xs
xsm
sm
md
lg

นักข่าวตั้งฉายาสภาฯ "กระดองปูแดง" สมศักดิ์"ค้อนปลอมตราดูไบ"

เผยแพร่:

ASTVผู้จัดการรายวัน-มาแล้ว! นักข่าวขนานนามสภาฯ “กระดองปูแดง” ด้านประธาน “สมศักดิ์” โดน"ค้อนปลอมตราดูไบ" สะท้อนการทำงานที่เอนเอียง-ไม่เด็ดขาด “ยิ่งลักษณ์” สอบตกรับตำแหน่ง “ดาวดับ” ส่วน “อภิสิทธิ์” รับฉายา “หล่อดีเลย์” หลังเป็นฝ่ายค้าน แต่เพิ่งมาฟิตทำงานมากกว่าตอนเป็นนายกฯ "รังสิมา" โชว์ฟอร์มแจ่มขึ้นชั้น"ดาวเด่น" ขณะที่วุฒิสภารับฉายา "สังคโลก" ชี้เป็นเหมือนแค่เครื่องประดับ ของเก่า สุดท้ายไร้บุคคลคู่ควร จำใจงดมอบฉายา "คนดีศรีสภา"

ตามธรรมเนียมปฏิบัติของทุกปี สื่อมวลชนประจำรัฐสภาได้ระดมความเห็นในการตั้งฉายาผู้ที่ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งในส่วนของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิก และการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยในรอบปี 2554 สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เล็งเห็นว่า ผู้ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านการเมืองของประเทศ

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการตั้งฉายาดังกล่าวได้ใช้เหตุผล ความบริสุทธิ์ใจ ปราศจากการแทรกแซงจากทุกฝ่าย และซึ่งการพิจารณาทั้งหมดได้รับความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ของสื่อมวลชนประจำรัฐสภา โดยผลการพิจารณามีดังต่อไปนี้

** 1. เหตุการณ์แห่งปี : องค์ประชุมรัฐสภาล่มวันแถลงนโยบายของรัฐบาล
 
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางดึก เมื่อวันที่ 24 ส.ค.54 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา สืบเนื่องมาจากการที่ ส.ส.ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนนำมาสู่การประท้วงอย่างวุ่นวาย ส่งผลให้ต้องพักการประชุมนานถึง 40 นาที ต่อมานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา สั่งให้นับองค์ประชุมถึง 2 ครั้ง ก่อนลงมติว่าจะปิดการอภิปรายตามที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เสนอหรือไม่ โดยครั้งสุดท้ายมีองค์ประชุมเพียง 314 ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง จำนวน 325 เสียงของการประชุมร่วมัฐสภา จึงสั่งปิดประชุมในเวลา 23.27 น. และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 25 ส.ค.

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องอย่างร้ายแรงของฝ่ายนิติบัญญัติ เนื่องจากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะก่อนที่รัฐบาลจะสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้โดยสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ ต้องผ่านการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาก่อน อีกทั้งพรรคร่วมรัฐบาลมีเสียงในรัฐสภามากถึง 300 เสียง แต่กลับไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมได้

**2.วาทะแห่งปี : “คำวินิจฉัยประธาน ถือเป็นที่สิ้นสุดจะผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
 

มาจากคำพูดของ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 54 ระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพื่อชี้แจงต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กรณีการทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อวินิจฉัยในประเด็นที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายพาดพิงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ระหว่างนั้นเหตุการณ์เป็นไปอย่างตึงเครียด จนท้ายที่สุดนายสมศักดิ์ ใช้อำนาจวินิจฉัยด้วยด้วยคำพูดว่า...

“ผมฟังอยู่ ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นครับ ท่านครับ ท่านสมาชิกครับ ผมขออนุญาตนิดเดียวครับ ข้อบังคับที่พวกเราร่างขึ้นมาเป็นกติกาให้อำนาจประธานเป็นผู้วินิจฉัยแล้วถือว่าเป็นเด็ดขาด ส่วนผิดหรือถูกอีกเรื่องหนึ่งครับ ผมถือว่าผมวินิจฉัยแล้ว ต้องเป็นเด็ดขาดครับ ไม่อย่างนั้นมันจบไม่ได้ครับ” (รายงานการประชุมรัฐสภาสามัญทั่วไปครั้งที่วันที่ 23 - 24 ส.ค.54 หน้า 740)
คำพูดดังกล่าวได้สะท้อนถึงบุคลิกการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ ที่ให้ความสำคัญกับอำนาจของประธานควบคุมการประชุมตามข้อบังคับที่เป็นลายลักษณ์อักษร

**3. ฉายาสภาผู้แทนราษฎร : กระดองปูแดง
 

การเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.54 ทำให้พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากในสภาฯ โดยการทำงานของสภาฯ ภายใต้เสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทย กลับให้ความสำคัญกับการปกป้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอีกสถานะหนึ่ง คือน้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมีแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ คนเสื้อแดง เข้ามาดำรงตำแหน่ง ส.ส. มากกว่า 20 คน

โดยทุกครั้งในการประชุมสภาฯหรือรัฐสภา หากมีการพาดพิงถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวชินวัตร ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก็จะถูกส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวนมากลุกขึ้นตอบโต้อย่างดุเดือด จนการประชุมสภาฯ ต้องหยุดชะงักหลายครั้ง ดังนั้น สภาฯชุดที่ 24 ภายใต้เสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทย ที่มักอ้างเสมอว่ามีมวลชนคนเสื้อแดงกว่า 15 ล้านเสียงสนับสนุน จึงเปรียบเสมือนเป็นกระดองสีแดง ปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีชื่อเล่นว่า “ปู”

**4. ฉายาวุฒิสภา : สังคโลก
 

บทบาทของวุฒิสภาในช่วงที่ผ่านมา สังคมต่างให้ความเชื่อมั่น พร้อมกับคาดหวังไว้สูงว่าจะปฏิบัติหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง เพื่อกำกับและดูแลการทำงานของสภาฯ และกลั่นกรองกฎหมาย แต่การทำงานในรอบปีที่ผ่านมา วุฒิสภากลับไม่มีบทบาทเป็นที่ประจักษ์ ทั้งที่ล้วนมาจากบุคคลที่มีความอาวุโส มากประสบการณ์จากหลากหลายสาขาอาชีพ เปรียบเสมือนเครื่องสังคโลก วัตถุโบราณที่มีคุณค่าในตัวเอง ทุกคนล้วนต้องการเสาะแสวงหาเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของ แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้จริง เพราะมีคุณค่าเพียงแค่เครื่องประดับเท่านั้น

**5. ฉายาประธานสภาผู้แทนราษฎร (นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์) : ค้อนปลอม ตราดูไบ
 

เดิม นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ได้รับฉายาว่า “ขุนค้อน” เมื่อครั้งเป็นรองประธานสภาฯ ช่วงปี 2540 เพราะได้ใช้ค้อนทุบลงที่แทนบัลลังก์ เพื่อแสดงความเด็ดขาดในการควบคุมการประชุม และก่อนได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาฯ นายสมศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่างประเทศ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าไปเสนอตัวจนได้รับเลือกเป็นประธานสภาฯ สมใจ

เมื่อได้มาทำหน้าที่ควบคุมการประชุมสภา ก็ถูกโจมตีอย่างหนักถึงความไม่เป็นกลาง ที่เอื้อต่อพรรคเพื่อไทยทั้งในเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการอภิปรายทั่วไปเรื่องปัญหาน้ำท่วม กระทั่งถูกกล่าวหาขั้นรุนแรงว่า รับใบสั่งจากนายใหญ่ดูไบ ทำให้ภาพของขุนค้อน ผู้หนักแน่น เด็ดขาด เป็นกลาง ดั่ง “ค้อนปอนด์” ต้องตกต่ำลงอย่างมาก จึงเป็นที่มาของฉายา “ค้อนปลอมตราดูไบ” ในที่สุด

**6. ฉายาประธานวุฒิสภา (พล.อ.ธีรเดช มีเพียร) : นายพลถนัดชิ่ง
 

สำหรับ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหลังจากได้รับการสรรหา เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่นับเป็นบุคคลที่สังคมให้การจับตาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเคยผ่านตำแหน่งสำคัญทั้งในกองทัพ และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมาแล้ว อาทิ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่จากบทบาทที่ผ่านมา พล.อ.ธีรเดช ไม่ได้แสดงบทบาทตามที่เคยแสดงวิสัยทัศน์ในการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา

ไม่เพียงเท่านั้น พล.อ.ธีรเดช ยังเลี่ยงตอบคำถามเพื่อแสดงความคิดเห็นในเหตุการณ์ต่างๆ โดยมักอ้างว่า “ผมจำไม่ได้” หรือ “ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ต้องไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง” เหมือนชิ่งตัวเองออกจากปัญหา ทั้งที่ควรจะแสดงบทบาทให้เข้มแข็ง และเด็ดขาด สมกับเป็นอดีตนายพลในกองทัพ

7. ดาวเด่น : น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์


การทำงานของ น.ส.รังสิมา นับตั้งแต่เป็น ส.ส.มีความเสมอต้นเสมอปลาย โดยเฉพาะการสวมบทมือปราบ ส.ส.นอกแถว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น การเปิดโปง ส.ส.ที่ชอบเสียบบัตรแสดงตนแทนกัน การขอให้ประธานสภาฯ ควบคุมการประชุมให้มีความเป็นกลาง หรือแม้กระทั่งขอความร่วมมือ ส.ส.ไม่ให้ประชุมคณะกรรมาธิการในช่วงวันพุธ หรือวันพฤหัสบดี ซึ่งตรงกับวันประชุมสภาฯ เพราะมีผลให้องค์ประชุมสภาฯ เสี่ยงต่อการล่มหลายครั้ง บทบาทเหล่านี้ น.ส.รังสิมาได้ประพฤติปฏิบัติมาตลอด โดยไม่คำนึงถึงว่าช่วงเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล

**8. ดาวดับ : น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แม้ว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร หนึ่งในอำนาจอธิปไตยของประเทศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องตัดขาดกับงานฝ่ายนิติบัญญัติอย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงท่าทีถึงการไม่ให้ความสำคัญกับรัฐสภาหลายครั้ง ทั้งที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่า พร้อมจะให้ความร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อร่วมนำพาประเทศผ่านพ้นปัญหาต่างๆ สร้างความหวังให้กับสังคมไม่ต่างอะไรกับการเป็นดาวเด่นในทางการเมืองภายหลังประสบความสำเร็จจากการบริหารธุรกิจของครอบครัวชินวัตร

สำหรับพฤติกรรมที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงออกจนนำมาซึ่งคำครหาว่า “หนีสภา” หลายต่อหลายครั้ง เช่น การไม่แสดงบทบาทนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้ามาไกล่เกลี่ยระหว่างส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ซึ่งต่างกับอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคนก่อนหน้านี้ พยายามจะเข้ามาเป็นตัวกลาง สร้างความประนีประนอมให้กับทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้งานสภาฯเดินหน้าไปได้ หรือการมอบหมายให้รัฐมนตรี หรือรองนายกฯ เป็นผู้ตอบกระทู้ถามสดแทนการตอบด้วยตัวเองหลายครั้ง ท่ามกลางข้อสงสัยว่าเป็นการมอบหมายให้บุคคลอื่นชี้แจงแทนมากเกินความจำเป็นหรือไม่ ส่งผลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับตำแหน่ง"ดาวดับ" ไปโดยปริยาย

9.คู่กัดแห่งปี : นายอรรถพร พลบุตร vs นายจตุพร พรหมพันธุ์

การประชุมสภาฯมีหลายครั้งที่เกิดวิวาทะระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างกรรมต่างวาระ และต่างคู่กรณี แต่การฟาดฟันระหว่าง นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ต้องยกให้เป็นมวยคู่เอกทุกครั้งไป เนื่องจากเมื่อใดก็ตามที่ทั้ง 2 คนนี้เชือดเฉือนคำพูดกัน ได้เป็นชนวนก่อให้เกิดเหตุประท้วงกันแบบบานปลาย ระหว่าง ส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งส่วนใหญ่ประเด็นที่ทั้ง 2 คน มักจะโต้คารมกัน คือ การพาดพิงถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

**10. คนดีศรีสภา : งดการเสนอชื่อบุคคล

สำหรับตำแหน่งคนดีศรีสภา สื่อมวลชนประจำรัฐสภามีความเห็นร่วมกันยังไม่มีบุคคลที่เหมาะสมกับการได้รับตำแหน่งดังกล่าว ถึงแม้จะมี ส.ส. และ ส.ว.หลายคนแสดงบทบาทการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนโดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์น้ำท่วม หรือ การแสดงออกผ่านการร่วมประชุมรัฐสภาในวาระต่างๆ แต่ทว่ายังไม่ปรากฏว่า มีสมาชิกรัฐสภาคนใดแสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่างเห็นได้ชัด สื่อมวลชนประจำรัฐสภา จึงมีความเห็นร่วมกัน ของดการมอบตำแหน่งคนศรีสภาประจำปี 2554 ออกไป

**11. ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) : หล่อดีเลย์

ด้วยบทบาทการทำงานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หลังจากแพ้การเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยไม่สำเร็จ แม้จะพยายามทำหน้าที่ชี้แนะ ตรวจสอบรัฐบาลถึงปัญหาน้ำท่วม นโยบายด้านต่างๆ รวมถึงการเสนอทางออกเพื่อความปรองดอง แต่ไม่สามารถวิจารณ์ได้เต็มปาก เนื่องจากถูกย้อนศรจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในสมัยนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ไม่ว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมก่อนหน้านี้ หรือการเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุม จนเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ในตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง จึงถูกวิจารณ์ว่า เหตุใดไม่แก้ปัญหาอย่างที่ได้พูดเอาไว้ตั้งแต่เป็นนายกฯ กลายเป็นที่มาของ “หล่อดีเลย์”
กำลังโหลดความคิดเห็น