xs
xsm
sm
md
lg

จับตาเงินอัดฉีดภาครัฐกระตุ้นศก.กูรูยังห่วงหนี้EU

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เกียรตินาคิน มองเศรษฐกิจไทยปี 55 ยังไปต่อได้แนะจับตาเงินอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิตของภาครัฐ ขณะที่ปัจจัยลบยังเป็นปัญหาหนี้ยุโรป พร้อมมองครึ่งปีแรกดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาลง ล่าสุดส่งกองทุน"เคเค พร็อพเพอร์ตี้ เชคเตอร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ" เอาใจนักลงทุน RMF เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 21ธันวาคมนี้

นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เกียรตินาคิน จำกัด หรือ เคเคฟันด์ กล่าวว่า การลงทุนในปี 2555 นี้ยังมีปัจจัยหลักอย่างปัญหาหนี้ยุโรปกดดันเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในขณะที่ประเทศไทยเองยังต้องจับตาการอัดฉีดเงินของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมว่าจะมีเงินเข้ามาสนับสนุนได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ในไตรมาสสุดท้ายของปี GDP น่าจะติดลบ แต่เรามองว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 GDP น่าจะกลับมาเติบโตขึ้น โดยปัจจัยบวกที่ทำให้เรามองว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีขึ้นมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น

อย่างไรก็ตามเทรนด์การลงทุนลงทุนในปีหน้าความน่าสนใจของกองทุนเทอมฟันด์จะลดลง เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกเทรนด์ดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาลง ทั้งนี้เรามองว่า กองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ และกองทุน Real Estate Investment Trusts น่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยรวมเรามองว่าอุตสหกรรมกองทุนรวมน่าจะเติบโตขึ้น โดยมีปัจจัยเรื่องการประกันเงินฝาก การค้นหาสินทรัพย์ใหม่ๆและรูปแบบการลงทุนใหม่มาเป็นเทางเลือกให้กับนักลงทุน พร้อมกับการให้บริการเสริมอย่างเช่น private wealth มากขึ้น

นายศุภกร กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้เรากำลังเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดเคเค พร็อพเพอร์ตี้ เชคเตอร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ KK PROP RMF เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน RMF ซึ่งจะเปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง21ธันวาคม โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เพียงหมวดเดียว คัดเลือก Property Fund ในประเทศที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดี ความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้น และเลือกจังหวะการลงทุนขณะที่ราคา Property Fund มีการปรับตัวลง

นอกจากนี้กองทุนดังกล่าว สามารถลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ (Real Estate Investment Trusts : REITs) เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินปันผลในต่างประเทศ โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนใน REITs ขนาดใหญ่ของประเทศสิงคโปร์ ที่มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และมีศักยภาพสูง เน้นกลุ่ม Denfensive ซึ่งมีความผันผวนต่อภาวะเศรษฐกิจต่ำ รวมถึงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ ลงทุนในโรงงาน หรือศูนย์กระจายสินค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการลงทุนในศูนย์การค้าต่างๆในประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งช่วยสร้างผลตอบแทน (Enhanced Yield) ให้กับกองทุนได้มากยิ่งขึ้น

"เรามองว่าการลงทุนในกองทุนอสังหาฯนั้นเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีนอกเหนือจากการลงทุนในหุ้น ทองคำ และตราสารหนี้ ซึ่งกองทุนอสังหาฯให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ โดยสินทรัพย์ที่กองทุน KK PROP RMF ไปลงทุนนั้นเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ดีและมีสภาพคล่องค่อนข้างสูงประมาณ 70-80% ส่วนที่เหลืออีก 20-30% เราจะไปลงทุนใน REITs ของสิงคโปร์อีกด้วย" นายศุภกร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น