xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

มหาวิบัติประเทศไทย จากคำทำนาย “เด็กชายปลาบู่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภาพวาดของเด็กชายสุทัศน์ คำสี หรือเด็กชายปลาบู่ เจ้าของคำทำนายอันลือลั่น
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ชั่วโมงนี้ คงไม่มีคำทำนายหรือหมอดูรายใดที่ฮอต มาแรงและเป็นที่กล่าวขานในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกไซเบอร์มากที่สุดเท่ากับ “คำนายของเด็กชายปลาบู่” หรือ “เด็กชายสุทัศน์ คำสี” อีกแล้ว

ทั้งนี้ หลังจากมีผู้ที่ใช้ชื่อว่า MahasuraSinghanat นำไปโพสไว้ในเว็บไซต์ยูทูบเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ที่พยากรณ์ถึงภัยพิบัติใหญ่ที่จะบังเกิดขึ้นในประเทศไทยก็พุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของคนไทยในทันที

และหนึ่งในคำทำนายที่สร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนจำนวนมากในขณะนี้ก็คือ คำทำนายที่ว่า ในช่วงเวลายามสองของคืนปีใหม่ พ.ศ.2555 นี้ จะเกิดเหตุการณ์เขื่อนที่จังหวัดตากพัง รวมทั้งการเกิดแผ่นดินไหวจนผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง

ยิ่งหลังจากที่คนไทยครึ่งค่อนประเทศต้องเผชิญกับเหตุการณ์มหาอุทกภัยเพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้คำทำนายของเด็กชายปลาบู่แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง พร้อมส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนภูมิพล จังหวัดตากและจังหวัดใกล้เคียงซึ่งเป็นแหล่งรองรับน้ำตื่นตกใจกลัว โดยโทรศัพท์สอบถามเข้ามาที่ศาลากลางจังหวัดตากและเขื่อนภูมิพลเป็นจำนวนมาก

บางคนถึงกับจะขายที่ ขายบ้านเพื่อไปหาแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่กันเลยทีเดียว

กระทั่ง “นายสามารถ ลอยฟ้า” ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และ “นายณรงค์ ไทยประยูร” ผู้อำนวยการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ต้องออกมายืนยันถึงความแข็งแรงของเขื่อนภูมิพลว่ามีความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์

นี่คือปรากฏการณ์คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ที่ทำนายเอาไว้ก่อนเสียชีวิตเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2517 หรือเมื่อราว 37 ปีที่ผ่านมา ซึ่งกำลังอาละวาดและรบกวนจิตใจคนไทยอยู่ในขณะนี้

แน่นอน หลายคนฟันธงไปในทันทีว่า นี่เป็นเรื่องลวงโลก ขณะที่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คล้อยตาม

แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่จะพิสูจน์คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ได้ดีที่สุดก็คือ ยามสองของคืนปีใหม่(ยามสองคือเวลาประมาณ 22.00-24.00 น.) ที่กำลังจะมาถึงในปี พ.ศ.2555 นี้จะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในผืนแผ่นดินไทยหรือไม่

**รู้จักเด็กชายปลาบู่ แห่งสวนศรีมหาโพธิ์ จ.ตราด

จากปรากฏการณ์คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ ทำให้ต้องย้อนกลับไปค้นหาที่มา ความเชื่อและการดำรงอยู่ของคำทำนายที่เกิดขึ้นเมื่อราว 37 ปีที่ผ่านมาว่า มีต้นสายปลายเหตุมาจากอะไร ทำไมวันดีคืนดีถึงได้โด่งดังเป็นพลุแตกเช่นนี้ …..

ปลาบู่เป็นชื่อเล่นของ “เด็กชายสุทัศน์ คำสี” เป็นลูกชายคนเดียวของ “นายทองใบ คำสี” กับ “นางสุนทรา คำสี” มีพี่สาว 2 คนและน้องสาว 2 คน ปลาบู่เกิดวันที่ 23 ตุลาคม 2511 ที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2517 ที่ ร.พ.พระปกเกล้า จันทบุรี หรือเสียชีวิตมาแล้ว 37 ปี ในขณะที่ เขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน

เด็กชายปลาบู่เป็นคนเมืองจันทน์ อยู่ที่บ้านเลขที่ 234/2 หมู่ 1 บ้านตามูล ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งปัจจุบันบ้านดังกล่าว นายทองใบผู้เป็นพ่อได้เตรียมพื้นที่เอาไว้สำหรับรองรับลูกชายที่จะกลับมาเกิดใหม่ พร้อมตั้งชื่อว่า “สวนศรีมหาโพธิ์”

จากคำบอกเล่าของนายทองใบ... เด็กชายปลาบู่ เกิดมาก็เหมือนเด็กปกติทั่วไป รูปร่างหน้าตาน่ารัก แต่เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด ตอนอายุประมาณ 3-4 ขวบ มีชาวต่างชาติมาขอเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ด้วย พอปลาบู่ไปคลุกคลีไม่นาน ก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวที่สุดแสนพิศวงของเด็กชายปลาบู่เกิดขึ้นในราวเดือนมิถุนายน 2517 เมื่อเด็กชายปลาบู่ได้บอกกับผู้เป็นพ่อว่า จะตายภายใน 15 วัน ให้ไปซื้อเทปคาสเซ็ทมาอัดเสียงไว้ แต่นายทองใบก็ไม่ได้ทำตามเนื่องเพราะไม่คิดว่าลูกชายจะเสียชีวิตไปจริงๆ

ทั้งนี้ ในห้วงเวลาที่เหลืออยู่ ระหว่างนั้น เด็กชายปลาบู่ได้เล่าเรื่องหลายต่อหลายเรื่องให้พ่อฟัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ผู้เป็นพ่อเป็นสื่อเพื่อบอกเล่าภัยพิบัติที่เขาได้เห็น ได้รู้ให้คนไทยได้ระมัดระวัง(อ่านรายละเอียดในบทสัมภาษณ์พ่อเด็กชายปลาบู่เพิ่มเติม)

แน่นอน ในขณะนั้นนายทองใบไม่เชื่อและคิดว่าลูกพูดจาเพ้อเจ้อ

จากนั้น เด็กชายปลาบู่ก็เริ่มป่วย และเสียชีวิตในวันที่ 10 กรกฎาคม 2517 ตรงตามที่บอกพ่อไว้ว่าจะเสียชีวิตลงใน 15 วัน โดยแพทย์ระบุภายหลังว่าเป็นเนื้องอกในสมอง

เมื่อเหตุการณ์ดำเนินไปตามที่ลูกชายสั่งเสียเอาไว้ นายทองใบจึงเริ่มเชื่อ และทำทุกอย่างตามที่เด็กชายปลาบู่ สั่งไว้ก่อนตาย โดยเขียนคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ แนวทางป้องกันด้วยลายมือของตัวเองเมื่อวันที่ 5 พ.ย.1992 หรือ 19 ปีมาแล้ว

นอกจากนี้ เด็กชายปลาบู่ยังได้สั่งเสียก่อนตาย ว่าเขาจะกลับมาเกิดอีกครั้ง เป็นเณรและออกมาธุดงค์ช่วยพ่อสร้างวัด"สุทัศน์เทพไพฑูรย์" โดยให้พ่อปลูกต้นโพธิ์ล้อมที่ดินแปลงหนึ่งไว้ ซึ่งทุกวันนี้ นายทองใบได้ทำทุกอย่างตามที่ลูกบอก และรอคอยการกลับมาเกิดใหม่ของเด็กชายปลาบู่ผู้เป็นลูกชาย ซึ่งสวนศรีมหาโพธิ์แห่งนี้ นายทองใบผู้เป็นพ่อได้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจโดยเก็บออมจากน้ำพักน้ำแรงที่ไปรับจ้างทำงานเกรดที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จากนั้นก็นำมาซื้อที่ดินเพิ่มไว้กว่า 40 ไร่ โดยแบ่งเนื้อที่กว่า 20 ไร่ สร้างศาลาและปลูกต้นโพธิ์ไว้โดยรอบ

สำหรับชาวบ้านในตำบลทรายขาวที่อยู่ในละแวกเดียวกับบ้านของนายทองใบ นั้น คงต้องบอกว่าต่างรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติจากคำบอกเล่าของเด็กชายปลาบู่มานานกว่า 30 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ยอมรับว่าไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่านายทองใบเสียสติ เพราะเสียใจที่ลูกชายมาด่วนเสียชีวิต จนพากันเรียกว่า “ตาใบบ้า” แต่เมื่อมีหลายเหตุการณ์ในอนาคตตรงกับคำทำนาย หลายคนจึงเริ่มปักใจเชื่อ

นางสาวสุดา ยิ้มเจริญ ชาวบ้านซับประเมิน อ.เขาสอยดาว จ.จันทบุรี หนึ่งในอีกหลายๆ คน ที่ได้เดินทางมาหานายทองใบ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินทางมาคืออยากมาพูดคุย อยากมารับฟังเรื่องราวของเด็กชายปลาบู่ หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องราวแล้วจากทางโทรทัศน์แล้ว จึงอยากมาฟังด้วยตัวเอง ซึ่งก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เชื่อทั้งหมด แต่รู้ไว้บ้างก็ดีเพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ หรือหาทางป้องกันไว้บ้าง

นอกจากนั้น ข้อมูลที่ทีมข่าวเจาะประเด็นซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้ลงพื้นที่ตำบลทรายขาวและได้ไปสัมภาษณ์พูดคุยกับ “กาญจนา นาคนันทน์” หนึ่งในคนทรายขาว ที่นักอ่านรู้จักกันดีจากผลงานนวนิยายอันโด่งดังซึ่งถูกนำมาทำเป็นละครโทรทัศน์อย่างผู้กองยอดรัก ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ฯลฯ ทำให้พบเงื่อนปมที่น่าสนใจของเด็กชายปลาบู่ในหลายเรื่องทีเดียว

กาญจนาเล่าให้ทางรายการฟังว่า คำทำนายของเด็กชายปลาบู่เป็นที่ร่ำลือของชาวบ้านที่นี่มากว่า 30 ปีแล้วและตนเองเคยรับรู้เรื่องนี้มานานแล้วเช่นกัน กระทั่งมารู้จักกับนายทองใบ คำสี ผู้เป็นพ่อของปลาบู่หลังจากที่เด็กชายปลาบู่เสียชีวิตได้ 1 ปี ในการประชุมกลุ่มเกษตรกรที่อำเภอโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

ทั้งนี้ นักเขียนนามอุโฆษยอมรับว่า น่าทึ่งระคนแปลกใจ เพราะหลายเรื่องเป็นความรู้ด้านประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง กรุงศรีอยุธยา และกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพที่ปลาบู่ เด็กชายวัย 6 ขวบ บอกไว้เมื่อ 37 ปีที่แล้วว่า"เจ้าพระยาตอนหนึ่งจะโค้งเหมือนกระเพาะหมู หรือคนสมัยโบราณเรียกว่า คอคอดลูกน้ำเต้า หรือเกือกม้า ตรงนี้ให้ทำเขื่อน เปิด-ปิด เวลาน้ำขึ้น-น้ำลง ซึ่งภายหลังก็เกิดขึ้นแล้ว คือคลองลัดโพธิ์ โครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นเอง"

สำหรับตัวกาญจนาที่ปัจจุบันอายุอานามร่วม 91 ปีนั้น ยอมรับว่า เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และเชื่อว่าเด็กชาย"ปลาบู่" ระลึกชาติได้จริง เพราะบริเวณนี้ สมัยก่อนเป็นป่า ไม่มีเทคโนโลยี บ้านเรือนก็ปลูกห่างกัน ไม่มีโอกาสที่นายทองใบ ซึ่งจบประถมสี่ จะรู้ข้อมูลมากมายก่อนมาเล่า แต่ก็อยากให้ทุกคนเลือกเชื่อเฉพาะที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะคำทำนายเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วม แนวทางป้องกัน รวมถึงแผ่นดินไหว เพื่อจะได้หาทางรับมือ พร้อมยืนยันว่า นายทองใบ ไม่ได้บ้า

**หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คำทำนาย

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญยิ่งที่จะแสวงหาคำตอบและตระหนักให้มากก่อนที่จะตื่นตระหนกก็คือ โอกาสที่คำทำนายของเด็กชายปลาบู่จะกลายเป็นความจริงมีมากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางวิทยาศาสตร์ เพราะดูเหมือนว่า คำทำนายของเด็กชายปลาบู่จะเป็นเพียงคำทำนายและความเชื่อในทำนองนิยายประโลมโลกเสียมากกว่า

แต่กระนั้นก็ดี ก็ใช่ว่าโอกาสที่คำทำนายจะกลายเป็นความจริงจะไม่มีเอาเสียเลย โดยเฉพาะคำทำนายเรื่องเขื่อนแตกในยาม 2 ของคืนปีใหม่ 2555 นี้

แน่นอน ความจริงประการหนึ่งอันเป็นผลพวงจากปรากฏการณ์คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ก็คือ ความจริงจากนายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตากที่ระบุว่า เคยเกิดแผ่นดินไหวระดับความรุนแรงขนาด 3 ริกเตอร์ขึ้นที่เขื่อนภูมิพลมาแล้ว

แปลไทยเป็นไทยก็คือ เคยเกิดแผ่นดินไหวที่เขื่อนภูมิพลมาแล้ว

ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดซ้ำอีกก็มีได้เช่นกันแม้จะมีน้อยมากก็ตาม

แน่นอน แม้เขื่อนภูมิพลจะถูกออกแบบมาให้รับแผ่นดินไหวได้สูงถึง 7 ริกเตอร์ และตัวเขื่อนไม่ได้อยู่ในแนวเปลือกโลก ซึ่งนั่นเป็นหลักรับประกันถึงความแข็งแกร่งของเขื่อนได้เป็นอย่างดี แต่สุดท้ายแล้ว ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เนื่องเพราะผู้ที่จะให้คำตอบของทุกสิ่งในโลกนี้มีเพียงธรรมชาติเท่านั้นที่จะเป็นตัวตัดสิน

ไม่มีใครรู้หรือพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำดอกว่า จะเกิดอะไรขึ้นบ้างบนโลกใบนี้ ยิ่งในยามที่เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดบนโลกในยุคนี้ พ.ศ.นี้ถี่ยิบมากทุกทีด้วยแล้ว ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนหนักขึ้นไปอีก

เฉกเช่นเดียวคำให้สัมภาษณ์ของนายณรงค์ ไทยประยูร ผู้อำนวยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เขื่อนภูมิพล จ.ตาก ที่ให้คำยืนยันชัดเจนว่า เขื่อนภูมิพลมีความแข็งแรงและปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในบางช่วงบางตอนของคำให้สัมภาษณ์ก็มีร่องรอยของความเป็นไปได้ทั้งในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติเช่นกัน

นายณรงค์บอกว่า เขื่อนภูมิพลออกแบบเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งซึ่งเอาแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดวางไว้กับภูเขา ดังนั้น เขาทั้งสองด้านจะรับแรงได้ทั้งหมด หากเกิดการสั่นแสดงว่าต้องสั่นสะเทือนทั้งภูเขา เพราะฉะนั้นหากภูเขาไม่พัง เขื่อนก็ไม่พัง

แปลไทยเป็นไทยได้อีกเช่นกันว่า หากภูเขาไม่พัง เขื่อนก็ไม่พัง แต่ถ้าภูเขาพังเขื่อนก็พัง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับประเทศไทย ไม่ว่าคำทำนายของเด็กชายปลาบู่จะเป็นจริงหรือไม่ก็คือ ขณะนี้โลกของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผลพวงจากการกระทำของมนุษย์ที่ย่ำยีธรรมชาติอย่างเมามัน ทำให้ธรรมชาติกำลังปรับตัวเองเพื่อรักษาสมดุลให้ดำรงอยู่

ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีหลังบ่อยครั้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศไทยหรือญี่ปุ่น เป็นต้น

ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทยในปี 2555 ที่กำลังจะมาถึงนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือ “ปรากฏการณ์ลานินญา” ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของคนไทยอย่างมากมายมหาศาล

ดังจะเห็นได้จากคำให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ที่ให้ข้อมูลว่า อิทธิพลของภาวะลานินญาจะทำให้เกิดภาวะมีฝนมาก โดยจะส่งผลไปถึงช่วงต้นปี 2555 ดังนั้น จึงมีโอกาสที่ในปีหน้าประเทศไทยอาจต้องประสบภาวะฝนฤดูร้อนหรือฝนมาเร็วกว่าฤดูกาลเช่นเดียวกับปี 2554

ด้วยเหตุดังกล่าวระบบและรูปแบบการทำเกษตรกรรมของคนไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในปี 2555 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ

“ตามแผนเบื้องต้น ที่นาในพื้นที่ลุ่มต่ำที่เป็นพื้นที่แก้มลิงรับน้ำ เช่น อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เกษตรกรจะต้องเริ่มเพาะปลูกเตรียมแปลงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2555 เป็นต้นไป เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวประมาณเดือนเม.ย.2555 ก่อนฤดูฝนจะมาถึงในเดือน พ.ค.”

“ส่วนพื้นที่ตอนเหนือ จ.นครสวรรค์ขึ้นไป รูปแบบการเพาะปลูกในปีหน้าจะต้องปลูกข้าวนาปรัง ส่วนทุ่งเจ้าพระยาใหญ่ ตั้งแต่ท้ายเชื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทลงมา รวมพื้นที่ประมาณ 9,000,000 ไร่ กรมชลฯ จะสามารถจัดสรรน้ำให้ชาวนาปลูกข้าวได้เต็มพื้นที่ โดยกำหนดให้เริ่มปลูกข้าวนาปี 2555-2556 ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.55-ต้นเดือน ก.ค.55 เพราะจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในไม่เกินวันที่ 30 ส.ค.2555 ซึ่งเป็นช่วงก่อนน้ำเหนือไหลหลากมาถึง จะได้ไม่ซ้ำรอยเหมือนปีนี้”

คำแจกแจงของรองอธิบดีกรมชลประทานแสดงให้เห็นว่า ปฏิทินการเกษตรของประเทศไทย โดยเฉพาะการปลูกข้าวจะต้องเปลี่ยนแปลงในฉับพลันทันที

.....แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่จะพิสูจน์คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ได้ดีที่สุดก็คือ จะเกิดมหาพิบัติภัยเวลายาม 2 ของคืนวันปีใหม่นี้จริงหรือไม่ ถ้าเกิดจริง ทุกคำทำนายของเด็กชายปลาบู่จะต้องถูกนำมาศึกษาอย่างละเอียดเพื่อหาทางป้องกันและรับมือต่อไป แต่ถ้าไม่เกิดจริง ทุกอย่างก็เอวัง และคำทำนายของเด็กชายปลาบู่ก็เป็นเพียงแค่เรื่องลวงโลกที่หาแก่นสาระอะไรมิได้ และไม่คู่ควรที่คนไทยจะสนใจใยดีอีกต่อไป...

 

"คลี่หัวใจพ่อเด็กชายปลาบู่ ไม่หวั่นถูกจับ สบายใจหลังบอกเหตุ"
ปลาบู่ขณะถ่ายภาพร่วมกับนางสุนทรา คำสี ผู้เป็นแม่ พี่สาว 2 คนและน้องสาว 2 คน
สวนศรีมหาโพธิ์ที่นายทองใบสร้างขึ้นจากคำสั่งเสียของผู้เป็นลูกชาย
ที่เก็บอัฐิของปลาบู่

ชาวบ้านที่เดินทางมาคุยกับลุงทองใบเพื่อขอรับทราบเรื่องราวและคำทำนายของปลาบู่
รายชื่อผู้ที่สนใจคำทำนายของปลาบู่และเดินทางมาที่สวนศรีมหาโพธิ์
กำลังโหลดความคิดเห็น