xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นการเมืองกดดันหุ้นไทยปี55รูด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ผลสำรวจนักวิเคราะห์ ชี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้าผัวผวนสูง คาดสิ้นปีอยู่ที่ 1.13 พันจุด พร้อมให้น้ำหนักลงทุนหุ้น 39% เน้นลงุทนหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ปับผลสม่ำเสมอ ชี้ การเมืองไทยเริ่มมีผลลบตลาดหุ้นมากขึ้น รองจากปัญหายูโรโซน คาดต่างชาติซื้อสุทธิเฉลี่ย 1.41 หมื่นล้านบาท

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลสำรวจนักวิเคราะห์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี2555 คาดว่าดัชนีสิ้นปีเฉลี่ยอยู่ที่ 1,130 จุด โดยดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,186 จุด และ ดัชนีต่ำสุดที่ 894 จุด จากคาดสิ้นปี2554 อยู่ที่ 1,046 โดยปัจจจัยบวกส่งผลดีต่อตลาดหุ้นอันดับ1 เรื่องการลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 23% ในปีหน้าและเหลือ 20% ในปี2556 รองมาการลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศเพื่กระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต ความคืนหน้าโครงการป้องดันน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรม เศรษฐกิจจะมีการเติบโตมากขึ้นจากปี 2554 จากที่มีฐานต่ำเพราะปัญหาน้ำท่วม และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขยายตัวสูงขึ้น ผลจากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

ทั้งนี้ปัจจัยลบที่กดดันตลาดหุ้นปีหน้านักวิเคราะห์ว่าอันดับ1 คือปัญหาในยูโรโซน รองมาปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองไทย ในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม เรื่องผลกระทบต่อเนื่องจากน้ำท่วม ปัญหาในสหรัฐอเมริกาและ ผลประกอบการไตรมาส4/54 จะต่ำมาก และคาดเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะมีการเติบโต เฉลี่ย ที่ 4.1% จากปี 2554 เฉลี่ย 1.4% และคาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS)ปี 2554 เติบโตเฉลี่ย 15.14% เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11.61%

“ดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้าจะมีความผันผวนสูงจากที่มีผู้มองว่าดัชนีสูงสุดปีหน้าแกว่ง 1,186 จุด ขณะที่มองต่ำสุดที่ 894 จุด จากที่มีหลายปัจจัยที่มีจะมีผลต่อการแกว่งตัวของดัชนี ซึ่งปีหน้าปัจจัยลบสำคัญที่มีผลต่อตลาดหุ้นเรื่องปัญหายูโรโซน ที่ตนแปลกใจนักวิเคราะห์ให้น้ำหนักการเมืองมาเป็นปัจจัยลบอันดับ 2 จากตนเองคาดว่าปัจจัยนี้จะอยู่อันดับ 3 ”นายสมบัติกล่าว

สำหรับการลงทุนของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศและสถาบันไทยและ พอร์ตการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ประเมินว่านักลงทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิเฉลี่ยในปี 2555 จำนวน 14,150 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศจะซื้อสุทธิเฉลี่ย 6,778 ล้านบาท พอร์ตลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิในปี 2555เฉลี่ย 3,814 ล้านบาท ซึ่งรวม 3 กลุ่มจะซื้อสุทธิรวม 24,742 ล้านบาท โดยคาดว่านักลงทุนรายย่อยปีหน้าจะเป็นผู้ขายสุทธิ

นายสมบัติ กล่าวว่า นักวิเคราะห์คาดว่าอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี2555 เพิ่มขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเดินเรือ เติบโต 324.98% ซึ่งเติบโตสูงมากจากฐานในปี 2554 ที่ต่ำ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เติบโต 28.02% กลุ่มอาหารเติบโต 16.03% ขณะที่อัตราผลตอบแทนเงินปันผล ปีหน้าเติบโตสูงสุดคือกลุ่มสื่อสารอยู่ที่ 5.93% อันดับ2 ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อยู่ที่ 5.32% อันดับ3 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 4.88%

อย่างไรก็ตามปีหน้าที่ดัชนีตลาดหุ้นจะผันผวนสูงนั้นนักลงทุนจะต้องเลือกจังหวะในการลงทุนที่ถูก ทยอยสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงและหาจังหวะขายทำกำไร และติดตามข้อมูลข่าวสารก่อนตัดสินในในการลงทุน และเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มปันผลสูงและสม่ำเสมอ โดยนักวิเคราะห์แนะนำในการกระจายการลงทุน โดยลงทุนหุ้นในประเทศ 39% ลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนตราสารหนี้ 25% ลงทุนในทองคำและโกลด์ฟิวเจอร์ส 11% ลงทุนในหุ้นหรือกองทุนต่างประเทศ8% และ ลงทุนอื่นๆ เช่นกองทุนในประเทศ กองทุนอสังหาริมทรัพย์สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ฯลฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น