00 เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) ได้เห็นข่าวอยู่ชิ้นหนึ่งที่นำเสนอออกมา นั่นคือข่าวที่ชาวบ้านร้องเรียนกระทรวงพาณิชย์ผ่านสายด่วน 1569 กันสายแทบไหม้ เรื่องสินค้าแพงมหาโหด ทั้งที่น้ำลดลงไปแล้ว ทั้งข้าวราดแกง อาหารตามสั่งที่ปรับขึ้นไป 5-10 บาท นอกจากนี้ยังมีนมข้นหวาน นมข้นจืด แบตเตอร์รี่ และอาหารสำเร็จรูป สินค้าบางอย่างตามห้างใหญ่ๆ ก็ยังหาซื้อยากและจำกัดการซื้ออยู่ ขณะเดียวกันที่บอกว่าเป็นข่าวร้ายถึงรัฐบาลเพื่อไทย ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากก่อนเข้ามาก็คุยโตว่าจะ “กระชากค่าครองชีพลงมา” มาถึงตอนนี้เป็นไง นอกจากไม่ลดลงแล้วยังพุ่งสูงขึ้นมากกว่ายุค “ไข่มาร์ค” เสียอีก
00 ขณะเดียวกันเมื่อได้ยินคำให้สัมภาษณ์ของ รมว.พาณิชย์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อถูกถามว่า จะควบคุมปัญหาดังกล่าวอย่างไร ก็ยิ่งชวนหดหู่ลงไปอีก เมื่อตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “คุมไม่ได้” แต่ต่อไปจะหาทางทำให้เกิดกลไกการแข่งขันให้ประชาชนแทน ลองถ้า รมต.ที่ดูแลโดยตรงพูดแบบนี้ ก็ตัวใครตัวมัน ตอนแรกอ้างว่าน้ำท่วม สภาวะไม่ปกติ ต้องนำเข้าเพื่อป้องกันการขาดแคลน แต่ผ่านมาเป็นเดือนสองเดือนก็ยังเหมือนเดิม เฮ้ย... นี่มันโม้ตัวพ่อนี่หว่า
00 ที่บอกว่าเป็นข่าวร้ายส่งถึง “ปูแดง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เพราะว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของ รัฐบาล ต่อนายกฯ ต่อพรรคเพื่อไทย และต่อเจ้าของก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ก็คือเรื่อง “ปากท้อง” ของชาวบ้านเป็นหลักนี่แหละ ยิ่งนานไปคนยิ่งจนลง แม้จะมีพวก “หัวโจก” เสื้อแดงเท่านั้นที่กินอิ่มนอนหลับ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ยังปากกัดตีนถีบ มันก็ย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดา ถ้าพิจารณากันตามสถานการณ์ เวลานี้เริ่มรุมเร้าเข้ามาประชิดหลายอย่าง เช่น ค่าแรงวันละ 300 บาท ที่บอกว่าเริ่มดีเดย์ 7 จว.ในเดือนเมษายนปีหน้า ก็ไม่ใช่เรื่องหมู เนื่องจากบรรดากลุ่มทุนกำลังตั้งป้อมขวางกันเต็มที่ เรื่องจำนำข้าว ก็ทำท่าเหลว ชาวนาไม่ได้ราคาเต็ม ต้องโดนโรงสีหักค่าความชื้น กดราคาสารพัด
00 ต้องบอกว่าเป็นการตั้งฉายาที่ตรงเป๊ะที่สุดของ “นักข่าวสภา” ที่มีต่อ ส.ส.และ ส.ว.ในฐานะสมาชิกนิติบัญญัติ ซึ่งรวมถึงพวก ส.ส.ที่ไปเป็นรัฐบาล อย่าง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ด้วย ไล่มาตั้งแต่ สภา “กระดองปูแดง” เพราะทำหน้าที่เพียงแค่ปกป้องผลประโยชน์ “เจ้าของ” คือ ทักษิณ กับน้องเจ้าของคือ ยิ่งลักษณ์ เท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ชาวบ้านแต่อย่างใด ถัดมาก็ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ฉายา “ค้อนปลอมตราดูไบ” ซึ่งรายนี้มัน “ของปลอม มาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่คราวนี้ถือว่าให้เห็นภาพชัดเท่านั้นเอง ปู ยิ่งลักษณ์ เป็น “ดาวดับ” ก็ไม่ต้องไปให้ราคาพูดถึง ขณะที่ หนุ่มมาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฉายา หล่อดีเลย์ ที่ตอนเป็นฝ่ายค้านนั้นเก่งนัก ทีตอนเป็นนายกฯ ก็ไม่เห็นทำอะไร ความหมายก็คือ “ดีแต่พูด” นั่นแหละ ฮ่วย !!
00 ในที่สุดหางก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็นทีละน้อย ว่าความต้องการที่แท้จริงสำหรับการแก้ไข รธน. ของพรรคเพื่อไทย-ทักษิณ เป็นอย่างไรกันแน่ โดยเฉพาะเรื่องการทำ “ประชามติ” ที่ล่าสุดมีแนวโน้มออกมาให้เห็นมากขึ้นว่า จะให้ทำหลังการร่าง รธน.เสร็จสิ้นแล้ว โดยงานนี้ฝ่าย “หัวโจกเสื้อแดง” อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น “รับงาน” ออกมาเคลื่อนไหว สาเหตุที่ต้องออกมาแบบนี้ เป็นเพราะ “ไม่ชัวร์” ว่าจะได้รับไฟเขียวจากประชาชน ว่าจะให้แก้ไขหรือไม่ ก็เลยต้องมาอ้างแบบมั่วๆ ว่า 15 ล้านเสียง เทให้ชนะเลือกตั้ง เป็นนโยบายเร่งด่วนต้องรีบทำ แต่ในความเป็นจริงตอนหาเสียงทำไมไม่พูดอย่างเดียวไปเลยว่า จะเข้ามาแก้ รธน. ไม่เกี่ยวกับค่าแรงวันละ 300 บาท จบปริญญาตรี 15,000 บาท จำนำข้าว เพิ่มเบี้ยยังชีพ เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าได้มาเพราะเรื่องอะไรกันแน่ งานนี้รับรองไม่หมูหรอก และกระแสทำประชามติก่อนแก้ไข มาแรงเสียด้วยสิ พี่แม้ว !!
00 ขณะเดียวกันเมื่อได้ยินคำให้สัมภาษณ์ของ รมว.พาณิชย์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อถูกถามว่า จะควบคุมปัญหาดังกล่าวอย่างไร ก็ยิ่งชวนหดหู่ลงไปอีก เมื่อตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “คุมไม่ได้” แต่ต่อไปจะหาทางทำให้เกิดกลไกการแข่งขันให้ประชาชนแทน ลองถ้า รมต.ที่ดูแลโดยตรงพูดแบบนี้ ก็ตัวใครตัวมัน ตอนแรกอ้างว่าน้ำท่วม สภาวะไม่ปกติ ต้องนำเข้าเพื่อป้องกันการขาดแคลน แต่ผ่านมาเป็นเดือนสองเดือนก็ยังเหมือนเดิม เฮ้ย... นี่มันโม้ตัวพ่อนี่หว่า
00 ที่บอกว่าเป็นข่าวร้ายส่งถึง “ปูแดง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เพราะว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของ รัฐบาล ต่อนายกฯ ต่อพรรคเพื่อไทย และต่อเจ้าของก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ก็คือเรื่อง “ปากท้อง” ของชาวบ้านเป็นหลักนี่แหละ ยิ่งนานไปคนยิ่งจนลง แม้จะมีพวก “หัวโจก” เสื้อแดงเท่านั้นที่กินอิ่มนอนหลับ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ยังปากกัดตีนถีบ มันก็ย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดา ถ้าพิจารณากันตามสถานการณ์ เวลานี้เริ่มรุมเร้าเข้ามาประชิดหลายอย่าง เช่น ค่าแรงวันละ 300 บาท ที่บอกว่าเริ่มดีเดย์ 7 จว.ในเดือนเมษายนปีหน้า ก็ไม่ใช่เรื่องหมู เนื่องจากบรรดากลุ่มทุนกำลังตั้งป้อมขวางกันเต็มที่ เรื่องจำนำข้าว ก็ทำท่าเหลว ชาวนาไม่ได้ราคาเต็ม ต้องโดนโรงสีหักค่าความชื้น กดราคาสารพัด
00 ต้องบอกว่าเป็นการตั้งฉายาที่ตรงเป๊ะที่สุดของ “นักข่าวสภา” ที่มีต่อ ส.ส.และ ส.ว.ในฐานะสมาชิกนิติบัญญัติ ซึ่งรวมถึงพวก ส.ส.ที่ไปเป็นรัฐบาล อย่าง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ด้วย ไล่มาตั้งแต่ สภา “กระดองปูแดง” เพราะทำหน้าที่เพียงแค่ปกป้องผลประโยชน์ “เจ้าของ” คือ ทักษิณ กับน้องเจ้าของคือ ยิ่งลักษณ์ เท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ชาวบ้านแต่อย่างใด ถัดมาก็ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ฉายา “ค้อนปลอมตราดูไบ” ซึ่งรายนี้มัน “ของปลอม มาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่คราวนี้ถือว่าให้เห็นภาพชัดเท่านั้นเอง ปู ยิ่งลักษณ์ เป็น “ดาวดับ” ก็ไม่ต้องไปให้ราคาพูดถึง ขณะที่ หนุ่มมาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฉายา หล่อดีเลย์ ที่ตอนเป็นฝ่ายค้านนั้นเก่งนัก ทีตอนเป็นนายกฯ ก็ไม่เห็นทำอะไร ความหมายก็คือ “ดีแต่พูด” นั่นแหละ ฮ่วย !!
00 ในที่สุดหางก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็นทีละน้อย ว่าความต้องการที่แท้จริงสำหรับการแก้ไข รธน. ของพรรคเพื่อไทย-ทักษิณ เป็นอย่างไรกันแน่ โดยเฉพาะเรื่องการทำ “ประชามติ” ที่ล่าสุดมีแนวโน้มออกมาให้เห็นมากขึ้นว่า จะให้ทำหลังการร่าง รธน.เสร็จสิ้นแล้ว โดยงานนี้ฝ่าย “หัวโจกเสื้อแดง” อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น “รับงาน” ออกมาเคลื่อนไหว สาเหตุที่ต้องออกมาแบบนี้ เป็นเพราะ “ไม่ชัวร์” ว่าจะได้รับไฟเขียวจากประชาชน ว่าจะให้แก้ไขหรือไม่ ก็เลยต้องมาอ้างแบบมั่วๆ ว่า 15 ล้านเสียง เทให้ชนะเลือกตั้ง เป็นนโยบายเร่งด่วนต้องรีบทำ แต่ในความเป็นจริงตอนหาเสียงทำไมไม่พูดอย่างเดียวไปเลยว่า จะเข้ามาแก้ รธน. ไม่เกี่ยวกับค่าแรงวันละ 300 บาท จบปริญญาตรี 15,000 บาท จำนำข้าว เพิ่มเบี้ยยังชีพ เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าได้มาเพราะเรื่องอะไรกันแน่ งานนี้รับรองไม่หมูหรอก และกระแสทำประชามติก่อนแก้ไข มาแรงเสียด้วยสิ พี่แม้ว !!