ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ดอสมท. ตั้ง “จักรพันธ์” ขึ้นรองประธาน สนองเพื่อไทยคุมสื่อ ส่วน “สุระ” ยังนั่งแท่นรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เผยประชุมครั้งต่อไปเตรียมส่งมอบนโยบายใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27ธ.ค.) คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดประชุมในวาระพิเศษขึ้น เกี่ยวกับการเลือกประธานคณะกรรมการ และรองประธานคณะกรรมการอีก 2 คน พร้อมทั้งเป็นการแนะนำและพบปะหน้าตาระหว่างกันของคณะกรรมการบอร์ดทั้ง 12 คน โดยในที่ประชุมได้มีมติ เลือกนายสรจักร เกษมสุวรรณ เป็นประธานคณะกรรมการ โดยนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก เป็นรองประธานคณะกรรมการคนที่ 1 และนายจักรพันธ์ ยมจินดา เป็นรองประธานคณะกรรมการคนที่ 2
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อเลือกประธานและรองกรรมการบอร์ด อสมท เท่านั้น พร้อมทั้งเป็นการแนะนำคณะกรรมการทั้งหมดให้ได้รู้จักกัน ซึ่งในส่วนการมอบนโยบายใหม่ให้กับ อสมท นั้น จะเป็นไปในวาะการประชุมในครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 10 ม.ค.2555 ขณะที่ตำแหน่ง รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ยังคงเป็น นายสุระ เกนทะนะศิล เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา การประชุมบอร์ด อสมท ที่เหลืออยู่ 7 คน ได้แต่งตั้งบอร์ดใหม่ 6 คน ประกอบด้วย 1.นายสรจักร เกษมสุวรรณ 2.นายจักรพันธ์ ยมจินดา 3.นายประเสริฐ เกษมโกเมศ 4.นายเข็มชัย ชุติวงศ์ 5. นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร และ6. นายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา หลังจากนั้นในวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการ อสมท ทั้งนี้ บริษัทจะได้ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อบังคับบริษัทต่อไป
สำหรับนายจักรพันธ์ เป็นบุคคลที่อยู่ในวงการสื่อมาก่อน เคยโด่งดังอย่างมากเมื่อสมัยทำงานอยู่ที่่ช่อง 7 เป็นทั้งผู้อ่านข่าว นักพากย์กีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล แต่ภายหลังได้ลาออกจากช่อง 7 เพื่อเข้าสู่วงการการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จังหวัดระยอง ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2535โและได้เป็น ส.ส. สมใจ ด้วยคะแนนกว่า 100,000 เสียง อันดับที่ 1 ของจังหวัด ต่อมาพรรคส่งจักรพันธุ์ ลงสมัครเป็น ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 10 ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย เขตบางกอกน้อย, เขตบางพลัด และเขตตลิ่งชัน โดยเขาได้รับการเลือกตั้ง ด้วยคะแนน 64,428 เสียง และได้รับการแต่งตั้ง เป็นโฆษกกระทรวงมหาดไทย ในยุคที่ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการ เมื่อปลายปี 2537 จนถึงกลางปี 2538 นายจักรพันธุ์เป็นผู้ประกาศข่าวอีกครั้ง ในช่วงสถานการณ์ประจำวัน ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
หลังจากนั้น เขาจึงลาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในสังกัดพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2544 และได้รับการวางตัวจากพรรคไทยรักไทย ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 30 เพื่อแข่งขันกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ของประชาธิปัตย์ ในวันที่ 6 ก.พ.2548 แต่ถูกศาลจังหวัดระยอง วินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2547 เนื่องจากจักรพันธุ์ขึ้นเวทีปราศรัยหมิ่นประมาท พันตำรวจเอกพณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช ว่าเป็นผู้ค้าอาวุธเถื่อน ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2544 เสียก่อน ต่อมาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในช่วงปี 2548
ต่อมานายจักรพันธุ์ก่อตั้ง บริษัท แมกซิมา สตูดิโอ จำกัด ร่วมกับญาติพี่น้องและมิตรสหายหลายคน โดยดำรงตำแหน่งประธานบริหาร เพื่อผลิตรายการข่าว สถานีสนามเป้า ออกอากาศทาง ททบ.5 ซึ่งเขาเป็นพิธีกรข่าวด้วยตนเอง โดยมีผลงานที่สำคัญคือ การสัมภาษณ์เดี่ยว (Exclusive) พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ และถูกรัฐประหารโดย คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549
นอกจากนี้ ยังผลิตรายการโทรทัศน์ ประเภทวาไรตี้บันเทิงอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมทั้งร่วมบริหารวิทยุเอฟเอ็ม 94.5 เมกะเฮิร์ตซ์ ลูกทุ่งเอฟเอ็ม และเป็นดีเจจัดรายการในทุกวันเสาร์ เวลา 08.00-10.00 น.อีกด้วย ในช่วงปี 2554 ในสมัยรัฐบาลของนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายจักรพันธุ์ได้ทำหน้าที่พิธีกรทางช่อง11ในการรายงานข่าวช่วยเหลือน้ำท่วม และในวันที่ 20 ธ.ค.2554 เขาได้รับเลือกให้อยู่ในตำแหน่งบอร์ดอสมท. ในตำแหน่งกรรมการด้านสื่อสารมวลชนและพัฒนาองค์กร แทนบอร์ด6คนที่ลาออกไป โดยได้ลาออกจากตำแหน่งประธานบริหารบริษัท แมกซิมา สตูดิโอ ของตัวเองแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27ธ.ค.) คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดประชุมในวาระพิเศษขึ้น เกี่ยวกับการเลือกประธานคณะกรรมการ และรองประธานคณะกรรมการอีก 2 คน พร้อมทั้งเป็นการแนะนำและพบปะหน้าตาระหว่างกันของคณะกรรมการบอร์ดทั้ง 12 คน โดยในที่ประชุมได้มีมติ เลือกนายสรจักร เกษมสุวรรณ เป็นประธานคณะกรรมการ โดยนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก เป็นรองประธานคณะกรรมการคนที่ 1 และนายจักรพันธ์ ยมจินดา เป็นรองประธานคณะกรรมการคนที่ 2
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อเลือกประธานและรองกรรมการบอร์ด อสมท เท่านั้น พร้อมทั้งเป็นการแนะนำคณะกรรมการทั้งหมดให้ได้รู้จักกัน ซึ่งในส่วนการมอบนโยบายใหม่ให้กับ อสมท นั้น จะเป็นไปในวาะการประชุมในครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 10 ม.ค.2555 ขณะที่ตำแหน่ง รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ยังคงเป็น นายสุระ เกนทะนะศิล เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา การประชุมบอร์ด อสมท ที่เหลืออยู่ 7 คน ได้แต่งตั้งบอร์ดใหม่ 6 คน ประกอบด้วย 1.นายสรจักร เกษมสุวรรณ 2.นายจักรพันธ์ ยมจินดา 3.นายประเสริฐ เกษมโกเมศ 4.นายเข็มชัย ชุติวงศ์ 5. นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร และ6. นายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา หลังจากนั้นในวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ได้ขอลาออกจากการเป็นกรรมการ อสมท ทั้งนี้ บริษัทจะได้ดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อบังคับบริษัทต่อไป
สำหรับนายจักรพันธ์ เป็นบุคคลที่อยู่ในวงการสื่อมาก่อน เคยโด่งดังอย่างมากเมื่อสมัยทำงานอยู่ที่่ช่อง 7 เป็นทั้งผู้อ่านข่าว นักพากย์กีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล แต่ภายหลังได้ลาออกจากช่อง 7 เพื่อเข้าสู่วงการการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จังหวัดระยอง ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2535โและได้เป็น ส.ส. สมใจ ด้วยคะแนนกว่า 100,000 เสียง อันดับที่ 1 ของจังหวัด ต่อมาพรรคส่งจักรพันธุ์ ลงสมัครเป็น ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 10 ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย เขตบางกอกน้อย, เขตบางพลัด และเขตตลิ่งชัน โดยเขาได้รับการเลือกตั้ง ด้วยคะแนน 64,428 เสียง และได้รับการแต่งตั้ง เป็นโฆษกกระทรวงมหาดไทย ในยุคที่ พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการ เมื่อปลายปี 2537 จนถึงกลางปี 2538 นายจักรพันธุ์เป็นผู้ประกาศข่าวอีกครั้ง ในช่วงสถานการณ์ประจำวัน ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
หลังจากนั้น เขาจึงลาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในสังกัดพรรคไทยรักไทย เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2544 และได้รับการวางตัวจากพรรคไทยรักไทย ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 30 เพื่อแข่งขันกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ของประชาธิปัตย์ ในวันที่ 6 ก.พ.2548 แต่ถูกศาลจังหวัดระยอง วินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2547 เนื่องจากจักรพันธุ์ขึ้นเวทีปราศรัยหมิ่นประมาท พันตำรวจเอกพณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช ว่าเป็นผู้ค้าอาวุธเถื่อน ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2544 เสียก่อน ต่อมาจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในช่วงปี 2548
ต่อมานายจักรพันธุ์ก่อตั้ง บริษัท แมกซิมา สตูดิโอ จำกัด ร่วมกับญาติพี่น้องและมิตรสหายหลายคน โดยดำรงตำแหน่งประธานบริหาร เพื่อผลิตรายการข่าว สถานีสนามเป้า ออกอากาศทาง ททบ.5 ซึ่งเขาเป็นพิธีกรข่าวด้วยตนเอง โดยมีผลงานที่สำคัญคือ การสัมภาษณ์เดี่ยว (Exclusive) พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ และถูกรัฐประหารโดย คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549
นอกจากนี้ ยังผลิตรายการโทรทัศน์ ประเภทวาไรตี้บันเทิงอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมทั้งร่วมบริหารวิทยุเอฟเอ็ม 94.5 เมกะเฮิร์ตซ์ ลูกทุ่งเอฟเอ็ม และเป็นดีเจจัดรายการในทุกวันเสาร์ เวลา 08.00-10.00 น.อีกด้วย ในช่วงปี 2554 ในสมัยรัฐบาลของนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายจักรพันธุ์ได้ทำหน้าที่พิธีกรทางช่อง11ในการรายงานข่าวช่วยเหลือน้ำท่วม และในวันที่ 20 ธ.ค.2554 เขาได้รับเลือกให้อยู่ในตำแหน่งบอร์ดอสมท. ในตำแหน่งกรรมการด้านสื่อสารมวลชนและพัฒนาองค์กร แทนบอร์ด6คนที่ลาออกไป โดยได้ลาออกจากตำแหน่งประธานบริหารบริษัท แมกซิมา สตูดิโอ ของตัวเองแล้ว
