ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเริ่มคลี่คลายลงไปเกือบจะหมดแล้วก็ตาม แต่เชื่อได้ว่าประชาชนทั้งประเทศคงจะติดตากับภาพการบริหารจัดการน้ำที่ขึ้นชื่อได้ว่า ห่วยขั้นเทพของรัฐบาล ภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและบรรดารัฐมนตรี ทั้งหลายแหล ไปอีกนานแสนนานจนแทบจะลืมไม่ลง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ายุคที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คือยุคที่ประชาชนชาวไทยได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากมหาอุทกภัยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์
แน่นอน หลังจากนี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรจะต้องสำเหนียกให้จงดีคือการที่ต้องเร่งเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเกือบทั่วทั้งประเทศเป็นการเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานที่ตกงานหลายหมื่นคน การสร้างความเชื่อมั่นกับให้กับต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ ไม่เว้นแต่การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยว่าต่อไปจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้คนไทยต้องมาประสบกับภัยน้ำท่วมอย่างที่เกิดขึ้นอีก
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่ออีกว่า ไม่ว่าประเทศไทยจะประสบกับสถานการณ์เลวร้ายที่ต้องเร่งเยียวยาช่วยเหลือเพียงใด รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นหุ่นเชิดอิงประโยชน์ให้กับ ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียวไม่เคยเปลี่ยนแปลง และดูเหมือนจะหนักหน่วงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเข้าไปทุกทีๆ
ตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนความเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ คือกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ สส.พรรคเพื่อไทย องครักษ์พิทักษ์นายใหญ่ออกมาประกาศอย่างไม่สะทกสะท้านแบบหน้าด้านๆ ว่า เตรียมคืนพาสปอร์ตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับทักษิณ
ทั้งนี้ คงต้องกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าจนแล้วจนรอด นายสุรพงษ์ก็ยังเป็นเพียงแค่เสนาบดี ทาสรับใช้ส่วนตัว เพื่ออำนวยภารกิจและผลประโยชน์ส่วนตัวของทักษิณเท่านั้น
คงต้องถามว่าตั้งแต่นายสุรพงษ์ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศเคยมีผลงานใดเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ยิ่งพิจารณาจากความเป็นจริงจากระยะเวลา 3 เดือนกว่าที่ผ่านมา อาทิข่าวคราวในเรื่องการเจรจาในสาระสำคัญ มีการลงนามที่ปรากฏเป็นข่าวไม่มีเลย ครั้นจะอ้างว่าการเดินทางไปเยือนต่างประเทศในฐานะรมว.ต่างประเทศอยู่บ้าง แล้วบอกว่านี่คือผลงานมันช่างน่าอดสูสิ้นดี
ดังนั้น เมื่อไม่มีผลงานใดเป็นชิ้นเป็นอันจึงอย่าได้แปลกใจแต่อย่างใดหากจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ท่าทีของนายสุรพงษ์ครั้งนี้จะเป็นเพียงปฏิบัติการเชลียร์นายใหญ่ สร้างกระแสให้เข้าตานาย เนื่องจาก “อ้ายปึ้ง” ก็ถือเป็นหนึ่งรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายถูกเด้งสังเวยด้วยเช่นกัน ในการปรับ ครม.ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า เพื่อปรับแต่งโฉมหน้าผลงานอันอัปลักษณ์ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกน้ำท่วมซัดเอาเสียโฉมไปทั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “สุรพงษ์” จะจัดหนัก จัดเต็ม บรรณาการสานฝันแผนการกลับบ้านของนายใหญ่ที่มีบุญคุณเป็นล้นพ้น แม้ว่าการทำเรื่องนี้จะไม่มีผลในการเอื้อประโยชน์อำนวยความสะดวกสบายต่อการเดินทางไปไหนมาไหน เพราะตอนนี้ทักษิณ สามารถเดินทางไปทั่วโลกได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล ตั้งแต่รัฐบาลปูแดงยึดอำนาจฝ่ายบริหารได้สำเร็จอยู่แล้ว
แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือหากสังเกตให้ดีในช่วงที่ผ่านมาบรรดาพรรคเพื่อไทย มีความพยายามเดินเกมการเมือง ลักษณะเร่งรีบ ในการเร่งช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร ให้กลับประเทศไทยได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าในเวลานี้ดูเหมือนว่า ทักษิณได้สั่งให้ลิ่วล้อเร่งเกมเร็วมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเล่นเอาในช่วงที่กำลังชุลมุนอยู่กับเรื่องน้ำท่วม น้ำลด ฟื้นฟู กันอยู่ บางช่วงบางตอนก็ใช้วิธีเบี่ยงเบน ความสนใจให้มองไปทางอื่น ขณะเดียวกันตัวเองก็ได้สั่งการให้รีบดำเนินการตามเป้าหมายเดิมให้เร็วที่สุด
ย้อนกลับไปช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ก็ยังเคยทำการสอดไส้ขอพระราชทานอภัยโทษพร้อมกับนักโทษที่ติดคุกอยู่ในเมืองไทย รัฐบาลก็เล่นเกม ลับ ลวง พราง จนสังคมเกิดความสับสน ก่อนจะออกมาชี้แจงว่าร่างพระราชกฤษฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ได้ยึดตามร่างสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมยืนยันว่าทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ประโยชน์แน่นอน แต่เผอิญว่ามีเสียงต่อต้านคัดค้านจากหลายฝ่าย จนรัฐบาลปูแดงชี้แจงไม่ได้สุดท้ายดันความแตกจึงชักมือถอนออกมาเสียก่อน
อย่างไรก็ดี ความพยายามดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ขาดสายไปแต่อย่างใด เมื่อล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ยังได้ส่งสัญญาณไฟเขียวให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ข้าทาสอันดับหนึ่งตระกูลชินวัตร เตรียมชงร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมสภาอีกครั้งซึ่งคาดกันว่าเป็นช่วงกลางเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาเสียก่อน
เมื่อขบวนการช่วยนายใหญ่กลับบ้านเดินเกมกันอย่างสอดคล้องแล้ว ตัวละครหนึ่งที่จะขาดไปเสียมิได้ก็คือ กลุ่มคนเสื้อแดง ก็ไม่วายที่จะเดินเกมไปในลักษณะเดียวกัน
นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช.ได้ออกมาแถลงในฉับพลันเช่นกันว่า ภาระหน้าที่ของนปช.หลังน้ำลดคือเตรียมขับเคลื่อนเรื่องการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 เล็งไว้ว่าจะต้องมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาคู่ขนานกับทางรัฐสภา โดยจะนำร่างฉบับเก่า อาทิปี 2489 , 2517, 2540 รวมทั้งข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ และร่างฉบับ คปพร. ซึ่งเป็นร่างของ นพ.เหวง โตจิราการ และคนเสื้อแดงช่วยกันยกร่าง ขึ้นมาพิจารณาประกอบด้วย นอกจากนี้ยังมีแนวคิดแก้กฎหมายอื่นที่มีปัญหา อาทิ มาตรา 112 , พ.ร.บ.กลาโหม
แน่นอน พฤติกรรมของนางธิดาที่กระสันออกมาให้เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ย่อมไม่ได้ทำให้ประชาชนที่ยังรอรัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา ต้องเป็นปลื้มไปด้วยแม้แต่น้อย เพราะในความเป็นจริงมองมุมไหนก็ไม่ได้เห็นว่า ประชาชาทั่วไปจะได้ประโยชน์อันใดกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ประชาชนอยากได้ยินจากรัฐบาล คงไม่พ้นคำถามที่ว่ามีจะมีปัญญาทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องกลายเป็นเมืองบาดาลในภายภาคหน้าอีกเสียมากกว่า และหากจะกล่าวถึงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็คงต้องบอกอย่างเต็มปากว่าได้ทำตราบาปให้เกิดกับประเทศไทยในการแก้ไขน้ำท่วมได้ห่วยแตกแบบเหนือคำบรรยาย
ถามว่าทุกเรื่องที่บรรดาลิ่วล้อนายใหญ่ทั้ง แกนนำคนเสื้อแดง และบรรดารัฐมนตรี ส.ส.เพื่อไทย พยายามประเคนให้นายใหญ่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้ดีหรือไม่ แน่นอนคงปฏิเสธไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ในทุกเรื่องที่เกี่ยวพันกับการเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลชุดนี้ เพื่อช่วยเหลือพี่ชายของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบเล่นบท หนูไม่รู้ อยู่ร่ำไป ก็คงจะทำได้แค่ในช่วงนี้เท่านั้น แต่สุดท้ายก็เชื่อว่าคงจะหนีเรื่องนี้ไปไม่พ้นอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม จะกล่าวได้ว่าเป็นความโชคร้ายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ ที่ครั้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เธอก็คงรู้อยู่แก่ใจว่ามาเพียงเพื่อนั่งเล่นในตำแหน่งผู้นำประเทศไปวันๆ เพื่อรอให้ลิ่วล้อช่วยนายใหญ่ให้กลับประเทศได้โดยเร็ว แต่โชคร้ายดันต้องมาเจอกับ มหาภัยพิบัติน้ำท่วมเสียก่อน จนทำให้ต้อง ประจานความไม่รู้อะไรเลยของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่มีเรื่องน้ำท่วมหนัก แต่หากเป็นสถานการณ์ปกติ ก็คงลากไปได้อีกยาว
แต่เมื่อมีเรื่องไม่คาดฝันแบบนี้ ทักษิณเอง ก็ต้องยิ่งเร่งเกมเพื่อให้ได้ประโยชน์ตามที่ต้องการโดยเร็วที่สุด ก่อนที่รัฐบาลน้องสาวจะพังไปก่อน และตัวเองไม่ได้อะไรเลย โดยเฉพาะความต้องการสูงสุดคือ ยกเลิกข้อห้ามเพื่อเปิดทางให้ตัวเองกลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกรอบ นี่จึงเป็นสาเหตุที่หลายคนเชื่อว่าทักษิณ ต้องสั่งเร่งเกมในช่วงนี้ก็เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังขาลงอย่างรวดเร็วไม่น่าเชื่อ แม้ว่าในความจริงยังมีมวลชนเสื้อแดงคอยค้ำยันอยู่ไม่น้อย แต่ก็เริ่มเงียบเสียงลง จากเรื่องน้ำท่วม เรื่องค่าครองชีพที่ถีบตัวสูงขึ้น การว่างงาน การแก้ปัญหาที่ล่าช้า เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่สมราคาคุยแม้แต่นิดเดียว ขนาดคนเสื้อแดงพวกเดียวกันก็เห็นหลักฐานทนโธ่ตำตาว่ายังดูแลไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ในช่วงประชาชนทั่วไปยังชุลมุนเรื่องน้ำท่วมกันอยู่ หากสังเกตให้ดีในเงามืดจะได้เห็นพวกบรรดา ส.ส.เพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ออกมาเคลื่อนไหวอย่างที่เป็นอยู่ เพราะหากปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับหน้าเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อไป มีหวังประชาชนก็จะได้เห็นความห่วยแตกบรมแบบกู่ไม่กลับของน้องสาวตัวเองเข้าไปอีก และโดยความเป็นจริงในการเยียวยาประเทศหลังน้ำท่วมมันก็ใช่เรื่องที่สติปัญญาน.ส.ยิ่งลักษณ์จะรับได้เสียเมื่อไหร่
ดังนั้นแล้ว เมื่อบวกลบคูณหาร มาถึงนาทีนี้แล้วเมื่อไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้ ทักษิณ จึงเลือกที่จะเดินเกมเร็ว หยั่งกระแสทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองได้สมใจในเป้าหมายอันสูงสุด ซึ่งคาดว่าหลังจากเดือนมหามงคลผ่านพ้นไปแล้วคงจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของบรรดาลิ่วล้อนายใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีก
และยิ่งประกอบกับเหตุการณ์ ที่คนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่อง โดยคนร้ายได้ใส่กระเป๋านำมาทิ้งไว้กลางถนนราชดำเนินกลาง ใกล้กองสลากฯ หรือก้าวย่างการหวนกลับแผ่นดินเกิดของ "กี้ร์" อริสมันต์ แกนนำแดงฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ที่ได้เข้ามอบตัวต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือจะการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถูกตัดสิทธิ์จากการเป็น ส.ส.
ชั่วโมงนี้ดูเหมือนว่าประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่วังวนความวุ่นวายทางการเมืองอีกคำรบกันอย่างเหมาะเจาะทีเดียว