00 เวลานี้ถ้าพิจารณาจากท่าทีของฝ่ายที่มีอำนาจตัวจริงของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยคือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ส่งสัญญาณผ่านตัวแทนดูแล้วไม่ค่อยกระตือรือร้นในการแก้ไข รธน.มากนัก จะแก้หรือไม่แก้ก็ได้ แม้ว่าการแสดงออกมายืนยันว่ารธน.ฉบับปัจจุบันต้องมีการแก้ไข แต่ก็ไม่มีการกำหนดเวลาให้แน่ชัด ก็อาจมองได้หลายมุม เพราะอาจกลัวว่าถ้าฟันธงลงไปก็จะเกิดแรงต้านประดังเข้ามาพร้อมๆกันหลายเรื่อง ซึ่งแต่ละเรื่องที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นผลลบทั้งสิ้น นับวันมีแต่คนรู้ทัน เริ่มรังเกียจว่ารัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันๆไม่ทำอะไรมัวแต่คิดเพื่อทักษิณ ขืนดันทุรังไม่รู้จักพอจาก 19 ล้านเสียง ถ้าลองเช็กดูใหม่ไม่รู้ว่าหล่นหายไปกี่เสียงแล้ว
00 การเมืองบางครั้งไม่จำเป็นคิดให้ซับซ้อน ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ “ปากท้อง” ถ้าตราบใดที่คนยังรู้สึกว่า “กินอิ่มนอนหลับ” มีความสุข มันก็โอเคได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่ถ้าความรู้สึกตรงกันข้าม เหมือนถูกต้ม ไม่ได้เจ๋งจริง รับรองว่าอารมณ์มันก็ย่อมหงุดหงิดเป็นทวีคูณ เหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นกับรัฐบาล ปู และ รมต.ที่ได้เห็นลอยหน้าลอยตาออกมาแต่ละคน “หน้าถีบ”ทั้งนั้น แรกๆอาจต้องหยุดคิด ตั้งสติ ถัดมาก็เริ่มมองด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นก็หงุดหงิดระเบิดออกมา ซึ่งเชื่อว่าหากสถานการณ์ยัง “ห่วยแตก” แบบนี้ต่อไป มันก็ลำบาก ซึ่งเงื่อนไขสำคัญของ ทักษิณ ที่จะกลับบ้านแบบเอาเปรียบคนอื่นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับผลงานของรัฐบาลน้องสาวตัวเองเป็นสำคัญ !!
00 ขณะเดียวกันอย่างที่บรรยากาศในปัจจุบันกับเมื่อปี 44-48 มันต่างกันลิบลับ เวลานี้มีแต่คนรู้ทันมากขึ้นทุกที แม้ว่าจะชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่นั่นมีจำนวนไม่น้อยที่หวังจะได้ค่าแรงวันละ 300 บาท เงินเดือน 15,000 บาท คนแก่จะได้เพิ่มเบี้ยยังชีพ แต่เวลานี้มันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนตามที่โม้เอาไว้ มิหนำซ้ำมาเจอกับเรื่องน้ำท่วม ทำให้ความแตก ทำให้ชาวบ้านได้เห็นตัวตนว่า “สมองกลวง” เสียอีก มันก็เลยไปกันใหญ่
00 ไม่เชื่อลองสังเกตเรื่องกรณีสอดไส้ขอพระราชทานอภัยโทษ ที่ชาวบ้านรุมด่ากันพึม และในตอนนั้นถ้ายังขืนเดินหน้าก็มีหวังเละไปแล้ว และคนที่อาสามาเดินเรื่องอย่างรองนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ก็โดนด่ากันพึม จนต้องถอยชักมือหดกลับแทบไม่ทัน และในที่สุดก็ต้องมาปรับขบวนกันใหม่ ทั้งเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษฯ การแก้ รธน.ซึ่งแม้ว่ายังต้องเดินหน้าแน่นอน แต่ปัญหาก็คือเมื่อเจอแรงต้านมากขึ้น มันก็ต้องรอจังหวะ เพราะถ้าขืนดันทุรังไม่ดูบรรยากาศ หรือคิดว่าตัวเองพวกมากกว่า คิดจะ “หักด้ามพร้าด้วยเข่า” ถ้าคิดแบบนี้มันก็มีตัวอย่างให้เห็นมาเยอะแล้ว
00 ตอนนั้นเมื่อตอนก่อน 19 ก.ย.49 ก็มั่นใจแบบนี้แหละ มีทุกอย่างอยู่ในมือมากกว่านี้เสียอีก มั่นใจไม่รู้กี่เท่า ที่สำคัญขนาดคนยังไม่รู้ทันมากเท่าตอนนี้ก็ยังเอาไม่อยู่ นับประสาอะไรกับอารมณ์คนกำลังเครียดอยู่กับปัญหาปากท้อง เรื่องอนาคตว่าจะอยู่อย่างไร นี่ดันจะมายุ่งแต่เรื่องผลประโยชน์ของคนๆเดียว คิดแต่เอาเปรียบ แค่นี้สะกิดอารมณ์นิดเดียว อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน และก็เหมือนกับรู้ว่ายังไม่ควรฝืนกระแส แม้ว่าจะรู้เอาแน่ แต่ของแบบนี้ อย่างการแก้ รธน.นั้นรอได้ เพราะปัจจุบันก็ถือว่าตัวเองได้ประโยชน์จาก รธน.ปี 50 เต็มๆอยู่แล้ว มีอำนาจรัฐในมืออยู่แล้ว สู้เก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆดี อย่างมากก็ให้พวกเสื้อแดงออกโรงหยั่งกระแสไปก่อน ถ้าไปได้ก็ค่อยผสมโรง แต่ดูรูปการณ์แล้วเชื่อว่าแม้วยัง “ไม่เป่านกหวีด” !!
00 ที่น่าจับตาน่าจะเป็นชายแดนด้านตะวันออก รวมไปถึงด้านตะวันตกทั้ง เขมร และพม่ากลายเป็นว่าเวลานี้ แม้ว รุกคืบเข้าไปฮุบได้เกือบเบ็ดเสร็จแล้ว คราวนี้จะเป็นลักษณะการจับมือกับทุนข้ามชาติ และมา “เหนือเมฆ” ย้อนศรดึงเอา “หมามิตร” เอ้ย มหามิตร อย่างอเมริกาเข้ามาร่วมแล้วใช้น้องสาว “แสตมป์” ตามพิธีการ แค่นี้ก็เรียบร้อย ตาสว่างหรือยังละคนไทยหน้าโง่ ทุด !!
00 การเมืองบางครั้งไม่จำเป็นคิดให้ซับซ้อน ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ “ปากท้อง” ถ้าตราบใดที่คนยังรู้สึกว่า “กินอิ่มนอนหลับ” มีความสุข มันก็โอเคได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่ถ้าความรู้สึกตรงกันข้าม เหมือนถูกต้ม ไม่ได้เจ๋งจริง รับรองว่าอารมณ์มันก็ย่อมหงุดหงิดเป็นทวีคูณ เหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นกับรัฐบาล ปู และ รมต.ที่ได้เห็นลอยหน้าลอยตาออกมาแต่ละคน “หน้าถีบ”ทั้งนั้น แรกๆอาจต้องหยุดคิด ตั้งสติ ถัดมาก็เริ่มมองด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นก็หงุดหงิดระเบิดออกมา ซึ่งเชื่อว่าหากสถานการณ์ยัง “ห่วยแตก” แบบนี้ต่อไป มันก็ลำบาก ซึ่งเงื่อนไขสำคัญของ ทักษิณ ที่จะกลับบ้านแบบเอาเปรียบคนอื่นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับผลงานของรัฐบาลน้องสาวตัวเองเป็นสำคัญ !!
00 ขณะเดียวกันอย่างที่บรรยากาศในปัจจุบันกับเมื่อปี 44-48 มันต่างกันลิบลับ เวลานี้มีแต่คนรู้ทันมากขึ้นทุกที แม้ว่าจะชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่นั่นมีจำนวนไม่น้อยที่หวังจะได้ค่าแรงวันละ 300 บาท เงินเดือน 15,000 บาท คนแก่จะได้เพิ่มเบี้ยยังชีพ แต่เวลานี้มันก็ไม่ได้เป็นไปตามแผนตามที่โม้เอาไว้ มิหนำซ้ำมาเจอกับเรื่องน้ำท่วม ทำให้ความแตก ทำให้ชาวบ้านได้เห็นตัวตนว่า “สมองกลวง” เสียอีก มันก็เลยไปกันใหญ่
00 ไม่เชื่อลองสังเกตเรื่องกรณีสอดไส้ขอพระราชทานอภัยโทษ ที่ชาวบ้านรุมด่ากันพึม และในตอนนั้นถ้ายังขืนเดินหน้าก็มีหวังเละไปแล้ว และคนที่อาสามาเดินเรื่องอย่างรองนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ก็โดนด่ากันพึม จนต้องถอยชักมือหดกลับแทบไม่ทัน และในที่สุดก็ต้องมาปรับขบวนกันใหม่ ทั้งเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษฯ การแก้ รธน.ซึ่งแม้ว่ายังต้องเดินหน้าแน่นอน แต่ปัญหาก็คือเมื่อเจอแรงต้านมากขึ้น มันก็ต้องรอจังหวะ เพราะถ้าขืนดันทุรังไม่ดูบรรยากาศ หรือคิดว่าตัวเองพวกมากกว่า คิดจะ “หักด้ามพร้าด้วยเข่า” ถ้าคิดแบบนี้มันก็มีตัวอย่างให้เห็นมาเยอะแล้ว
00 ตอนนั้นเมื่อตอนก่อน 19 ก.ย.49 ก็มั่นใจแบบนี้แหละ มีทุกอย่างอยู่ในมือมากกว่านี้เสียอีก มั่นใจไม่รู้กี่เท่า ที่สำคัญขนาดคนยังไม่รู้ทันมากเท่าตอนนี้ก็ยังเอาไม่อยู่ นับประสาอะไรกับอารมณ์คนกำลังเครียดอยู่กับปัญหาปากท้อง เรื่องอนาคตว่าจะอยู่อย่างไร นี่ดันจะมายุ่งแต่เรื่องผลประโยชน์ของคนๆเดียว คิดแต่เอาเปรียบ แค่นี้สะกิดอารมณ์นิดเดียว อย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน และก็เหมือนกับรู้ว่ายังไม่ควรฝืนกระแส แม้ว่าจะรู้เอาแน่ แต่ของแบบนี้ อย่างการแก้ รธน.นั้นรอได้ เพราะปัจจุบันก็ถือว่าตัวเองได้ประโยชน์จาก รธน.ปี 50 เต็มๆอยู่แล้ว มีอำนาจรัฐในมืออยู่แล้ว สู้เก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆดี อย่างมากก็ให้พวกเสื้อแดงออกโรงหยั่งกระแสไปก่อน ถ้าไปได้ก็ค่อยผสมโรง แต่ดูรูปการณ์แล้วเชื่อว่าแม้วยัง “ไม่เป่านกหวีด” !!
00 ที่น่าจับตาน่าจะเป็นชายแดนด้านตะวันออก รวมไปถึงด้านตะวันตกทั้ง เขมร และพม่ากลายเป็นว่าเวลานี้ แม้ว รุกคืบเข้าไปฮุบได้เกือบเบ็ดเสร็จแล้ว คราวนี้จะเป็นลักษณะการจับมือกับทุนข้ามชาติ และมา “เหนือเมฆ” ย้อนศรดึงเอา “หมามิตร” เอ้ย มหามิตร อย่างอเมริกาเข้ามาร่วมแล้วใช้น้องสาว “แสตมป์” ตามพิธีการ แค่นี้ก็เรียบร้อย ตาสว่างหรือยังละคนไทยหน้าโง่ ทุด !!