ASTVผู้จัดการรายวัน - เอสซีฟุ้ง อานิสงส์น้ำไม่ท่วมโครงการ 3 สัปดาห์ยอดขายแตะ 420 ล้านบาท แต่ยอมรับผลกระทบต่อรายได้ทั้งปีหลุดเป้า 5% จากที่ตั้งไว้ 7,500 ล้านบาท แถมต้องเลื่อนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวย่านพระราม 5 ไปปีหน้าพร้อมเปิดแผนลงทุนปี 55 ผุด 20 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท พร้อมลุยเมื่องท่องเที่ยว หัวหิน-ชะอำ 2 โครงการ
นายกรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน) (SC)เปิดเผยว่า จากอุทกภัยใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทต้องเลื่อนแผนการเปิดโครงการบ้านเดี่ยวออกไป 1 โครงการ ในย่านพระราม 5 แม้ว่าพื้นที่ในโครงการจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถนนหน้าโครงการ (พระราม5-ราชพฤกษ์) ได้รับความเสียหายมาก ไม่สะดวกต่อการขนส่งจึงต้องเลื่อนไปเปิดขายในปีต้นปี 2555 แทน
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัททำให้ยอดรับรู้รายได้ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์เอาไว้ 5% จากที่ตั้งเอาไว้ทั้งปี 7,500 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมของตลาดถือว่าดีกว่าปี 2553 ซึ่งใน 3 ไตรมาสบริษัทมียอดรับรู้รายได้ 5,800 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 2,270 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อค) อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ยอดขายดังกล่าวมาจากคอนโดมิเนียม 3 โครงการที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งที่สุขุมวิท 2 โครงการและติวานนท์อีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,850 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่า ในช่วง 3 สัปดาห์นับจากปลายเดือนพฤศจิกายนที่เริ่มกลับมาเปิดขาย หลังจากปิดไปในช่วงน้ำท่วมมียอดขายสูงถึง 420 ล้านบาท โดยคาดว่าได้รับอานิสงค์จากการที่โครงการของบริษัททั้ง 33 โครงการน้ำไม่รับถูกน้ำท่วม แม้ว่าพื้นที่รอบนอกโครงการจะน้ำท่วมก็ตาม จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจและกลับมาซื้อ
“ทั้งนี้ในช่วงน้ำท่วมนั้นบริษัทได้ใช้งบในการช่วยเหลือลูกบ้านประมาณ 30 ล้านบาท จากจำนวน 33 โครงการที่เข้าไปดูแล”
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2555 พัฒนาโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท โดย 2 โครงการอยู่ที่หัวหินและชะอำ ส่วนแนวทางในแผนการพัฒนาโครงการใหม่จะมีการปรับหน้าดินให้สูงกว่าถนนหลัก 1 เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วม รวมทั้งการออกแบบรั้วด้วยการถมคันดินให้สูงขึ้น และใส่แผ่นป้องกันน้ำไว้ด้วย เพื่อป้องกันน้ำเข้าโครงการ ซึ่งจากการดำเนินโครงการดังกล่าวส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1% หรือประมาณ 100,000 บาท สำหรับขนาดบ้าน 200 ตร.ม.อย่างไรก็ตามบริษัทอาจะต้องปรับขึ้นราคาบ้านด้วย แต่จากเหตุผลจากการปรับขึ้นของวัสดุก่อสร้างและค่าแรงเป็นหลัก
ส่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัท ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเดอะเครสท์ สุขุมวิท 24 เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น จำนวน 82 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.79 ล้านบาท เฉลี่ย 150,000-160,000 ต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 45% หรือกว่า 400 ล้านบาท และโครงการเดอะ เครสท์ สุขุมวิท 49 คอนโดมิเนียม 8 ชั้น จำนวน 88 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท เฉลี่ย 130,000 ต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการ 460 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น 20% และชาวไทย 80% ทั้งนี้ทำเลย่านดังกล่าวเหมาะแก่การลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการปล่อยให้เช่าโดยทั้ง 2 โครงการ มีขนาดห้องเริ่มต้นที่ 33-70 ตารางเมตร.
นายกรี เดชชัย ประธานเจ้าหน้าที่ด้านปฏิบัติการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน) (SC)เปิดเผยว่า จากอุทกภัยใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทต้องเลื่อนแผนการเปิดโครงการบ้านเดี่ยวออกไป 1 โครงการ ในย่านพระราม 5 แม้ว่าพื้นที่ในโครงการจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ถนนหน้าโครงการ (พระราม5-ราชพฤกษ์) ได้รับความเสียหายมาก ไม่สะดวกต่อการขนส่งจึงต้องเลื่อนไปเปิดขายในปีต้นปี 2555 แทน
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัททำให้ยอดรับรู้รายได้ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์เอาไว้ 5% จากที่ตั้งเอาไว้ทั้งปี 7,500 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมของตลาดถือว่าดีกว่าปี 2553 ซึ่งใน 3 ไตรมาสบริษัทมียอดรับรู้รายได้ 5,800 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 2,270 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อค) อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ยอดขายดังกล่าวมาจากคอนโดมิเนียม 3 โครงการที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งที่สุขุมวิท 2 โครงการและติวานนท์อีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,850 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่า ในช่วง 3 สัปดาห์นับจากปลายเดือนพฤศจิกายนที่เริ่มกลับมาเปิดขาย หลังจากปิดไปในช่วงน้ำท่วมมียอดขายสูงถึง 420 ล้านบาท โดยคาดว่าได้รับอานิสงค์จากการที่โครงการของบริษัททั้ง 33 โครงการน้ำไม่รับถูกน้ำท่วม แม้ว่าพื้นที่รอบนอกโครงการจะน้ำท่วมก็ตาม จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจและกลับมาซื้อ
“ทั้งนี้ในช่วงน้ำท่วมนั้นบริษัทได้ใช้งบในการช่วยเหลือลูกบ้านประมาณ 30 ล้านบาท จากจำนวน 33 โครงการที่เข้าไปดูแล”
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2555 พัฒนาโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท โดย 2 โครงการอยู่ที่หัวหินและชะอำ ส่วนแนวทางในแผนการพัฒนาโครงการใหม่จะมีการปรับหน้าดินให้สูงกว่าถนนหลัก 1 เมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วม รวมทั้งการออกแบบรั้วด้วยการถมคันดินให้สูงขึ้น และใส่แผ่นป้องกันน้ำไว้ด้วย เพื่อป้องกันน้ำเข้าโครงการ ซึ่งจากการดำเนินโครงการดังกล่าวส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1% หรือประมาณ 100,000 บาท สำหรับขนาดบ้าน 200 ตร.ม.อย่างไรก็ตามบริษัทอาจะต้องปรับขึ้นราคาบ้านด้วย แต่จากเหตุผลจากการปรับขึ้นของวัสดุก่อสร้างและค่าแรงเป็นหลัก
ส่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัท ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,110 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเดอะเครสท์ สุขุมวิท 24 เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น จำนวน 82 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.79 ล้านบาท เฉลี่ย 150,000-160,000 ต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 45% หรือกว่า 400 ล้านบาท และโครงการเดอะ เครสท์ สุขุมวิท 49 คอนโดมิเนียม 8 ชั้น จำนวน 88 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท เฉลี่ย 130,000 ต่อตารางเมตร มูลค่าโครงการ 460 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น 20% และชาวไทย 80% ทั้งนี้ทำเลย่านดังกล่าวเหมาะแก่การลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการปล่อยให้เช่าโดยทั้ง 2 โครงการ มีขนาดห้องเริ่มต้นที่ 33-70 ตารางเมตร.
