xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นแบงก์ดิ่ง!แผนยัดหนี้ฉุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นกลุ่มแบงก์ร่วงกราว!....รับผลกรรม “รัฐบาลปูแดง”ยัดหนี้กองทุนฟื้นฟูให้แบงก์ชาติ นักลงทุนหวั่นต้นทุนดำเนินงานของธนาคารเพิ่มขึ้น พากันแห่ขายทิ้ง โดย“กสิกรไทย -กรุงเทพ”โดนมากสุด หายไป 5 บาทต่อหุ้น คาดวันนี้(6ม.ค.)แรงขายยังมีต่อ โบรกฯแนะชะลอการลงทุน รอดูความชัดเจน ชี้นี่แค่ผลกระทบระยะสั้น แต่หวั่นชาวบ้านรับกรรม อาจโดนส่งภาระมาให้แบกรับแทน
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้(5ม.ค.) มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 26,409.91 ล้านบาท ภาพรวมดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก แต่ปรับตัวได้ไม่มาก โดยปิดที่ระดับ 1,036.80 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด หรือ 0.06% ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 1,040.26 จุด และต่ำสุดที่ 1,031.76 จุด ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค ที่ต่างรอคอยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และผลการประมูลขายพันธบัตรของฝรั่งเศส รวมทั้งมีแรงเทขายจากหน่อวยลงทุนกองทุน LTF ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 684.61 ล้านบาท หลังจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิถึง 1.3 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันจากกรณีรัฐบาลเตรียมออกพ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้รับผิดชอบแทนกระทรวงการคลัง ซึ่งทำให้อาจต้องเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนสถาบันคุ้มครองเงินฝากเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ที่ระดับ 0.4% แต่อาจเพิ่มขึ้นเป็น 1% โดยอาจทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นนั้น เรื่องดังกล่าวมีผลด้านจิตวิทยาของนักลงทุนจำนวนมากจนเกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง

**หุ้นแบงก์รูดกราวรับแผนยัดหนี้ธปท.
โดยวานนี้ (5 ม.ค.)ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลงแรงมากที่สุด ปิดที่ 359.89 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือลดลง 3.28 % ทั้งนี้หุ้น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) ปิดที่ 20.40 บาท ลดลง 1.10 บาท หรือลดลง 5.12% หุ้น ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) ปิดที่ 115 บาท ลดลง 5 บาท หรือลดลง 4.17% หุ้นธนาคารทิสโก้ (TISCO) ปิดที่ 37 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือลดลง 3.90% หุ้นธนาคารกรุงไทย(KTB) ปิดที่ 14.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือลดลง 3.33% หุ้นธนาคารกรุงเทพ(BBL) ปิด ที่ 146 บาท ลดลง 5 บาท หรือลดลง 3.30% หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)ปิดที่ 111 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือลดลง 3.06% หุ้น ธนาคาร ซีไอ เอ็มบี ไทย (CIMBT)ปิดที่ 2.86 บาท หรือลดลง 0.06 บาท หรือลดลง 2.05 บาท หุ้นธนาคารเกียรตินาคิน (KK) ปิดที่ 31 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือลดลง 1.59% หุ้นธนาคาร แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK)ปิดที่ 1.39 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือลดลง 0.71% หุ้นธนาคารทหารไทย (TMB) ปิดที่ 1.61 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือลดลง 0.62%

***โบรกฯแนะชะลอลงทุนกลุ่มแบงก์
ด้าน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง วิเคราะห์ ประเด็น ดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า เพื่อให้กระทรวงการคลังมีเงินเพียงพอสำหรับการชำระดอกเบี้ยของกองทุนฟื้นฟูฯ ประมาณปีละ 6.5 หมื่นล้านบาท มีโอกาสที่กองทุนฟื้นฟูฯ จะขอเงินนำส่งที่ธนาคารพาณิชย์จัดส่งให้กับกองทุนคุ้มครองเงินฝากในอัตราส่วน 0.40%ของฐานเงินฝากต่อปีนั้น แบ่งมาให้กับกองทุนฟื้นฟูฯ 0.30% หรือ 0.39% ซึ่งจะทำให้กองทุนฟื้นฟูมีรายรับประมาณ 3.0 หมื่นล้านบาท และรวมกับรายรับอื่นๆ จะทำให้กองทุนฟื้นฟูฯ มีรายรับประมาณ 5.0 หมื่นล้านบาท โดยส่วนที่ยังขาดอยู่อีก 1.5 หมื่นล้านบาท มีการคุยกันว่าอาจจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารพาณิชย์ในส่วนดังกล่าว ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่กดดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ให้ปรับตัวลดลง 1.04% ในขณะที่ตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.06%
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการผ่าน พ.ร.ก. โอนภาระดอกเบี้ยและเงินต้น 1.14 ล้านล้านบาทไปอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบขอบของ ธปท. แล้วคาดว่าประเด็นที่กล่าวมาเบื้องต้นจะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้งโดย ธปท. จะเป็นคนกำหนดว่าจะหารายรับจากวิธีใดเพื่อใช้ในการชำระภาระดอกเบี้ย 6.5 หมื่นล้านบาทต่อปีนั้น ซึ่งคาดว่าหาก ธปท. จะเก็บเงินค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากธนาคารพาณิชย์อีก 1.5 หมื่นล้านบาทนั้น จะต้องมีการพิจารณากันมากพอสมควร เนื่องจากจำนวนเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทนั้น คิดเป็นประมาณ 9-10% ของกำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ไทย
ดังนั้นจึงคาดว่าประเด็นดังกล่าวจะยังไม่ได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ แต่ประเด็นดังกล่าวอาจเป็นความกังวลที่จะกดดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงสั้น นอกจากนี้ยังคงมีมุมมองในเชิงลบต่อภาวะตลาดหุ้นโดยรวมในช่วงต้นปี 2555 จากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยุโรปเป็นหลักที่มีโอกาสส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งผลการดำเนินงาน 4Q54 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะประกาศออกมาในช่วง ม.ค. นี้น่าจะออกมาไม่ดีนัก จึงยังคงคำแนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงสั้น และรอหาจังหวะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวน่าจะเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ดีกว่า

**หวั่นผู้ฝากเงินรับภาระต่อ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวถึงถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้อาจเพิ่มต้นทุนแก่ธนาคารพาณิชย์ในอนาคต เพราะว่าเมื่อ ธปท. มีภาระเพิ่มขึ้น อาจต้องบริหาร ด้วยการให้ธนาคารพาณิชย์ ส่งเงินค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันส่งเงินสมทบ 0.4% ของเงินฝาก และในที่สุดอาจจะเป็นภาระของผู้ฝากเงินเพิ่มขึ้น
ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันนี้ (6ม.ค.) หลายฝ่ายเชื่อว่าผลการประมูลพันธบัตรของฝรั่งเศส จะเป็นปัจจัยชี้นำการเคลื่อนไหวของดัชนีในวันนี้ หลังจากที่นักลงทุนได้รับผลบวกด้านจิตวิทยาจากตัวเลขเศรษฐกิจของสรัหฐฯที่ทยอยออกมาก่อนหน้าบ้างแล้ว ขณะเดียวกันความกังวลต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธนาคารจากแผนโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯของภาครัฐ ยังจะเป็นปัจจัยลบที่สำคัญที่จะกดดันตลาดหุ้นไทยต่อ
โดยนายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ว่า ดัชนีน่าจะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,030 จุด แนวต้าน 1,040 จุด เพราะตลาดฯน่าจะกลับมาจับตาที่ยุโรปมากขึ้น หลังช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาอิงกับปัจจัยบวกจากสหรัฐฯไปพอสมควรแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น