ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ในช่วงทศวรรษนี้ ความวิปลาสในสังคมไทยดูเหมือนถูกแสดงออกมาบ่อยครั้งและมีรูปแบบหลากหลายมากขึ้น ทั้งยังปรากฏอยู่ในแทบทุกวงการของสังคม อาทิ แวดวงการเมือง การศึกษา และศาสนา
ความวิปลาสปรากฎขึ้นมาภายใต้เงื่อนไขของจักรวาลวิทยาที่วิปริต ในทางกลับกันจักรวาลที่วิปริตก็ส่งผลให้เกิดความวิปลาสมากยิ่งขึ้น และเมื่อความวิปลาสสะสมมากขึ้น จักรวาลวิทยาดั้งเดิมอันเป็นความเชื่อรากฐานของสรรพสิ่งที่เชื่อมโยงกันระหว่างมนุษย์ สังคม และธรรมชาติของเอกภาพก็จะล่มสลาย และกว่ามนุษย์จะสร้างจักรวาลวิทยาใหม่เพื่อใช้เป็นฐานในการดำรงอยู่ของชีวิต ก็ต้องฝ่าด่านแห่งความโกลาหล การจลาจล การทำลายล้างซึ่งกันและกัน เป็นเวลายาวนาน
ปรากฏการณ์แห่งความวิปลาสทางการเมืองคือการนำและการทำให้ระบบนิติบัญญัติ ระบบการบริหาร ระบบพรรคการเมือง และระบอบประชาธิปไตย กลายเป็นเครื่องมือในการรับใช้ผลประโยชน์ของบุคคลเพียงคนเดียวอันเป็นอดีตผู้นำที่กำลังหนีคดีอาญาอยู่ในต่างประเทศ ความวิปลาสของกลุ่มผู้รับใช้นักโทษคดีอาญาผู้นี้ เป็นการทำลายล้างจักรวาลวิทยาแบบดั้งเดิมของสังคมไทยที่อิงอยู่กับพื้นฐานของศาสนาพุทธ ทำลายหลักการพื้นฐานที่ว่าการกระทำย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลทางลบ ใครทำกรรมดีย่อมได้รับผลทางบวก
ความพยายามหักล้างหรือกลับหัวกลับหางกฎแห่งกรรมย่อมนำมาซึ่งความขัดแย้งและความสับสนอลหม่านของระเบียบแห่งจักรวาล และแน่นอนว่าพลังที่ปะทุออกมาจากการปะทะกันระหว่างการพยายามรักษากับการทำลายกฎแห่งกรรม ย่อมสร้างความเสียหายแก่สังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความวิปลาสอีกประการทางการเมืองคือ การนำคนโง่เขลาเบาปัญญา คนป่วยเป็นโรคจิตหรือคนบ้าและคนชั่วฉ้อฉลมาบริหารประเทศ อันเป็นการทำลายล้างจักรวาลวิทยาแบบดั้งเดิมของการบริหารประเทศที่อยู่บนฐานความเชื่อว่า กลุ่มบุคคลที่เหมาะสมต่อการบริหารประเทศ สังคม หรือ แม้แต่องค์การ ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความสูงส่งในด้านปัญญาความรอบรู้ ความมีสติคิดชอบและตัดสินใจกระทำชอบ มีสัตยธรรม อันประกอบด้วย “สัตยพรต” ซึ่งเป็นการยึดถือคำมั่นสัญญาไม่กลับกลอก และ “สัตยวาที” อันเป็นผู้พูดแต่ความจริงต่อประชาชน
ความวิปลาสประการนี้ทำให้จักรวาลวิทยาทางการเมืองของสังคมไทยปั่นป่วน ประชาชนพลเมืองต่างตกอยู่ในความสับสน ทั้งเด็ก เยาวชน คนธรรมดา ไม่ว่าเป็นกลุ่มอาชีพใด งงงวยว่าสิ่งใดคือหลักแห่งความถูกต้องกันแน่ เพราะภายใต้จักรวาลวิทยาแบบเดิมการกระทำเหล่านั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ทำไมสิ่งไม่ถูกต้องเหล่านั้นยังดำรงอยู่ และอยู่อย่างยาวนานเสียด้วย พลเมืองผู้มีจิตใจไม่หนักแน่นมั่นคงในหลักการ ก็อาจหันไปยึดถือเอาจักรวาลวิทยาแห่งความวิปลาสเหล่านั้นเป็นที่ตั้ง ดังจะเห็นว่ามีคนจำนวนมากยอมรับว่าการฉ้อฉลเป็นเรื่องปกติ ต่อไปก็คงมีการยอมรับว่าความโง่เขลาเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาเพราะมีตัวอย่างให้เห็นว่า แม้จะโง่เขลาเพียงใดแต่หากมีอำนาจก็ยังได้รับการยอมรับนับถือ และก็คงมีการยอมรับว่า ความบ้าคลั่งเป็นเรื่องที่ต้องใฝ่หาและพึงกระทำ เพราะมีคนวิปลาสที่สามารถออกคำสั่งแก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐจำนวนนับล้านคนได้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้คนในสังคมไทยต่างเห็นผู้ป่วยโรคจิตวิปลาสผู้หนึ่งที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศนี้ เป็นพหูสูตรู้ในทุกเรื่อง รู้ว่าใครยิงนักข่าวชาวต่างประเทศ รู้ว่าใครฆ่าประชาชน รู้ว่าใครฆ่าหัวคะแนน รู้ว่าใครยิงลูกเรือชาวต่างชาติ รู้ว่าใครวางระเบิดในกรุงเทพ รู้เส้นสนกลในของการปล้นเงินนับล้านเป็นอย่างดี รู้ว่าใครทุจริต อันที่จริงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนักเพราะคนวิปลาสผู้นี้ได้สร้างจักรวาลที่วิปริตของตนเองขึ้นมา และเวียนว่ายอยู่ในจักรวาลนั้น เขารู้ทุกเรื่องเพราะทุกเรื่องเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเองจากจินตนาการ ส่วนเรื่องที่อยู่นอกเหนือจินตนาการอันเป็นเรื่องจริงนั้นเขาไม่ทราบ และผู้คนในสังคมไทยที่ติดตามข่าวสารทั่วไปย่อมรู้อย่างกระจ่างว่า มีเรื่องใดบ้างที่เขาไม่ทราบ
การอวดโอ้ว่าตนเองรู้ทุกเรื่องเป็นความสุขและความบันเทิงของคนวิปลาส เขาจึงทำบ่อยครั้ง แต่เราก็จะเห็นได้ว่าเบื้องลึกแห่งจิตใจของเขาช่างเปราะบางและไม่มั่นคงยิ่งนัก เขาไม่มั่นใจว่าผู้อื่นจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหรือไม่ ดังนั้นแทบทุกครั้งที่เขาพูดเรื่องใดก็ตาม เขามักจะอ้างบางสิ่งบางอย่างเป็นฐานเสริมความมั่นใจให้กับตนเองโดยโยงใยกับสัญลักษณบางประการ เช่น ประสบการณ์ในการทำงานในหน่วยงานที่ตนเองต้องดูแล หรือวุฒิการศึกษาที่ได้รับมาอย่างฉิวเฉียด หรือ การใช้ภาษาต่างประเทศอย่างผิดกาละและเทศะ
สำหรับผู้ที่มีความเปราะบางและไม่มั่นคงของจิต นอกจากใช้การโอ้อวดในการกลบเกลื่อนแล้ว บางครั้งก็อาจใช้ความก้าวร้าวเพื่อให้ตนเองดูมีภาพลักษณ์ของความดุดัน ซึ่งเป็นการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตนเอง หากพิจารณาเหตุผลในเชิงจิตวิเคราะห์ คนประเภทนี้อาจมีอดีตที่เจ็บปวดจากการถูกผู้คนดูแคลน หมิ่นเกียรติศักดิ์ศรีอันเนื่องจากเรียนหนังสือมาน้อย หรือทำงานในตำแหน่งที่มีสถานภาพต่ำอยู่ในระดับล่างสุดของปิรามิดแห่งอำนาจขององค์การ เขาจึงพยายามไขว่คว้าหาอำนาจมาชดเชยเพื่อลบล้างความทรงจำในอดีตเหล่านั้น แต่ยิ่งเขาแสดงอาการเพื่อปกปิดตัวตนมากเท่าไร ความวิปลาสของเขาก็ยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ประเทศไทยยามนี้จึงตกอยู่ในสภาพที่เปรียบเสมือน โรงพยาบาลจิตเวชที่มีผู้ป่วยโรคจิตเป็นผู้บริหาร
ความวิปลาสในสังคมไทยมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงอาณาบริเวณทางการเมืองเท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงแวดวงการศึกษา สิ่งที่บ่งบอกถึงอาการเหล่านี้ อาทิ การควบคุมปัญญาและเสรีภาพทางวิชาการโดยใช้ระบบมาตรฐานและงานกระดาษ การจำนนต่ออำนาจและการสอพลอนักการเมืองของผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา และการขาดความกล้าหาญทางวิชาการในการชี้นำสังคม
คณะกรรมการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) แสดงอาการวิปลาสออกมาโดยได้สร้างระบบมาตรฐานและตัวชี้วัดที่ไร้คุณค่าและทำลายจักรวาลวิทยาของการศึกษาแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง ระบบเหล่านี้ควบคุมครู อาจารย์ให้ต้องหมกหมุ่นอยู่กับการเก็บข้อมูล ทำงานกระดาษ และทำกิจกรรมอันหาสาระไม่ได้ซึ่งไม่มีนัยต่อการพัฒนาภูมิปัญญาและคุณธรรมของเด็กแต่อย่างใด ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการแพร่ระบาดของพฤติกรรมเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด และฉ้อฉลภายในวงการศึกษาอย่างกว้างขวาง
จักรวาลวิทยาของบุคลากรทางการศึกษาในปัจจุบันจึงเป็นจักรวาลที่ถูกเชื่อมโยงด้วยมายาภาพของตัวชี้วัด และการสร้างหรือกระทำเพื่อตอบสนองตัวชี้วัด เพื่อให้ตนเองอยู่รอด ท่ามกลางการเสพผลประโยชน์ของบริษัทหรือผู้ประเมินคุณภาพ และอำนาจที่วิปริตของผู้วิปลาสซึ่งอยู่ในคณะกรรมการอุดมศึกษาและ สมศ.บางคน ครูและอาจารย์จำนวนมากได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้จิตวิญญาณ ร่างกายทางชีวภาพถูกเสียบปลั๊กเชื่อมสายต่อโยงเป็นแหล่งพลังงานให้ระบบอำนาจรวมศูนย์ในนามของคุณภาพและมาตรฐานของ “ผู้อื่นที่ยิ่งใหญ่” ซึ่งควบคุมระบบเมทริกส์ของการศึกษา
หากความวิปลาสและจักรวาลวิปริตเช่นนี้ยังดำรงอยู่ในระบบการศึกษาของไทย ภายในไม่ช้าเราก็จะมีเด็กและเยาวชนจำนวนมากที่ผ่านกระบวนการในระบบนี้กลาย เป็นผู้ว่างเปล่าทางปัญญาและคุณธรรม พวกเขาจะอ่านหนังสือไม่เป็น สรุปความไม่ได้ เขียนถ่ายทอดความคิดไม่รู้เรื่อง และพูดสื่อสารไม่เป็นภาษา อีกทั้งไม่มีคุณธรรมและไร้น้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์เพราะตัวแบบที่สอนเขามาถูกทำให้อ่อนแอโดยระบบอันวิปลาสของหน่วยงานที่กล่าวมาข้างต้น ด้วยเหตุนี้ในไม่ช้าสัตยธรรมทั้งหลายก็จะยิ่งจางหายไปจากสังคมไทย
สำหรับมหาวิทยาลัย มีหลายแห่งที่ผู้บริหารและอาจารย์จำนวนหนึ่งแสดงอาการวิปลาสออกมาโดยการประจบสอพลอนักการเมืองและผู้ทรงอิทธิพลอำนาจทั้งหลาย ดังนั้นจึงขอให้ชาวมหาวิทยาลัยทั้งหลายโปรดตั้งสติ อย่าทำตัวให้ตกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลวิปริตเหล่านี้ ต้องร่วมกันรักษาจักวาลวิทยาแบบดั้งเดิมที่ดีงาม และสร้างสรรค์จักรวาลวิทยาใหม่ที่มีคุณค่า คุณธรรม และยังคุณความดีต่อภูมิปัญญาและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้คนในสังคม หากสถาบันการศึกษาใดมีผู้บริหารแสดงพฤติกรรมวิปลาสด้วยการสอพลอนักการเมืองและจำนนในอำนาจ ขอให้ชาวมหาวิทยาลัยร่วมกันติติงและวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อขจัดพฤติกรรมเหล่านั้นให้หมดไปจากอาณาบริเวณแห่งปัญญา
ความวิปลาสในแวดวงศาสนาก็มีไม่น้อย ดังล่าสุดมีนักบวชผู้หนึ่งแสดงอาการประสบสอพลอ สรรเสริญผู้มีอำนาจ โดยกล่าวสิ่งที่ไม่ใช่สัตยวาทีออกมา กล่าววาจาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยกิเกสตัณหาซึ่งไม่เหมาะต่อสถานภาพของความเป็นนักบวช จักรวาลวิทยาของสงฆ์ปัจจุบันดูเหมือนห่างไกลจากดั้งเดิมไปมาก การยึดถือมรรคาแห่งธรรมนำจิตวิญญาณเพื่อการหลุดพ้นดูเหมือนจางหายไป สิ่งซึ่งมาทดแทนคือจักรวาลวิทยาแห่งอำนาจ ความโลภในปัจจัยอันเป็นรูปธรรมที่ยังความสะดวกสบายทางกาย และความลุ่มหลงในมายาภาพของเนื้อหนังมังสาและเกียรติยศอันปลอมจอมทางโลก มนตราที่นำพาจิตใจให้หลุดพ้นและตื่นรู้จากกิเลศถูกแทนที่ด้วยมนตราที่นำพาผู้คนไปสู่ความงมงายและความมืดบอด
อันที่จริงยังมีความวิปลาสอีกนานัปการในสังคมไทย ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงส่วนน้อย แต่ก็เป็นส่วนสำคัญซึ่งเป็นแกนในการทำให้มิติอื่นเคลื่อนตัวตามไป หากผู้คนในสังคมไทยยังไม่ตื่นตัว และตั้งสติพินิจพิจารณาความวิปลาสเหล่านี้อย่างแยบคาย และเริ่มต้นแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จักรวาลอันวิปริตก็จักขยายตัวออกไปเรื่อยๆ และกัดกร่อนทำลายจิตวิญญาณ คุณธรรมที่ดีงามผู้คนและสังคมจนสูญสลายไปในที่สุด