ASTVผู้จัดการรายวัน – ส.นายหน้าฯ กระทุ้งรัฐบาลใช้มาตรการเยียวยากระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขาย บ้านมือสองหลังน้ำท่วมกระทบยอดขายบ้านมือสองหด 30% แจงความต้องการซื้อลูกค้าชะลอการตัดสินใจและยกเลิกสัญญาซื้อ-ขาย คาดตลาดซบเซายาวต่อเนื่องถึงไตรมาส1ปี 55
นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดบ้านมือสองก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ธุรกิจบ้านมือสองได้มีการขยายตัวทุกปี โดยยอดขายนั้นได้เติบโตประมาณ 10-15 % แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจบ้านมือสองชะลอการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยยอดขายบ้านมือสองหดตัวลงกว่า30 % ทั้งนี้เพราะสินค้าที่นำเสนอขายในตลาดส่วนใหญ่อยู่ในทำเลที่น้ำท่วม รวมทั้งสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลต่อจิตวิทยาของผู้บริโภค ทำให้กระทบต่ออารมณ์ของคนที่จะซื้อบ้านลดลง
นอกจากนี้ ลูกค้าบางรายยังไม่แน่ใจว่าน้ำท่วมจบจริง ๆจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ทำให้เกิดชะลอการตัดสินใจในการซื้อ จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะทำให้แนวโน้มของตลาดจะซบเซาต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 เนื่องจากกำลังซื้อหดหายไปจากตลาดเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากภัยดังกล่าวค่อนข้างสูง และคาดว่าสถานการณ์ตลาดน่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากสินค้าน่าจะได้รับการฟื้นฟูได้เกือบทั้งหมด ทั้งนี้ เชื่อว่าหากไม่มีสถานการณ์อื่นมากระทบตลาดบ้านมือสองน่าจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555
“เหตการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมากระทบตลาดค่อนข้างหนัก เพราะการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ถูกเลื่อนไปหรือบางรายก็ยกเลิกการซื้อ-ขายเลย แม้ว่าอาจจะมีทรัพย์มือสองออกมาเสนอขายในตลาดมากขึ้นหลังน้ำท่วม แต่กระบวนการซื้อ-ขายจะเกิดการเจรจาต่อรองจนทำให้ปิดการขายจะยากขึ้น โดยเฉพาะในทำเลที่น้ำท่วมหรือใกล้น้ำท่วม ทั้งนี้ เพราะฝ่ายผู้ซื้อจะต่อราคาต่ำมาก ส่วนคนขายก็ทำใจยากในการที่ขายในราคาต่ำ ยกเว้นคนขายที่อยากขายจริง ๆ และตัดสินใจตัดใจขายในราคาต่ำ”
ทั้งนี้ จากสภาพตลาดในเวลานี้ภาครัฐควรจะมีนโยบายช่วยธุรกิจบ้านมือสองอย่างเร่งด่วน ซึ่งสมาคมฯเห็นว่าน่าจะมีแนวทางในการช่วยเหลือในหลาย ๆ ด้าน เช่น การให้เงินกู้เพื่อซ่อมแซมบ้าน ดอกเบี้ยในอัตรา 0 % เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้คนขายซึ่งจำเป็นต้องขายราคาต่ำอยู่แล้วจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขายได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้แล้วยังเห็นว่านโยบายที่ให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกไม่เกิน 5,000,000 บาท สามารถนำ 10 % ของราคาบ้านไปใช้ลดภาษีรายได้ประจำปีในเวลา 5 ปี ซึ่งเดิมให้เฉพาะบ้านใหม่เท่านั้น จึงขอเสนอให้ขยายมาตรการดังกล่าวรวมบ้านมือสองเข้าไปด้วย เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีบ้านมือหนึ่งถูกบอกขายเป็นบ้านมือสองเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่แล้วหลายแสนหน่วย รวมถึงการออกนโยบายที่ให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท กู้เงินโดยอัตราดอกเบี้ย 0 % เป็นเวลา 3 ปี หากรวมบ้านมือสองทั่วไปด้วยก็จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขายได้มากขึ้น
นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดบ้านมือสองก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ธุรกิจบ้านมือสองได้มีการขยายตัวทุกปี โดยยอดขายนั้นได้เติบโตประมาณ 10-15 % แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจบ้านมือสองชะลอการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยยอดขายบ้านมือสองหดตัวลงกว่า30 % ทั้งนี้เพราะสินค้าที่นำเสนอขายในตลาดส่วนใหญ่อยู่ในทำเลที่น้ำท่วม รวมทั้งสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลต่อจิตวิทยาของผู้บริโภค ทำให้กระทบต่ออารมณ์ของคนที่จะซื้อบ้านลดลง
นอกจากนี้ ลูกค้าบางรายยังไม่แน่ใจว่าน้ำท่วมจบจริง ๆจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ทำให้เกิดชะลอการตัดสินใจในการซื้อ จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะทำให้แนวโน้มของตลาดจะซบเซาต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 เนื่องจากกำลังซื้อหดหายไปจากตลาดเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากภัยดังกล่าวค่อนข้างสูง และคาดว่าสถานการณ์ตลาดน่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากสินค้าน่าจะได้รับการฟื้นฟูได้เกือบทั้งหมด ทั้งนี้ เชื่อว่าหากไม่มีสถานการณ์อื่นมากระทบตลาดบ้านมือสองน่าจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555
“เหตการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมากระทบตลาดค่อนข้างหนัก เพราะการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ถูกเลื่อนไปหรือบางรายก็ยกเลิกการซื้อ-ขายเลย แม้ว่าอาจจะมีทรัพย์มือสองออกมาเสนอขายในตลาดมากขึ้นหลังน้ำท่วม แต่กระบวนการซื้อ-ขายจะเกิดการเจรจาต่อรองจนทำให้ปิดการขายจะยากขึ้น โดยเฉพาะในทำเลที่น้ำท่วมหรือใกล้น้ำท่วม ทั้งนี้ เพราะฝ่ายผู้ซื้อจะต่อราคาต่ำมาก ส่วนคนขายก็ทำใจยากในการที่ขายในราคาต่ำ ยกเว้นคนขายที่อยากขายจริง ๆ และตัดสินใจตัดใจขายในราคาต่ำ”
ทั้งนี้ จากสภาพตลาดในเวลานี้ภาครัฐควรจะมีนโยบายช่วยธุรกิจบ้านมือสองอย่างเร่งด่วน ซึ่งสมาคมฯเห็นว่าน่าจะมีแนวทางในการช่วยเหลือในหลาย ๆ ด้าน เช่น การให้เงินกู้เพื่อซ่อมแซมบ้าน ดอกเบี้ยในอัตรา 0 % เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้คนขายซึ่งจำเป็นต้องขายราคาต่ำอยู่แล้วจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขายได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้แล้วยังเห็นว่านโยบายที่ให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกไม่เกิน 5,000,000 บาท สามารถนำ 10 % ของราคาบ้านไปใช้ลดภาษีรายได้ประจำปีในเวลา 5 ปี ซึ่งเดิมให้เฉพาะบ้านใหม่เท่านั้น จึงขอเสนอให้ขยายมาตรการดังกล่าวรวมบ้านมือสองเข้าไปด้วย เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีบ้านมือหนึ่งถูกบอกขายเป็นบ้านมือสองเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่แล้วหลายแสนหน่วย รวมถึงการออกนโยบายที่ให้ผู้ซื้อบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท กู้เงินโดยอัตราดอกเบี้ย 0 % เป็นเวลา 3 ปี หากรวมบ้านมือสองทั่วไปด้วยก็จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อ-ขายได้มากขึ้น
