นายบุญช่วย เจียดำรงชัย รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจสถานการณ์น้ำท่วมของธ.ก.ส.ในเบื้องต้นมีการประเมินความเสียหายจากสาขาทั่วประเทศคาดว่าจะมีผลผลิตข้าวนาปีได้ครับความเสียหายในครั้งนี้และปริมาณข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการรับจำนำหายไปจากระบบประมาณ 5 ล้านตัน จากที่ประมาณการณ์ข้าวที่เข้าร่วมโครงการในฤดูกาลนี้ทั้งหมด 25 ล้านตัน
ซึ่งปริมาณข้าวที่หายไปดังกล่าวอาจส่งผลให้ธ.ก.ส.ใช้เงินเพื่อแทรกแซงราคาข้าวในโครงการนี้ลดลงจาก 4.1 แสนล้านบาทเหลือประมาณ 3.5 แสนล้านบาท โดยเงินจากสภาพคล่องของธ.ก.ส. 9 หมื่นล้านบาทจะสามารถใช้รองรับโครงการรับจำนำได้ถึงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนจากนั้นจะใช้เงินกู้ร่วมจากธนาคารพาณิชย์ที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จัดหาและค้ำประกันโดยกระทรวงการคลังอีก 3.5 แสนล้านบาทเพื่อรองรับปริมาณข้าวเปลือกที่จะออกมาในฤดูกาลนี้
"วงเงินที่ใช้สำหรับรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูการนี้อาจใช้ไม่เต็มวงเงินที่ตั้งไว้ 4.1 แสนล้านบาทเพราะเท่าที่ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจทำให้ปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการลดลง ขณะที่หากคณะอนุกรรมการระบายข้าวสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีกระแสเงินสดหมุนเวียนในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้การใช้เงินในโครงการน้อยลงด้วย " นายบุญช่วยกล่าวและว่านอกจากนี้ธ.ก.ส.ได้เตรียมวงเงินอีก 1 หมื่นล้านบาทเพื่อฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรและให้สินเชื่อช่วยเหลืออีกรายละไม่เกิน 1 แสนบาทหลังช่วงน้ำลดอีกด้วย
ด้านนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวว่า ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ได้มอบหมายให้คปภ.ไปศึกษาเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร โดยร่วมมือกับโครงการที่ธ.ก.ส.ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้ขยายขอบเขตและความคุ้มครองให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
"ความเสียหายจากอุทกภัยและภัยธรรมชาติในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และรัฐบาลต้องใช้เงินชดเชยให้กับเกษตรกรในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกปี ตอนนี้ได้มอบหมายให้คปภ.ศึกษาแนวทางที่ธ.ก.ส.ทำอยู่และเงินชดเชยที่กระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้สำรวจและจ่ายไปทุกปีว่าแต่ละปีใช้วงเงินเท่าใดเพื่อนำเงินก้อนนั้นมาตั้งเป็นกองทุนให้มีความคุ้มครองในอัตราที่เหมาะสมกับเกษตรกรต่อไป " นายวิรุฬกล่าว
ซึ่งปริมาณข้าวที่หายไปดังกล่าวอาจส่งผลให้ธ.ก.ส.ใช้เงินเพื่อแทรกแซงราคาข้าวในโครงการนี้ลดลงจาก 4.1 แสนล้านบาทเหลือประมาณ 3.5 แสนล้านบาท โดยเงินจากสภาพคล่องของธ.ก.ส. 9 หมื่นล้านบาทจะสามารถใช้รองรับโครงการรับจำนำได้ถึงประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนจากนั้นจะใช้เงินกู้ร่วมจากธนาคารพาณิชย์ที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จัดหาและค้ำประกันโดยกระทรวงการคลังอีก 3.5 แสนล้านบาทเพื่อรองรับปริมาณข้าวเปลือกที่จะออกมาในฤดูกาลนี้
"วงเงินที่ใช้สำหรับรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูการนี้อาจใช้ไม่เต็มวงเงินที่ตั้งไว้ 4.1 แสนล้านบาทเพราะเท่าที่ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจทำให้ปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการลดลง ขณะที่หากคณะอนุกรรมการระบายข้าวสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีกระแสเงินสดหมุนเวียนในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้การใช้เงินในโครงการน้อยลงด้วย " นายบุญช่วยกล่าวและว่านอกจากนี้ธ.ก.ส.ได้เตรียมวงเงินอีก 1 หมื่นล้านบาทเพื่อฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรและให้สินเชื่อช่วยเหลืออีกรายละไม่เกิน 1 แสนบาทหลังช่วงน้ำลดอีกด้วย
ด้านนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวว่า ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ได้มอบหมายให้คปภ.ไปศึกษาเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร โดยร่วมมือกับโครงการที่ธ.ก.ส.ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้ขยายขอบเขตและความคุ้มครองให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
"ความเสียหายจากอุทกภัยและภัยธรรมชาติในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และรัฐบาลต้องใช้เงินชดเชยให้กับเกษตรกรในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกปี ตอนนี้ได้มอบหมายให้คปภ.ศึกษาแนวทางที่ธ.ก.ส.ทำอยู่และเงินชดเชยที่กระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้สำรวจและจ่ายไปทุกปีว่าแต่ละปีใช้วงเงินเท่าใดเพื่อนำเงินก้อนนั้นมาตั้งเป็นกองทุนให้มีความคุ้มครองในอัตราที่เหมาะสมกับเกษตรกรต่อไป " นายวิรุฬกล่าว