รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) เปิดเผยว่า ประเด็นที่ คณะรัฐมนตรีมีการอภิปรายกันอย่างดุเดือด ร้อนแรง มากที่สุด ไม่ใช่เรื่องรัฐมนตรีรุมทึ้งงบน้ำท่วม แต่เป็นประเด็น ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอให้ครม.รับทราบ และเห็นชอบข้อเสนอที่ให้หน่วยงานของรัฐ ดำเนินการจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะราคากลาง และการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้ และการกำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยรัฐมนตรีหลายคนแสดงความคิดเห็นต่อข้อเสนอดังกล่าวอย่างรุนแรง
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เห็นว่า ป.ป.ช.ไม่เข้าใจหลักเรื่องการประกวดราคา เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการของรัฐ แนวทางของป.ป.ช. ที่เสนอมานั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะในทางปฏิบัติต้องดูข้อเท็จจริงหลายอย่างประกอบด้วย เช่น หน่วยงานรัฐประกาศราคากลาง จะจัดซื้อรถ 3 ล้านบาท บริษัทที่จะขายรถในราคา 2 ล้าน ก็จะไม่เข้าประมูล ป.ป.ช.หรือบางทีบริษัทที่จะเสนอราคาต้นทุนจริงๆไม่ถึง 3 ล้านบาท ก็เสนอราคาเข้าไป 2.9 ล้านบาทเลย เพื่อให้ได้การประมูล ป.ป.ช. ต้องการชิงธงนำ หวังจะรุกคืบ การให้หน่วยงานรัฐเปิดเผยราคากลางไม่พอ ยังให้หน่วยงานรัฐปฏิบัติตามความต้องการเกินความจำเป็น
** อัดป.ป.ช.ล้ำเส้น-ลุแก่อำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นที่มีการอภิปรายมากที่สุด และคณะรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย คือ ข้อเสนอ ข้อที่ 3 ที่บอกว่า การประกาศราคากลางการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หากมีปัญหาในทางปฏิบัติ การบริหารราชการแผ่นดินติดขัด ไม่คล่องตัว ให้สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานวินิจฉัยปัญหา และแจ้งให้หน่วยงานของรัฐรับไปปฏิบัติ และให้คณะกรรมการป.ป.ช.มีอำนาจแก้ไข ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานหน่วยงานรัฐ โดยไม่ต้องนำเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบในส่วนที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้อีก ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนเห็นว่า ป.ป.ช. ออกหลักเกณฑ์ให้อำนาจตัวเองเบ็ดเสร็จ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้อภิปรายในที่ประชุมว่า ข้อเสนอดังกล่าวของ ป.ป.ช. มันมากเกินไป แสดงให้เห็นว่าป.ป.ช.ลุแก่อำนาจ ต้องการสั่งครม.ให้ทำตามที่ต้องการ ทำตัวเป็นรัฐอิสระ ออกอำนาจให้ตนเอง แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสำนักงานที่ เป็นคำสั่งที่ไม่ควร แล้วยังมาสั่งให้หน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติการหลักเกณฑ์นี้ใน 180 วัน นับแต่ ครม.เห็นชอบ วันนี้ถ้า ป.ป.ช.ชุดนี้ได้รับการสรรหา และลงมติคัดเลือกมาจากวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ จะไม่ว่าเลย แต่เราก็รู้อย่างว่า ป.ป.ช. ชุดนี้มาอย่างไร เรื่องการให้หน่วยงานรัฐเปิดเผยราคากลาง รัฐบาลไม่ขัดข้อง แต่ก่อนนำไปปฏิบัติทุกข้อตามระเบียบนี้ รัฐบาลต้องให้กระทรวงการคลังไปปรึกษาหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน
** "เหลิม"ลั่นเป็นหัวหอกลุยป.ป.ช.
" อย่างให้เปิดเผยราคากลางการก่อสร้าง แล้วเกิดเหตุน้ำท่วม แล้ววัสดุก่อสร้างเช่น เหล็ก ทราย มีการเปลี่ยนแปลง จะทำอย่างไร เมื่อราคาเปลี่ยนแปลง แล้วล็อกราคากลางไว้ ถ้าทำตามก็จะถูกกล่าวหาว่าทุจริต และราคากลางที่ประกาศในสถานที่แห่งหนึ่ง กับอีกสถานที่หนึ่ง ก็ต้องแตกต่างกันตามสภาพหลายอย่าง ผมพร้อมเป็นโจทย์กับป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช.ทำแบบนี้ไม่สวย ดูการกระทำแล้วไม่ใช่ ความประพฤติก็ไม่ใช่ ทำแบบนี้ ป.ป.ช. จ๋อย การทำงานที่ผ่านมาของป.ป.ช.หลายเรื่อง ก็เห็นกันอยู่ เช่น คดีที่สลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ ป.ป.ช.มาเอาผิด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เอาผิดท่านสมัคร สุนทรเวช ทั้งที่ไม่ได้สั่งสลายการชุมนุม ตำรวจทำเอง อัยการบอกไม่ผิด ใครก็บอกไม่ผิด แต่ป.ป.ช. มาเอาผิด มันเรื่องอะไรที่จะมาบังคับเรา ให้ทำโน่นทำนี่ รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่า เราถูกจับตามอง เราไม่ทำ แต่รัฐบาลหน้าหล่อโกงกันเยอะ" แหล่งข่าว ระบุคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม
แหล่งข่าวอ้างถึงคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อไปว่า เมื่อป.ป.ช.ไม่ได้มาตามรัฐธรรมนูญ จึงบอกว่าความกลัวทำให้เสื่อม เพราะป.ป.ช.ไม่ได้มาจากการสรรหา ลงมติ ของวุฒิสภา เรื่องเขาพระวิหาร กฤษฎีกาบอกไม่ผิด ใครก็บอกไม่ผิด สุดท้ายเอาผิด 2 คน สมัคร สุนทรเวช กับ นพดล ปัทมะ เรื่อง 91 ศพ ก็รู้เลยว่าป.ป.ช.จะเอายังไง รัฐบาลไม่มีความจำเป็นต้องไปแกล้งในคดี 91 ศพ ป.ป.ช. เสนอได้ แต่อย่าแอ็กอาร์ต อยากให้ตัวเองดูดีกว่าคนอื่น ครม. รับไมตรีได้เพียงบางเรื่อง แต่จะไปสนับสนุนเขาลุแก่อำนาจ รัฐบาลไม่ให้ การตัดสินใจคดีของป.ป.ช.ชุดนี้ ก็ตัดสินดูเพียงว่า เชื่อว่าผิด นั่งประชุมกัน 9 คน 8 คนบอกไม่ผิด อีกคนหนึ่งบอกอาจจะผิด เปลี่ยนเป็นผิดเลย
ขณะที่ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเสริมในที่ประชุมครม.ว่า เห็นด้วยกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูด ป.ป.ช.ทำงานเหมือนกกต. ที่ตัดสินยุบพรรคการเมืองเพียงเพราะเชื่อว่าผิด
** "อ้ายปึ้ง"เสนอแก้ไขกฎหมายป.ป.ช.
จากนั้นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวในที่ประชุมว่า เมื่อเป็นแบบนี้ การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏร สมัยนิติบัญญัติ ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ เราต้องมีการแก้ไขกฏหมายป.ป.ช.
ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กำลังมีการแก้ไขกฏหมาย ป.ป.ช.อยู่ ถามเลขาธิการ กฤษฏีกาได้ เพราะมันเรื่องอะไร เราสร้างขึ้นมา เสกออกมาจากตะเกียงออกมาเป็นยักษ์แล้วมาทำไม่ดีกับเรา เมื่อทำไม่ดีแบบนี้ ก็ต้องยกเลิกป.ป.ช. ทำแบบนี้ได้อย่างไร
"ใหญ่โตกัน คับบ้าน คับเมือง คับรัฐสภา ไม่ควรจะมาตัดสินใครถูกใครผิดแบบนี้ ถ้าป.ป.ช.ไม่ได้มาจากการสรรหา และลงมติเลือกของวุฒิสภา เราไม่ต้องฟัง เราไม่ต้องยอม" ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
ต่อมาช่วงท้าย นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวสรุปว่า มติครม.จะให้ออกมาแบบไหน ถ้าบอกว่า ครม.ไม่เห็นด้วย กับข้อเสนอทั้งหมดของป.ป.ช. เกรงว่าจะออกมาไม่ดี คนจะมองครม. มีมติรุนแรงกับป.ป.ช. ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวบอกว่า ไม่เป็นไร ก็บอกว่าเห็นด้วย และสนับสุนนเรื่องข้อเสนอเปิดเผยราคากลาง แต่บางเรื่องเช่น เรื่องให้อำนาจ ป.ป.ช.ชี้ขาด หากเกิดปัญหาทางปฏิบัติ ตนยอมไม่ได้ จะต้องให้กระทรวงการคลังไปปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน
** ชี้วุฒิสภาไม่สามารถถอดถอนป.ป.ช.ได้
ด้านนายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้พิจารณาเรื่องการให้กรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่งในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ เพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมาธิการสามัญฯ สามารถดำเนินการต่อเนื่องจากสมัยประชุมสามัญทั่วไป
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามบทบัญญัติ มาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งการประชุมสามัญนิติบัญญัติ เป็นช่วงเวลาที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประชุมถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง แต่กรณีการให้กรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่งนั้น ไม่ใช่การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง วุฒิสภาจึงไม่อาจพิจารณาในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติได้ เว้นแต่รัฐสภาจะมีมติให้พิจารณาได้
อนึ่ง การพิจารณาให้กรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่ง วุฒิสภาได้มีการตั้งกรรมาธิการสามัญ พิจารณาคำร้อง และรายงานผลให้ที่ประชุมวุฒิสภารับทราบ และเห็นชอบให้มีการกำหนดข้อบังคับของวุฒิสภาขึ้นมาใหม่ เพื่อดำเนินการเรื่องร้องเรียนให้สอดคล้องตามบทบัญญัติ มาตรา 248 ของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมิใช่การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เดิม
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เห็นว่า ป.ป.ช.ไม่เข้าใจหลักเรื่องการประกวดราคา เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโครงการของรัฐ แนวทางของป.ป.ช. ที่เสนอมานั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะในทางปฏิบัติต้องดูข้อเท็จจริงหลายอย่างประกอบด้วย เช่น หน่วยงานรัฐประกาศราคากลาง จะจัดซื้อรถ 3 ล้านบาท บริษัทที่จะขายรถในราคา 2 ล้าน ก็จะไม่เข้าประมูล ป.ป.ช.หรือบางทีบริษัทที่จะเสนอราคาต้นทุนจริงๆไม่ถึง 3 ล้านบาท ก็เสนอราคาเข้าไป 2.9 ล้านบาทเลย เพื่อให้ได้การประมูล ป.ป.ช. ต้องการชิงธงนำ หวังจะรุกคืบ การให้หน่วยงานรัฐเปิดเผยราคากลางไม่พอ ยังให้หน่วยงานรัฐปฏิบัติตามความต้องการเกินความจำเป็น
** อัดป.ป.ช.ล้ำเส้น-ลุแก่อำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นที่มีการอภิปรายมากที่สุด และคณะรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย คือ ข้อเสนอ ข้อที่ 3 ที่บอกว่า การประกาศราคากลางการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หากมีปัญหาในทางปฏิบัติ การบริหารราชการแผ่นดินติดขัด ไม่คล่องตัว ให้สำนักงาน ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานวินิจฉัยปัญหา และแจ้งให้หน่วยงานของรัฐรับไปปฏิบัติ และให้คณะกรรมการป.ป.ช.มีอำนาจแก้ไข ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานหน่วยงานรัฐ โดยไม่ต้องนำเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบในส่วนที่แก้ไขเพิ่มเติมนี้อีก ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนเห็นว่า ป.ป.ช. ออกหลักเกณฑ์ให้อำนาจตัวเองเบ็ดเสร็จ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้อภิปรายในที่ประชุมว่า ข้อเสนอดังกล่าวของ ป.ป.ช. มันมากเกินไป แสดงให้เห็นว่าป.ป.ช.ลุแก่อำนาจ ต้องการสั่งครม.ให้ทำตามที่ต้องการ ทำตัวเป็นรัฐอิสระ ออกอำนาจให้ตนเอง แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสำนักงานที่ เป็นคำสั่งที่ไม่ควร แล้วยังมาสั่งให้หน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติการหลักเกณฑ์นี้ใน 180 วัน นับแต่ ครม.เห็นชอบ วันนี้ถ้า ป.ป.ช.ชุดนี้ได้รับการสรรหา และลงมติคัดเลือกมาจากวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญ จะไม่ว่าเลย แต่เราก็รู้อย่างว่า ป.ป.ช. ชุดนี้มาอย่างไร เรื่องการให้หน่วยงานรัฐเปิดเผยราคากลาง รัฐบาลไม่ขัดข้อง แต่ก่อนนำไปปฏิบัติทุกข้อตามระเบียบนี้ รัฐบาลต้องให้กระทรวงการคลังไปปรึกษาหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน
** "เหลิม"ลั่นเป็นหัวหอกลุยป.ป.ช.
" อย่างให้เปิดเผยราคากลางการก่อสร้าง แล้วเกิดเหตุน้ำท่วม แล้ววัสดุก่อสร้างเช่น เหล็ก ทราย มีการเปลี่ยนแปลง จะทำอย่างไร เมื่อราคาเปลี่ยนแปลง แล้วล็อกราคากลางไว้ ถ้าทำตามก็จะถูกกล่าวหาว่าทุจริต และราคากลางที่ประกาศในสถานที่แห่งหนึ่ง กับอีกสถานที่หนึ่ง ก็ต้องแตกต่างกันตามสภาพหลายอย่าง ผมพร้อมเป็นโจทย์กับป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช.ทำแบบนี้ไม่สวย ดูการกระทำแล้วไม่ใช่ ความประพฤติก็ไม่ใช่ ทำแบบนี้ ป.ป.ช. จ๋อย การทำงานที่ผ่านมาของป.ป.ช.หลายเรื่อง ก็เห็นกันอยู่ เช่น คดีที่สลายการชุมนุม 7 ตุลาฯ ป.ป.ช.มาเอาผิด นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เอาผิดท่านสมัคร สุนทรเวช ทั้งที่ไม่ได้สั่งสลายการชุมนุม ตำรวจทำเอง อัยการบอกไม่ผิด ใครก็บอกไม่ผิด แต่ป.ป.ช. มาเอาผิด มันเรื่องอะไรที่จะมาบังคับเรา ให้ทำโน่นทำนี่ รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่า เราถูกจับตามอง เราไม่ทำ แต่รัฐบาลหน้าหล่อโกงกันเยอะ" แหล่งข่าว ระบุคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม
แหล่งข่าวอ้างถึงคำพูด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อไปว่า เมื่อป.ป.ช.ไม่ได้มาตามรัฐธรรมนูญ จึงบอกว่าความกลัวทำให้เสื่อม เพราะป.ป.ช.ไม่ได้มาจากการสรรหา ลงมติ ของวุฒิสภา เรื่องเขาพระวิหาร กฤษฎีกาบอกไม่ผิด ใครก็บอกไม่ผิด สุดท้ายเอาผิด 2 คน สมัคร สุนทรเวช กับ นพดล ปัทมะ เรื่อง 91 ศพ ก็รู้เลยว่าป.ป.ช.จะเอายังไง รัฐบาลไม่มีความจำเป็นต้องไปแกล้งในคดี 91 ศพ ป.ป.ช. เสนอได้ แต่อย่าแอ็กอาร์ต อยากให้ตัวเองดูดีกว่าคนอื่น ครม. รับไมตรีได้เพียงบางเรื่อง แต่จะไปสนับสนุนเขาลุแก่อำนาจ รัฐบาลไม่ให้ การตัดสินใจคดีของป.ป.ช.ชุดนี้ ก็ตัดสินดูเพียงว่า เชื่อว่าผิด นั่งประชุมกัน 9 คน 8 คนบอกไม่ผิด อีกคนหนึ่งบอกอาจจะผิด เปลี่ยนเป็นผิดเลย
ขณะที่ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเสริมในที่ประชุมครม.ว่า เห็นด้วยกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูด ป.ป.ช.ทำงานเหมือนกกต. ที่ตัดสินยุบพรรคการเมืองเพียงเพราะเชื่อว่าผิด
** "อ้ายปึ้ง"เสนอแก้ไขกฎหมายป.ป.ช.
จากนั้นนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวในที่ประชุมว่า เมื่อเป็นแบบนี้ การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏร สมัยนิติบัญญัติ ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ เราต้องมีการแก้ไขกฏหมายป.ป.ช.
ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กำลังมีการแก้ไขกฏหมาย ป.ป.ช.อยู่ ถามเลขาธิการ กฤษฏีกาได้ เพราะมันเรื่องอะไร เราสร้างขึ้นมา เสกออกมาจากตะเกียงออกมาเป็นยักษ์แล้วมาทำไม่ดีกับเรา เมื่อทำไม่ดีแบบนี้ ก็ต้องยกเลิกป.ป.ช. ทำแบบนี้ได้อย่างไร
"ใหญ่โตกัน คับบ้าน คับเมือง คับรัฐสภา ไม่ควรจะมาตัดสินใครถูกใครผิดแบบนี้ ถ้าป.ป.ช.ไม่ได้มาจากการสรรหา และลงมติเลือกของวุฒิสภา เราไม่ต้องฟัง เราไม่ต้องยอม" ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
ต่อมาช่วงท้าย นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวสรุปว่า มติครม.จะให้ออกมาแบบไหน ถ้าบอกว่า ครม.ไม่เห็นด้วย กับข้อเสนอทั้งหมดของป.ป.ช. เกรงว่าจะออกมาไม่ดี คนจะมองครม. มีมติรุนแรงกับป.ป.ช. ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวบอกว่า ไม่เป็นไร ก็บอกว่าเห็นด้วย และสนับสุนนเรื่องข้อเสนอเปิดเผยราคากลาง แต่บางเรื่องเช่น เรื่องให้อำนาจ ป.ป.ช.ชี้ขาด หากเกิดปัญหาทางปฏิบัติ ตนยอมไม่ได้ จะต้องให้กระทรวงการคลังไปปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน
** ชี้วุฒิสภาไม่สามารถถอดถอนป.ป.ช.ได้
ด้านนายอภินันทน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้พิจารณาเรื่องการให้กรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่งในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ เพื่อให้การดำเนินการของคณะกรรมาธิการสามัญฯ สามารถดำเนินการต่อเนื่องจากสมัยประชุมสามัญทั่วไป
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามบทบัญญัติ มาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งการประชุมสามัญนิติบัญญัติ เป็นช่วงเวลาที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประชุมถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง แต่กรณีการให้กรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่งนั้น ไม่ใช่การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง วุฒิสภาจึงไม่อาจพิจารณาในสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติได้ เว้นแต่รัฐสภาจะมีมติให้พิจารณาได้
อนึ่ง การพิจารณาให้กรรมการ ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่ง วุฒิสภาได้มีการตั้งกรรมาธิการสามัญ พิจารณาคำร้อง และรายงานผลให้ที่ประชุมวุฒิสภารับทราบ และเห็นชอบให้มีการกำหนดข้อบังคับของวุฒิสภาขึ้นมาใหม่ เพื่อดำเนินการเรื่องร้องเรียนให้สอดคล้องตามบทบัญญัติ มาตรา 248 ของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมิใช่การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เดิม
