xs
xsm
sm
md
lg

ธ.ก.ส.จี้คลังเร่งกู้เงินรับมือจำนำข้าวทะลัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ถึงฤดูรับจำนำช้าว ธ.ก.ส.วอน สบน.กู้เงินสำรองเตรียมรับข้าวทะลักเข้าโครงการตั้งแต่ต้นปีหน้า ทั้งปีต้องใช้เงิน 2.3 แสนล้าน ขณะที่ล่าสุดใช้เงิน ธ.ก.ส.รับจำนำข้าวไปแล้ว 4.5 หมื่นล้าน พร้อมชง กขช.ผ่อนปรนรับข้าวออกช้าในพื้นที่น้ำท่วม

นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพ่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวว่า ขณะนี้ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินรับจำนำข้าวแล้ว 4.5 หมื่นล้านบาทจากวงเงินของ ธ.ก.ส.เองที่ตั้งไว้ 9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นปริมาณข้าว 2.5 ล้านตัน จำนวนเกษตรกร 3 แสนราย เนื่องจากเข้าสู่ช่วงของการเก็บเกี่ยวข้าว ทำให้มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวนมากขึ้นและน่าจะต่อเนื่องถึง ม.ค.และปลายเดือน ก.พ.ปีหน้า

"ธ.ก.ส.ต้องเตรียมความพร้อมในการใช้เงินรองรับข้าวเข้าโครงการ เพราะขณะนี้เหลือเงินเพียงไม่กี่หมื่นล้าน จึงเสนอเรื่องไปยังสำนักงานบริหารหนี้สาธาณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง กู้เงินมาใช้ในโครงการ คาดว่าเงินจะเริ่มเข้ามากลางเดือนมกราคมปีหน้าและทยอยเข้ามา 2.3 แสนล้านบาท"

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์น้ำท่วมช่วงที่ผ่านมาคงส่งผลให้มีข้าวเข้าโครงการจำนวน 15-17 ล้านตันจากเป้าหมายเดิม 25 ล้านตันจากปริมาณข้าวทั้งหมด 57 ล้านไร่ทั่วเทศ ซึ่งจะทำให้มีการใช้เงินไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาทรวมเงิน 9 หมื่นล้านบาทของ ธ.ก.ส.แล้ว

นายลักษณ์กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่น้ำลดเกษตรกรได้เริ่มลงมือปลูกข้าวแล้ว เช่นภาคเหนือตอนล่าง ทั้งพิษณุโลก นครสวรรค์ น่าจะเก็บเกี่ยวได้ ก.พ.ปีหน้าซึ่งจะทันเข้าร่วมโครงการ ส่วนภาคกลางที่น้ำยังท่วมขังบางพื้นที่อาจจะเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวไม่ทันฤดูการจำนำนี้ ธ.ก.ส.จึงเตรียมนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อพิจารณาว่าจะขยายเวลารับจำนำออกไปเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าว หรือปรับเป็นการรับจำนำข้าวนาปรังบางพื้นที่เป็นโครงการใหม่สำหรับพื้นที่ที่ประสบเหตุอุทกภัยแทน

นอกจากนั้น ยังจะหารือในที่ประชุม กขช.เพื่อผลักดันแนวทางการคุ้มครองความผันผวนด้านราคาให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพื่อจูงใจในการลดการทำนาลงเหลือปีละ 2 ครั้งเพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับเป็นที่รองรับน้ำในช่วงน้ำหลาก หากเกษตรกรลดการทำนาลงจะได้รับสิทธิ ในการคุ้มครองความผันผวนด้านราคาผ่านระบบการประกันภัยพืชผล ซึ่ง ธ.ก.ส.อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการประกันภัย (คปภ.) และบริษัทเอกชนเพื่อหาข้อสรุปต่อไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น