วานนี้ ( 14 ธ.ค.) นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีข้าราชการ และผู้ปฏิบัติงานภายในอาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ ร่วมลงชื่อถึง รมว.คลัง และผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้แก้ปัญหาความเดือดร้อนอันเนื่องจากการบริหารอาคารของ บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ว่า ก่อนหน้านี้ทางผู้ตรวจการแผ่นดิน เคยได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องความเป็นธรรม ในการจัดเก็บค่าเช่าร้านค้า ในโครงการร้อยร้านมาร์เช่ ซึ่งก็ได้เป็นคนกลางในการเจรจากับผู้บริหารของ ธพส. จนมีการลดราคาค่าเช่าลง
แต่ขณะนี้ก็เริ่มมีปัญหาอีกครั้ง เพราะใกล้ช่วงหมดสัญญา โดยสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานขายอาหารในศูนย์อาหาร ก็หยุดดำเนินกิจการ ทั้งที่ยังไม่หมดอายุสัญญา เนื่องจากเห็นว่า การขายอาหารภายในอาคารฯ ที่ผ่านมา ไม่คุ้มกับค่าเช่าที่เสียไป และไม่ต้องการที่จะต่อสัญญาอีก เช่นเดียวกับรถรับ-ส่ง ที่วิ่งให้บริการภายในอาคารฯ ของบริษัทเอกชนก็หมดสัญญากับทาง ธพส. ทำให้ข้าราชการ และผู้ปฏิบัติงานภายในอาคารฯได้รับความเดือดร้อน ทั้งในเรื่องการเดินทาง และอาหาร ที่ไม่มีรับประทาน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ล้มเหลว
นายศรีราชา กล่าวว่า ก่อนหน้าที่หน่วยงานต่างๆ จะมาเช่าอาคารแห่งนี้ ธพส.พยายามบอกถึงข้อดี ของการมาตั้งสำนักงานที่นี่ เช่น ระบุว่าอาคารดังกล่าวนี้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน ตัวอาคารมีระบบถ่ายเทอากาศจากภายนอกเข้าสู่ภายใน และมีบริการรถรับ-ส่ง แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็มีการเรียกเก็บค่าหล่อเย็น ที่เป็นระบบทำความเย็นทั้งอาคารจากแต่ละหน่วยงาน เดือนละ 4.3 แสนบาท ส่วนระบบอากาศถ่ายเทจากภายนอกก็ไม่มี ทำให้ข้าราชการและผู้ปฏิบัติงานแต่ละหน่วยงานภายในอาคารฯ ประสบปัญหาป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จำนวนมาก หรือในเรื่องของสาธารณูปโภค แค่หลอดไฟ หรือชักโครกเสีย ก็ต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กว่าจะมีการแก้ไข โดยเฉพาะห้องสุขาบริเวณชั้น 1 ที่ไม่ได้อยู่ในส่วนของหน่วยงานใด เกือบทั้งหมดขาดการดูแลเรื่องความสะอาด การบำรุงรักษาจนไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้มีการประชุมหารือเพื่อที่จะให้ ธพส. มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเห็นว่าอาคารแห่งนี้ไม่เหมาะสมจะเป็นสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือหน่วยงานที่จะต้องให้ประชาชนเข้ามาติดต่อ เพราะการเดินทางก็ไม่สะดวก การรักษาความปลอดภัย ก็ไม่เป็นระบบ หากไม่มีการปรับปรุง ก็ควรที่จะพิจารณาหาที่ตั้งสำนักงานใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ข้าราชการและผู้ปฏิบัติหน้าที่ภายในอาคารได้รวมตัวกันลงชื่อร้องเรียนฯ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา และถูกนำเสนอผ่านทางสื่อมวลชน ปรากฏว่า จากการสำรวจเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) พบว่า ห้องสุขาชั้น 1 และ 2 ของอาคารฯเท่านั้น ที่นำกระดาษชำระมาให้บริการในทุกห้อง ส่วนบริเวณชั้นอื่นๆ ของอาคารฯ ยังไม่ได้รับการแก้ไขเหมือนเดิม
ส่วนห้องสุขาของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังพบว่า หลอดไฟในห้องน้ำใช้งานไม่ได้หลายหลอด มาเป็นเวลานาน และยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ห้องสุขาไม่มีแสงสว่างเพียงพอ รวมทั้งไม่มีการทำความสะอาดด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อร้องเรียนดังกล่าวนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ให้แต่ละหน่วยงาน ที่อยู่ภายในอาคารไปดำเนินการรวบรวมรายชื่อข้าราชการ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อส่งให้สำนักงาน กสม.ภายในวันที่16 ธ.ค.นี้ และทางสำนักงาน กสม.จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดพร้อมข้อร้องเรียนยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และรมว.คลัง ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ต่อไป
แต่ขณะนี้ก็เริ่มมีปัญหาอีกครั้ง เพราะใกล้ช่วงหมดสัญญา โดยสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานขายอาหารในศูนย์อาหาร ก็หยุดดำเนินกิจการ ทั้งที่ยังไม่หมดอายุสัญญา เนื่องจากเห็นว่า การขายอาหารภายในอาคารฯ ที่ผ่านมา ไม่คุ้มกับค่าเช่าที่เสียไป และไม่ต้องการที่จะต่อสัญญาอีก เช่นเดียวกับรถรับ-ส่ง ที่วิ่งให้บริการภายในอาคารฯ ของบริษัทเอกชนก็หมดสัญญากับทาง ธพส. ทำให้ข้าราชการ และผู้ปฏิบัติงานภายในอาคารฯได้รับความเดือดร้อน ทั้งในเรื่องการเดินทาง และอาหาร ที่ไม่มีรับประทาน ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ล้มเหลว
นายศรีราชา กล่าวว่า ก่อนหน้าที่หน่วยงานต่างๆ จะมาเช่าอาคารแห่งนี้ ธพส.พยายามบอกถึงข้อดี ของการมาตั้งสำนักงานที่นี่ เช่น ระบุว่าอาคารดังกล่าวนี้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน ตัวอาคารมีระบบถ่ายเทอากาศจากภายนอกเข้าสู่ภายใน และมีบริการรถรับ-ส่ง แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็มีการเรียกเก็บค่าหล่อเย็น ที่เป็นระบบทำความเย็นทั้งอาคารจากแต่ละหน่วยงาน เดือนละ 4.3 แสนบาท ส่วนระบบอากาศถ่ายเทจากภายนอกก็ไม่มี ทำให้ข้าราชการและผู้ปฏิบัติงานแต่ละหน่วยงานภายในอาคารฯ ประสบปัญหาป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จำนวนมาก หรือในเรื่องของสาธารณูปโภค แค่หลอดไฟ หรือชักโครกเสีย ก็ต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์กว่าจะมีการแก้ไข โดยเฉพาะห้องสุขาบริเวณชั้น 1 ที่ไม่ได้อยู่ในส่วนของหน่วยงานใด เกือบทั้งหมดขาดการดูแลเรื่องความสะอาด การบำรุงรักษาจนไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้มีการประชุมหารือเพื่อที่จะให้ ธพส. มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวเห็นว่าอาคารแห่งนี้ไม่เหมาะสมจะเป็นสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือหน่วยงานที่จะต้องให้ประชาชนเข้ามาติดต่อ เพราะการเดินทางก็ไม่สะดวก การรักษาความปลอดภัย ก็ไม่เป็นระบบ หากไม่มีการปรับปรุง ก็ควรที่จะพิจารณาหาที่ตั้งสำนักงานใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ข้าราชการและผู้ปฏิบัติหน้าที่ภายในอาคารได้รวมตัวกันลงชื่อร้องเรียนฯ เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา และถูกนำเสนอผ่านทางสื่อมวลชน ปรากฏว่า จากการสำรวจเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) พบว่า ห้องสุขาชั้น 1 และ 2 ของอาคารฯเท่านั้น ที่นำกระดาษชำระมาให้บริการในทุกห้อง ส่วนบริเวณชั้นอื่นๆ ของอาคารฯ ยังไม่ได้รับการแก้ไขเหมือนเดิม
ส่วนห้องสุขาของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังพบว่า หลอดไฟในห้องน้ำใช้งานไม่ได้หลายหลอด มาเป็นเวลานาน และยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ห้องสุขาไม่มีแสงสว่างเพียงพอ รวมทั้งไม่มีการทำความสะอาดด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อร้องเรียนดังกล่าวนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ให้แต่ละหน่วยงาน ที่อยู่ภายในอาคารไปดำเนินการรวบรวมรายชื่อข้าราชการ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อส่งให้สำนักงาน กสม.ภายในวันที่16 ธ.ค.นี้ และทางสำนักงาน กสม.จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดพร้อมข้อร้องเรียนยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และรมว.คลัง ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ต่อไป