจะเอาวาระทักษิณมาเป็นวาระใหญ่ รัฐบาลเอาไม่อยู่แน่ เพราะจะเจอแรงต้านจากมวลชน แต่เผอิญตอนท้ายผู้จัดรายการให้จับมือกัน พี่น้องพันธมิตรฯ เห็นก็เป็นกังวล ขอยืนยันว่าจุดยืนตนเหมือนเดิม แต่อดีตตนกับนายจตุพรเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ และเรารู้จักกันมาจริง”

แต่ดูเหมือนว่า นายสุริยะใสมีคำแก้ตัวอย่างไร ความรู้สึกของพันธมิตรฯ ที่มีต่อตัวเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ภาพการจับมือกันระหว่างนายสุริยะใสและนายจตุพรได้ทำลายความน่าเชื่อถือของนายสุริยะใสโดยสิ้นเชิง

ยิ่งเมื่อได้รับรู้จากปากว่า ทั้งคู่เคยนัดกินข้าวกันด้วยแล้ว ก็ยิ่งตอกย้ำจินตนาการที่หยั่งรากลงไปในใจของคนเคยรักนายสุริยะใสจนยากที่จะเยียวยาให้กลับคืนมาเหมือนเดิม

แน่นอน หลายคนอดนึกเปรียบเทียบกับกรณีของ “บิ๊กบัง-พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน” อดีตประธานคมช.ผู้ทำการรัฐประหารรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เสนอแนวคิดปรองดองไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร และการไปออกรายการดังกล่าวนายสุริยะใสอาจมีเจตนาที่บริสุทธิ์โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไรแอบแฝง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต้องถือป็นบทเรียนทางการเมืองที่สำคัญยิ่งสำหรับชีวิตของนายสุริยะใส

เพราะความดีกับความชั่ว คนดีกับคนเลว ทำอย่างไรก็ไม่สามารถจับให้มายืนอยู่บนเส้นทางเดียวกันได้

ดีๆ ชั่วๆ อย่างไรก็ยังชั่ว

ค่อยยังชั่ว อย่างไรก็ยังชั่ว



กำลังโหลดความคิดเห็น