ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยิ่งลักษณ์" เยือนกลาโหมตรวจแถวกองทัพ เผยหารือถึงความร่วมมือปกป้องสถาบันฯ ยันรัฐบาลไม่ก้าวก่าย ล้วงลูกกองทัพ ส่วนคดีเสื้อแดงให้เป็นไปตามกฎหมาย และหลักนิติธรรม ไม่มีการพูดถึงเรื่องแก้ พ.ร.บ.กลาโหม "เหลิม" นั่งหัวโต๊ะถกแผนกวาดล้างเว็บหมิ่นสถาบันฯ มอบ "เพรียวพันธ์" เป็นแม่งาน คุยมีเป้าหมายอยู่แล้ว "ไอ้ตู่" นัดเสื้อแดงชุมนุมรำลึก "8 เดือนผ่านฟ้า 78 ปีรัฐธรรมนูญ" เย็นวันนี้
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (9 ธ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม กระทรวงกลาโหม เป็นครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้นำ 3 เหล่าทัพ ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ผสม 3 เหล่าทัพ พร้อมขึ้นแท่นเคารพ ก่อนเสร็จสิ้นพิธีการ นายกฯและรมว.กลาโหม และผู้นำเหล่าทัพ เข้าถวายราชสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พร้อมวางพวงมาลัย บนพานและจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุป ที่ห้องภานุรังษีโดยนายกฯได้มอบนโยบายในการปฏิบัติงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งหลังเสร็จสิ้นจะมอบของที่ระลึก และลงนามในสมุดเยี่ยม พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ห้องสุรศักดิ์มนตรี ในศาลาว่า การกลาโหม ก่อนที่จะเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล
**ย้ำร่วมมือปกป้องสถาบันฯ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวหลังการตรวจเยี่ยมกระทรวงกลาโหมว่าได้มีการ หารือรายละเอียดของนโยบายว่า กองทัพกับรัฐบาลเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องทำงานร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เดียวกันว่า จะทำอย่างไรในการรักษาความมั่นคง สร้างความปรองดอง ความสงบสุขของคนในชาติ รวมถึงการรักษาเอกราชของประเทศ และที่สำคัญต้องร่วมมือกันในการปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักเคารพของคนไทยทั้งประเทศ
พร้อมกันนี้ รัฐบาลและเหล่าทัพ เห็นตรงกันในการน้อมนำพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยจะทำอย่างไรที่จะทำงานร่วมกันที่จะบรรเทาความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องการเยียวยา การฟื้นฟู รวมถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ที่ต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งในอนาคตคงจะให้ทางกองทัพเข้ามาร่วมกันพัฒนา ฟื้นฟู สาธารณูปโภค ร่วมกับรัฐบาล
ต่อข้อถามว่า จุดยืนในการปกป้องสถาบันฯ ของรัฐบาลเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่าได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทั้ง 2 ทาง โดยเฉพาะเรื่องสถาบันฯ ต้องตรวจสอบ และปกป้องไม่ให้ใครอ้างอิงสถาบันฯ ในทางที่ไม่ถูกต้อง ทางกองทัพ ก็มีหน่วยดูแล และจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและไอซีที ขณะเดียวกันรัฐบาลจะทำกิจกรรมในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย
** ยันรัฐบาลไม่ล้วงลูกกองทัพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาอยู่ท่ามกลางกองทัพ รู้สึกอย่างไร เพราะที่ผ่านมารัฐบาลกับกองทัพเหมือนอยู่กันคนละฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกท่านต้องทำตามภารกิจ หน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่และที่มาวันนี้คือ ทำอย่างไรที่จะทำงานร่วมกับกองทัพ ตราบใดที่มีวัตถุประสงค์และมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อประเทศและคนในชาติ และปกป้องสถาบันฯร่วมกัน นี่คือจุดยืนที่รัฐบาลและเหล่าทัพมี จุดยืนเดียวกัน ท้ายที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ประเทศมีความสงบสุขและสามัคคีปรองดอง
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่แทรกแซงกองทัพ และมีนโยบายอย่างไรในการดูแลกองทัพ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ กองทัพมีหน้าที่ทำตามนโยบายของรัฐบาล แต่การทำงานโดยหลักการบริหารงานของตน ไม่คิดจะก้าวก่าย ซึ่งเรามีหน้าที่มอบนโยบาย ทางกองทัพก็ต้องรับนโยบายนั้นไปดำเนินการ และเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ จะทำงานร่วมกัน ตราบใดที่เราทำงานบนความให้เกียรติ และความเชื่อใจซึ่งกันและกัน เป็นจุดยืนที่เราจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญตนให้ความสำคัญกับการทำงานบนความเข้าใจซึ่งกันและกัน จึงเป็นที่มาของการมาตรวจเยี่ยมกองทัพ เพื่อให้กองทัพมีโอกาสแลกเปลี่ยนมากกว่าการจะให้เราใช้ลักษณะการสั่งงานอย่างเดียว
** ไม่พูดถึงเรื่องแก้พ.ร.บ.กลาโหม
เมื่อถามว่าเรื่องปรองดองเป็นวาระใหญ่ของรัฐบาล จะขอความร่วมมือจากกองทัพอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า โจทย์แรกต้องกลับไปดูแลความทุกข์ สุข ของประชาชนเพื่อแบ่งเบาภาระความทุกข์ ยาก กินดีอยู่ดี สุดท้ายจึงนำมาซึ่งความสันติสุข และความสามัคคีปรองดอง ที่สำคัญต้องให้ความเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อถามว่ากองทัพยังคาใจเรื่องเดินหน้าคดีเสื้อแดง และการแก้พ.ร.บ.กลาโหม จะให้ความสบายใจอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมจะให้ความเป็นธรรม และตราบใดถ้าเรายึดข้อกฏหมาย หลักนิติธรรม อันนั้นเป็นสิ่งถูกต้อง และเชื่อว่าถ้าเรามองด้วนเจตนาว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ขอให้โอกาสและให้ความยุติธรรมกับทุกคน นี่คือจุดมุ่งหมายที่เราจะทำไม่ใช่ว่ามาแล้วตั้งเป้าหมายก่อน และไม่อยากให้สื่อมองแบบนี้ ตนมาทำงานในฐานะนายกฯ อยากเห็นความสงบสุขของคนในชาติและอยากเห็นความสบายใจในการทำงานร่วมกัน
ส่วนเรื่องแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ยังไม่มีการพูดถึง การมาวันนี้เป็นเพียงวาระแรก ลำดับต่อไปจะไปเยี่ยมในแต่ละเหล่าทัพ
** ยันกองทัพ-รัฐบาลไม่ระแวงกัน
ด้านพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า ได้สรุปภารกิจของทุกเหล่าทัพให้นายกฯได้รับทราบ และงานใน กอ.รมน. ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จะต้องทราบว่า งานของ ผอ.กอ.รมน.6 อย่าง มีอะไรบ้าง โดยท่านจะต้องรับผิดชอบ ติดตาม และงานที่จะต้องประสานกับกระทรวงอื่น
ทั้งนี้ได้เชิญ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ.มาร่วมชี้แจงรายละเอียดการทำงานของ กอ.รมน.ให้ตนทราบ ก่อนที่ นายกฯ จะมาตรวจเยี่ยม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นายกฯไม่ได้ติดใจถามในเรื่องใด แต่ได้สอบถามในส่วนของกองทัพอากาศว่า ทำไมถึงของบประมาณมาก และขอให้ไปพิจารณาความเร่งด่วนให้เป็นขั้นตอน เพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนอันดับแรก และต้องใช้งบประมาณเท่าไร ความเร่งด่วนอันดับ 2 และ อันดับ3 ใช้งบประมาณเท่าไร ทั้งนี้ในวันจันทร์ 12 ธ.ค. เวลา 09.00 น. จะมีการประชุม ครม. ซึ่งต้องเข้าประชุมกับนายกรัฐมนตรีด้วย จึงให้ทางปลัดบัญชีกองทัพอากาศติดตามไปด้วย เพื่อไปชี้แจงให้ท่านทราบ จะได้รีบแก้ไขโดยเร็วต่อไป
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ได้ชี้แจงเรื่องงบประมาณ ให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า การที่งบประมาณถูกตัดไป จะส่งผลกระทบ และได้เปรียบเทียบให้เห็นว่างบฯใน รอบ10 ปี ที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และครั้งนี้ก็ไม่ได้รับการจัดสรรมาก แต่ก็ยังถูกตัดไปอีก เพราะฉะนั้นตามแผนงานตามยุทธศาสตร์ ที่ได้เตรียมไว้ในอนาคตอาจจะต้องมีการปรับตามความเร่งด่วน
แต่ถ้าหากรัฐบาลสามารถหางบฯ ที่ขาดไปประมาณ1,000 กว่าล้านบาท ก็สามารถดำเนินนโยบาย และยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ได้ ซึ่งท่านก็รับทราบ จะนำไปพิจารณา แต่ยังไม่ได้ให้คำตอบ
" นายกฯบอกว่า ต่อไปนี้จะไม่ใช่การมาตรวจ แต่จะมาเยี่ยม และมาทานข้าวกลางวันด้วยประมาณ 2 เดือนครั้ง เพื่อให้มีการพูดคุยกัน หากใครมีปัญหาอะไร ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับนโยบายความมั่นคง เช่น การดูแลสถาบันฯ ซึ่งนายกฯ ก็รับทราบและเห็นด้วยทุกเรื่อง โดยเราได้แจ้งให้ท่านทราบว่าการดูแลสถาบันฯ ถือเป็นภารกิจของทหาร และได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งท่านรับทราบและเห็นด้วยพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ ที่ผ่านมารัฐบาล กับ กองทัพไม่ได้หวาดระแวงกัน หรือ มีปัญหาความขัดแย้งในการทำงาน การได้มาพบกัน มีอะไรจะได้เล่าสู่กันฟัง หรือมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในสองทาง จะทำได้เลย เพราะ ผบ.เหล่าทัพ บางคนก็ไม่มีโอกาสได้พบกับผู้บริหารหมายเลขหนึ่งของประเทศ แต่ถ้าได้รับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ทั้งสองทาง จะเป็นหนทางที่ ผบ.เหล่าทัพจะได้ทราบนโยบายและรีบนำไปดำเนินการ " พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว
** "บิ๊กอ๊อด"ลั่นกองทัพไม่มีมาเฟีย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า ต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่า ยังไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ ต้องขอดูก่อนว่าที่จะแก้ จะแก้ตรงไหน จะแก้อย่างไร และมีอะไรที่ควรจะแก้เพิ่มเติมหรือควรจะปรับ หรือไม่ต้องแก้ไข แต่ต้องปรับ ซึ่งบางมาตรา ก็ไม่ควรจะแก้ไขแต่ควรจะปรับปรุงเป็นต้น
เมื่อถามว่า การทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพและรัฐบาล เพื่อความสบายใจไม่ควรจะก้าวก่ายซึ่งกันและกันใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนมากก็ไม่มีอะไรที่มาก้าวก่าย ซึ่งตนก็ดูว่าขณะนี้ไม่มีอะไรที่ก้าวก่ายกัน
เมื่อถามว่า นายสุรสิทธิ์ ระบุว่าหากไม่มีการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม จะทำให้เกิดมาเฟียในกองทัพ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตนมองไม่เห็นภาพนั้น ขณะนี้ภาพมาเฟียในกองทัพไม่มี ทุกคนทำงานตามหน้าที่ และทุกคนคิดว่าเมื่อมีงานที่อยู่ในหน้าที่ในความรับผิดชอบก็จะทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความจริงใจ หากมีการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม นายกฯ จะแก้ไขปัญหาภายในพรรคอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันในเรื่องนี้ ยังไม่ได้ฟังความคิดเห็นท่าน ทั้งนี้ ตนก็ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ถ้ามีมาเมื่อไร ค่อยนำมาคิดพิจารณา
** ผบ.ทอ.แจงของงบฟื้นฟูหมื่นล้าน
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. กล่าวถึงงบประมาณจำนวน 10,563 ล้านบาท ที่กองทัพอากาศร้องขอเพื่อฟื้นฟูกองทัพอากาศว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นรัฐบาลให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสำรวจความเสียหาย ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและความเสียหายของฝ่ายอำนวยการ ขณะนี้ทางกองทัพอากาศได้จัดทำแผนความเสียหายเสนอให้ รมว.กลาโหมไปแล้ว และตนได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับ ความเสียหายจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน ให้นายกฯรับทราบ
"งบประมาณ 10,563 ล้านบาทที่เสนอไป ในวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค.นี้ จะมีประชุมครม.วาระพิเศษ ซึ่งจะมีการเชิญกองทัพอากาศ เข้าไปชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม โดยอาจจะมีการปรับงบประมาณนิดหน่อย แต่ตัวเลขไม่ยืนยันว่าเป็นเท่าไร แต่งบประมาณที่เราเสนอไป เป็นยอดที่เราเสียหายจริงๆ และสิ่งที่ผมได้เรียนให้ที่ประชุมรับทราบวันนี้ว่า แม้ว่ากำลังทางอากาศจะ อยู่ต่างจังหวัด แต่สิ่งที่เสียหายคือ หน่วยซ่อมบำรุงของกองทัพอากาศ หากเราไม่ได้รับงบประมาณเพียงพอต่อการฟื้นฟู จะส่งผลกระทบต่อความพร้อมรบ และการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศ ทั้งนี้นายกฯ ทราบดีและขอให้กองทัพอากาศจัดลำดับความเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้กองทัพอากาศมีรายละเอียดหมดแล้ว และเตรียมนำเสนอรัฐบาลต่อไป" ผบ.ทอ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับงบประมาณฟื้นฟูกองทัพอากาศ 10,563 ล้าน ที่กองทัพอากาศเสนอไปนั้น หลังจากที่ทางนายกฯ ได้มีการทักท้วงว่า งบประมาณจำนวนดังกล่าวมากเกินไปนั้น เบื้องต้นทางกองทัพอากาศ เตรียมปรับลดลง 1.3 พันล้าน ทำให้เหลืองบฟื้นฟู 9,263 ล้านบาท
** "เหลิม"เน้นปราบเว็บหมิ่น-ไม่แก้ม.112
เมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้ (9 ธ.ค.) ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมาย หรือไม่เหมาะสม ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมี ปลัดกระทรวงกลาโหม, ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ปลัดกระทรวงยุติธรรม, ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, ผบ.ตร., รองผบ.ตร., อธิบดีกรมการปกครอง, อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เน้นเรื่องเว็บไซต์ ที่กระทบความมั่นคงและหมิ่นสถาบันฯ ซึ่งตำรวจมีความชำนาญอยู่แล้วไม่ต้องวางกรอบ สามารถทำงานได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมา งานด้านนี้แยกหน่วยกันทำงาน จึงไม่ได้ผล โดยเรื่องนี้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. รับผิดชอบ ประสานกับหน่วยข้างเคียง โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งตนเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะทำงานอย่างจริงจัง จริงใจ หวังผลสัมฤทธิ์ของงาน
" เลิกพูดว่ามาจากต่างชาติ แล้วแก้ไขไม่ได้ บางทีข้อความมาจากต่างชาติได้ แล้วไม่ส่งต่อได้ไหม ก็ทำได้ ไอ้พวกอุบาทว์ พวกชาติชั่ว พวกเลวทราม ที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ แต่ผมจะเน้นเรื่องการจับกุม เนื้อหาจะไม่นำเสนอต่อสื่อมวลชน เพราะเป็นเรื่องไม่สมควร และไม่บังควร ตรงนี้เน้นปราบเว็บไซต์กระทบสถาบันฯ ไม่เกี่ยวกับการแก้ กม.อาญา มาตรา 112 จะไม่แก้ไขกฎหมาย อะไรทั้งสิ้น จะแก้ความเลวร้ายของพวกเจ้าของเว็บไซต์ ของพวกที่เห็นแก่ตัว เสียชาติเกิด ที่เกิดในแผ่นดินไทย แต่ยังมีความคิดชั่วช้า สนับสนุนคนต่างชาติ นี่คือภารกิจที่ผมได้รับมอบหมาย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
** คุยมีเป้าหมายที่จะจัดการอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จากนี้หากยังมีเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงอีกจะทำอย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ลองกันดู ไม่มีปัญหา ตนถือกฎหมาย ใครต้องรับผิดชอบบ้าง ยังบอกไม่ได้ ถามแบบนี้มันกว้างไป หากจะบอกว่าพรุ่งนี้ เว็บหมิ่นฯ หมดเลยก็โกหก แต่จะให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งข้อมูลเป้าหมายมีหมด ตนเป็นตำรวจเก่า คณะกรรมการชุดนี้เป็นคณะพิเศษ ประสานกับทุกหน่วยงาน ตนเชิญหัวหน้าหน่วยงานทุกหน่วย ซึ่งขอย้ำว่า ทุกครั้งต้องมาร่วมประชุมด้วยตัวเอง เว้นแต่ติดภารกิจสำคัญจริงๆ โดยจะประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ เดือนละครั้ง ส่วนที่ตั้งชุดปฏิบัติงานใช้พื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเฮี้ยน คนชั่วกลัว คนเลวเกรง เอาจริงแล้วรอบนี้
** "เทือก"เย้ยหนีไม่พ้นลูบหน้าปะจมูก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลพยายามดำเนินการเกี่ยวกับการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯ โดยการตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธาน ว่า คงต้องรอดูต่อไป แต่ส่วนตัวไม่เชื่อมั่นใน ร.ต.อ.เฉลิม เพราะรู้จักมานาน และกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันฯ นั้นยังถือว่าอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เป็นผู้สนับสนุนรัฐบาล ดังนั้นจึงเชื่อได้ยากว่า จะมีการจัดการผู้สนับสนุนของตัวเอง
**"ไอ้ตู่"นัดเสื้อแดงชุมนุมวันรัฐธรรมนูญ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า กลุ่มคนเสื้อแดง จะมีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.นี้ เพื่อรำลึกถึงประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่รูปแบบ สถานที่ และเวลา จะรอสรุปอีกครั้ง
เบื้องต้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมในวันนี้ (10 ธ.ค.) จะเริ่มในเวลา 17.00 - 20.00 น. ภายใต้หัวข้อการชุมนุม “8 เดือนผ่านฟ้า 78 ปี รัฐธรรมนูญ” โดยการชุมนุมจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีการตั้งเวทีหรือใช้เครื่องขยายเสียง มีกิจกรรมจุดเทียนแดง ปล่อยนก และ ชูป้ายเรียกร้องเอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ คาดว่าจะมีผู้มาร่วมกิจกรรม ประมาณ 5,000 คน
ขณะเดียวกัน ทางด้าน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ร่วมกับ กลุ่ม 24 มิถุนาฯ ได้นัดชุมนุมจัดกิจกรรมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กทม. เนื่องในวันรัฐธรรมนูญด้วย
**ชทพ.หนุน"ธิดาแดง"ฉีกรธน.50
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงข่าว สนับสนุนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ตามที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. ออกมาเรียกร้อง
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขดังกล่าวนั้นอยากให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขให้มากที่สุด นอกจากนั้นแล้ว ต้องพิจารณาเวลาที่เหมาะสม เช่น ภายหลังจากที่รัฐบาลฟื้นฟู และเยียวยาพื้นที่ รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมให้แล้วเสร็จก่อน
สำหรับแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า ในช่วงการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยนิติบัญญัติ ช่วงวันที่ 21 ธ.ค.54 - 18 เม.ย.55 จะยื่นญัตติให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้ทางรัฐบาลยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม หากแกนนำรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง ควรให้พรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนร่วม เพื่อลดข้อครหาที่ว่า แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง.
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (9 ธ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม กระทรวงกลาโหม เป็นครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้นำ 3 เหล่าทัพ ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ผสม 3 เหล่าทัพ พร้อมขึ้นแท่นเคารพ ก่อนเสร็จสิ้นพิธีการ นายกฯและรมว.กลาโหม และผู้นำเหล่าทัพ เข้าถวายราชสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พร้อมวางพวงมาลัย บนพานและจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุป ที่ห้องภานุรังษีโดยนายกฯได้มอบนโยบายในการปฏิบัติงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งหลังเสร็จสิ้นจะมอบของที่ระลึก และลงนามในสมุดเยี่ยม พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ห้องสุรศักดิ์มนตรี ในศาลาว่า การกลาโหม ก่อนที่จะเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล
**ย้ำร่วมมือปกป้องสถาบันฯ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวหลังการตรวจเยี่ยมกระทรวงกลาโหมว่าได้มีการ หารือรายละเอียดของนโยบายว่า กองทัพกับรัฐบาลเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องทำงานร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เดียวกันว่า จะทำอย่างไรในการรักษาความมั่นคง สร้างความปรองดอง ความสงบสุขของคนในชาติ รวมถึงการรักษาเอกราชของประเทศ และที่สำคัญต้องร่วมมือกันในการปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักเคารพของคนไทยทั้งประเทศ
พร้อมกันนี้ รัฐบาลและเหล่าทัพ เห็นตรงกันในการน้อมนำพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยจะทำอย่างไรที่จะทำงานร่วมกันที่จะบรรเทาความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องการเยียวยา การฟื้นฟู รวมถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ที่ต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งในอนาคตคงจะให้ทางกองทัพเข้ามาร่วมกันพัฒนา ฟื้นฟู สาธารณูปโภค ร่วมกับรัฐบาล
ต่อข้อถามว่า จุดยืนในการปกป้องสถาบันฯ ของรัฐบาลเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่าได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทั้ง 2 ทาง โดยเฉพาะเรื่องสถาบันฯ ต้องตรวจสอบ และปกป้องไม่ให้ใครอ้างอิงสถาบันฯ ในทางที่ไม่ถูกต้อง ทางกองทัพ ก็มีหน่วยดูแล และจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและไอซีที ขณะเดียวกันรัฐบาลจะทำกิจกรรมในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย
** ยันรัฐบาลไม่ล้วงลูกกองทัพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาอยู่ท่ามกลางกองทัพ รู้สึกอย่างไร เพราะที่ผ่านมารัฐบาลกับกองทัพเหมือนอยู่กันคนละฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกท่านต้องทำตามภารกิจ หน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่และที่มาวันนี้คือ ทำอย่างไรที่จะทำงานร่วมกับกองทัพ ตราบใดที่มีวัตถุประสงค์และมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อประเทศและคนในชาติ และปกป้องสถาบันฯร่วมกัน นี่คือจุดยืนที่รัฐบาลและเหล่าทัพมี จุดยืนเดียวกัน ท้ายที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ประเทศมีความสงบสุขและสามัคคีปรองดอง
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่แทรกแซงกองทัพ และมีนโยบายอย่างไรในการดูแลกองทัพ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ กองทัพมีหน้าที่ทำตามนโยบายของรัฐบาล แต่การทำงานโดยหลักการบริหารงานของตน ไม่คิดจะก้าวก่าย ซึ่งเรามีหน้าที่มอบนโยบาย ทางกองทัพก็ต้องรับนโยบายนั้นไปดำเนินการ และเป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบ จะทำงานร่วมกัน ตราบใดที่เราทำงานบนความให้เกียรติ และความเชื่อใจซึ่งกันและกัน เป็นจุดยืนที่เราจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญตนให้ความสำคัญกับการทำงานบนความเข้าใจซึ่งกันและกัน จึงเป็นที่มาของการมาตรวจเยี่ยมกองทัพ เพื่อให้กองทัพมีโอกาสแลกเปลี่ยนมากกว่าการจะให้เราใช้ลักษณะการสั่งงานอย่างเดียว
** ไม่พูดถึงเรื่องแก้พ.ร.บ.กลาโหม
เมื่อถามว่าเรื่องปรองดองเป็นวาระใหญ่ของรัฐบาล จะขอความร่วมมือจากกองทัพอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า โจทย์แรกต้องกลับไปดูแลความทุกข์ สุข ของประชาชนเพื่อแบ่งเบาภาระความทุกข์ ยาก กินดีอยู่ดี สุดท้ายจึงนำมาซึ่งความสันติสุข และความสามัคคีปรองดอง ที่สำคัญต้องให้ความเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อถามว่ากองทัพยังคาใจเรื่องเดินหน้าคดีเสื้อแดง และการแก้พ.ร.บ.กลาโหม จะให้ความสบายใจอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมจะให้ความเป็นธรรม และตราบใดถ้าเรายึดข้อกฏหมาย หลักนิติธรรม อันนั้นเป็นสิ่งถูกต้อง และเชื่อว่าถ้าเรามองด้วนเจตนาว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ขอให้โอกาสและให้ความยุติธรรมกับทุกคน นี่คือจุดมุ่งหมายที่เราจะทำไม่ใช่ว่ามาแล้วตั้งเป้าหมายก่อน และไม่อยากให้สื่อมองแบบนี้ ตนมาทำงานในฐานะนายกฯ อยากเห็นความสงบสุขของคนในชาติและอยากเห็นความสบายใจในการทำงานร่วมกัน
ส่วนเรื่องแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ยังไม่มีการพูดถึง การมาวันนี้เป็นเพียงวาระแรก ลำดับต่อไปจะไปเยี่ยมในแต่ละเหล่าทัพ
** ยันกองทัพ-รัฐบาลไม่ระแวงกัน
ด้านพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า ได้สรุปภารกิจของทุกเหล่าทัพให้นายกฯได้รับทราบ และงานใน กอ.รมน. ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จะต้องทราบว่า งานของ ผอ.กอ.รมน.6 อย่าง มีอะไรบ้าง โดยท่านจะต้องรับผิดชอบ ติดตาม และงานที่จะต้องประสานกับกระทรวงอื่น
ทั้งนี้ได้เชิญ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ.มาร่วมชี้แจงรายละเอียดการทำงานของ กอ.รมน.ให้ตนทราบ ก่อนที่ นายกฯ จะมาตรวจเยี่ยม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นายกฯไม่ได้ติดใจถามในเรื่องใด แต่ได้สอบถามในส่วนของกองทัพอากาศว่า ทำไมถึงของบประมาณมาก และขอให้ไปพิจารณาความเร่งด่วนให้เป็นขั้นตอน เพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นเรื่องเร่งด่วนอันดับแรก และต้องใช้งบประมาณเท่าไร ความเร่งด่วนอันดับ 2 และ อันดับ3 ใช้งบประมาณเท่าไร ทั้งนี้ในวันจันทร์ 12 ธ.ค. เวลา 09.00 น. จะมีการประชุม ครม. ซึ่งต้องเข้าประชุมกับนายกรัฐมนตรีด้วย จึงให้ทางปลัดบัญชีกองทัพอากาศติดตามไปด้วย เพื่อไปชี้แจงให้ท่านทราบ จะได้รีบแก้ไขโดยเร็วต่อไป
พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ได้ชี้แจงเรื่องงบประมาณ ให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า การที่งบประมาณถูกตัดไป จะส่งผลกระทบ และได้เปรียบเทียบให้เห็นว่างบฯใน รอบ10 ปี ที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และครั้งนี้ก็ไม่ได้รับการจัดสรรมาก แต่ก็ยังถูกตัดไปอีก เพราะฉะนั้นตามแผนงานตามยุทธศาสตร์ ที่ได้เตรียมไว้ในอนาคตอาจจะต้องมีการปรับตามความเร่งด่วน
แต่ถ้าหากรัฐบาลสามารถหางบฯ ที่ขาดไปประมาณ1,000 กว่าล้านบาท ก็สามารถดำเนินนโยบาย และยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ได้ ซึ่งท่านก็รับทราบ จะนำไปพิจารณา แต่ยังไม่ได้ให้คำตอบ
" นายกฯบอกว่า ต่อไปนี้จะไม่ใช่การมาตรวจ แต่จะมาเยี่ยม และมาทานข้าวกลางวันด้วยประมาณ 2 เดือนครั้ง เพื่อให้มีการพูดคุยกัน หากใครมีปัญหาอะไร ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับนโยบายความมั่นคง เช่น การดูแลสถาบันฯ ซึ่งนายกฯ ก็รับทราบและเห็นด้วยทุกเรื่อง โดยเราได้แจ้งให้ท่านทราบว่าการดูแลสถาบันฯ ถือเป็นภารกิจของทหาร และได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งท่านรับทราบและเห็นด้วยพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ ที่ผ่านมารัฐบาล กับ กองทัพไม่ได้หวาดระแวงกัน หรือ มีปัญหาความขัดแย้งในการทำงาน การได้มาพบกัน มีอะไรจะได้เล่าสู่กันฟัง หรือมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในสองทาง จะทำได้เลย เพราะ ผบ.เหล่าทัพ บางคนก็ไม่มีโอกาสได้พบกับผู้บริหารหมายเลขหนึ่งของประเทศ แต่ถ้าได้รับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ทั้งสองทาง จะเป็นหนทางที่ ผบ.เหล่าทัพจะได้ทราบนโยบายและรีบนำไปดำเนินการ " พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว
** "บิ๊กอ๊อด"ลั่นกองทัพไม่มีมาเฟีย
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า ต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่า ยังไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ ต้องขอดูก่อนว่าที่จะแก้ จะแก้ตรงไหน จะแก้อย่างไร และมีอะไรที่ควรจะแก้เพิ่มเติมหรือควรจะปรับ หรือไม่ต้องแก้ไข แต่ต้องปรับ ซึ่งบางมาตรา ก็ไม่ควรจะแก้ไขแต่ควรจะปรับปรุงเป็นต้น
เมื่อถามว่า การทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพและรัฐบาล เพื่อความสบายใจไม่ควรจะก้าวก่ายซึ่งกันและกันใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนมากก็ไม่มีอะไรที่มาก้าวก่าย ซึ่งตนก็ดูว่าขณะนี้ไม่มีอะไรที่ก้าวก่ายกัน
เมื่อถามว่า นายสุรสิทธิ์ ระบุว่าหากไม่มีการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม จะทำให้เกิดมาเฟียในกองทัพ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตนมองไม่เห็นภาพนั้น ขณะนี้ภาพมาเฟียในกองทัพไม่มี ทุกคนทำงานตามหน้าที่ และทุกคนคิดว่าเมื่อมีงานที่อยู่ในหน้าที่ในความรับผิดชอบก็จะทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความจริงใจ หากมีการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม นายกฯ จะแก้ไขปัญหาภายในพรรคอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันในเรื่องนี้ ยังไม่ได้ฟังความคิดเห็นท่าน ทั้งนี้ ตนก็ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ถ้ามีมาเมื่อไร ค่อยนำมาคิดพิจารณา
** ผบ.ทอ.แจงของงบฟื้นฟูหมื่นล้าน
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. กล่าวถึงงบประมาณจำนวน 10,563 ล้านบาท ที่กองทัพอากาศร้องขอเพื่อฟื้นฟูกองทัพอากาศว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นรัฐบาลให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสำรวจความเสียหาย ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและความเสียหายของฝ่ายอำนวยการ ขณะนี้ทางกองทัพอากาศได้จัดทำแผนความเสียหายเสนอให้ รมว.กลาโหมไปแล้ว และตนได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับ ความเสียหายจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน ให้นายกฯรับทราบ
"งบประมาณ 10,563 ล้านบาทที่เสนอไป ในวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค.นี้ จะมีประชุมครม.วาระพิเศษ ซึ่งจะมีการเชิญกองทัพอากาศ เข้าไปชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม โดยอาจจะมีการปรับงบประมาณนิดหน่อย แต่ตัวเลขไม่ยืนยันว่าเป็นเท่าไร แต่งบประมาณที่เราเสนอไป เป็นยอดที่เราเสียหายจริงๆ และสิ่งที่ผมได้เรียนให้ที่ประชุมรับทราบวันนี้ว่า แม้ว่ากำลังทางอากาศจะ อยู่ต่างจังหวัด แต่สิ่งที่เสียหายคือ หน่วยซ่อมบำรุงของกองทัพอากาศ หากเราไม่ได้รับงบประมาณเพียงพอต่อการฟื้นฟู จะส่งผลกระทบต่อความพร้อมรบ และการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศ ทั้งนี้นายกฯ ทราบดีและขอให้กองทัพอากาศจัดลำดับความเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้กองทัพอากาศมีรายละเอียดหมดแล้ว และเตรียมนำเสนอรัฐบาลต่อไป" ผบ.ทอ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับงบประมาณฟื้นฟูกองทัพอากาศ 10,563 ล้าน ที่กองทัพอากาศเสนอไปนั้น หลังจากที่ทางนายกฯ ได้มีการทักท้วงว่า งบประมาณจำนวนดังกล่าวมากเกินไปนั้น เบื้องต้นทางกองทัพอากาศ เตรียมปรับลดลง 1.3 พันล้าน ทำให้เหลืองบฟื้นฟู 9,263 ล้านบาท
** "เหลิม"เน้นปราบเว็บหมิ่น-ไม่แก้ม.112
เมื่อเวลา 11.30 น.วานนี้ (9 ธ.ค.) ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมาย หรือไม่เหมาะสม ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมี ปลัดกระทรวงกลาโหม, ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ปลัดกระทรวงยุติธรรม, ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, ผบ.ตร., รองผบ.ตร., อธิบดีกรมการปกครอง, อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เน้นเรื่องเว็บไซต์ ที่กระทบความมั่นคงและหมิ่นสถาบันฯ ซึ่งตำรวจมีความชำนาญอยู่แล้วไม่ต้องวางกรอบ สามารถทำงานได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมา งานด้านนี้แยกหน่วยกันทำงาน จึงไม่ได้ผล โดยเรื่องนี้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. รับผิดชอบ ประสานกับหน่วยข้างเคียง โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งตนเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งจะทำงานอย่างจริงจัง จริงใจ หวังผลสัมฤทธิ์ของงาน
" เลิกพูดว่ามาจากต่างชาติ แล้วแก้ไขไม่ได้ บางทีข้อความมาจากต่างชาติได้ แล้วไม่ส่งต่อได้ไหม ก็ทำได้ ไอ้พวกอุบาทว์ พวกชาติชั่ว พวกเลวทราม ที่มีพฤติกรรมอย่างนี้ แต่ผมจะเน้นเรื่องการจับกุม เนื้อหาจะไม่นำเสนอต่อสื่อมวลชน เพราะเป็นเรื่องไม่สมควร และไม่บังควร ตรงนี้เน้นปราบเว็บไซต์กระทบสถาบันฯ ไม่เกี่ยวกับการแก้ กม.อาญา มาตรา 112 จะไม่แก้ไขกฎหมาย อะไรทั้งสิ้น จะแก้ความเลวร้ายของพวกเจ้าของเว็บไซต์ ของพวกที่เห็นแก่ตัว เสียชาติเกิด ที่เกิดในแผ่นดินไทย แต่ยังมีความคิดชั่วช้า สนับสนุนคนต่างชาติ นี่คือภารกิจที่ผมได้รับมอบหมาย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
** คุยมีเป้าหมายที่จะจัดการอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จากนี้หากยังมีเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงอีกจะทำอย่างไร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ลองกันดู ไม่มีปัญหา ตนถือกฎหมาย ใครต้องรับผิดชอบบ้าง ยังบอกไม่ได้ ถามแบบนี้มันกว้างไป หากจะบอกว่าพรุ่งนี้ เว็บหมิ่นฯ หมดเลยก็โกหก แต่จะให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งข้อมูลเป้าหมายมีหมด ตนเป็นตำรวจเก่า คณะกรรมการชุดนี้เป็นคณะพิเศษ ประสานกับทุกหน่วยงาน ตนเชิญหัวหน้าหน่วยงานทุกหน่วย ซึ่งขอย้ำว่า ทุกครั้งต้องมาร่วมประชุมด้วยตัวเอง เว้นแต่ติดภารกิจสำคัญจริงๆ โดยจะประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ เดือนละครั้ง ส่วนที่ตั้งชุดปฏิบัติงานใช้พื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเฮี้ยน คนชั่วกลัว คนเลวเกรง เอาจริงแล้วรอบนี้
** "เทือก"เย้ยหนีไม่พ้นลูบหน้าปะจมูก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลพยายามดำเนินการเกี่ยวกับการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯ โดยการตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธาน ว่า คงต้องรอดูต่อไป แต่ส่วนตัวไม่เชื่อมั่นใน ร.ต.อ.เฉลิม เพราะรู้จักมานาน และกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมหมิ่นสถาบันฯ นั้นยังถือว่าอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เป็นผู้สนับสนุนรัฐบาล ดังนั้นจึงเชื่อได้ยากว่า จะมีการจัดการผู้สนับสนุนของตัวเอง
**"ไอ้ตู่"นัดเสื้อแดงชุมนุมวันรัฐธรรมนูญ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า กลุ่มคนเสื้อแดง จะมีการจัดกิจกรรมเนื่องในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธ.ค.นี้ เพื่อรำลึกถึงประชาธิปไตยของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่รูปแบบ สถานที่ และเวลา จะรอสรุปอีกครั้ง
เบื้องต้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมในวันนี้ (10 ธ.ค.) จะเริ่มในเวลา 17.00 - 20.00 น. ภายใต้หัวข้อการชุมนุม “8 เดือนผ่านฟ้า 78 ปี รัฐธรรมนูญ” โดยการชุมนุมจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีการตั้งเวทีหรือใช้เครื่องขยายเสียง มีกิจกรรมจุดเทียนแดง ปล่อยนก และ ชูป้ายเรียกร้องเอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ คาดว่าจะมีผู้มาร่วมกิจกรรม ประมาณ 5,000 คน
ขณะเดียวกัน ทางด้าน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ร่วมกับ กลุ่ม 24 มิถุนาฯ ได้นัดชุมนุมจัดกิจกรรมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กทม. เนื่องในวันรัฐธรรมนูญด้วย
**ชทพ.หนุน"ธิดาแดง"ฉีกรธน.50
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงข่าว สนับสนุนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ตามที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. ออกมาเรียกร้อง
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขดังกล่าวนั้นอยากให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขให้มากที่สุด นอกจากนั้นแล้ว ต้องพิจารณาเวลาที่เหมาะสม เช่น ภายหลังจากที่รัฐบาลฟื้นฟู และเยียวยาพื้นที่ รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมให้แล้วเสร็จก่อน
สำหรับแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า ในช่วงการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยนิติบัญญัติ ช่วงวันที่ 21 ธ.ค.54 - 18 เม.ย.55 จะยื่นญัตติให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้ทางรัฐบาลยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม หากแกนนำรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง ควรให้พรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนร่วม เพื่อลดข้อครหาที่ว่า แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง.