xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวงแนะแก้น้ำท่วม ขออย่าขัดแย้ง พสกนิกรกู่ก้อง‘ทรงพระเจริญ’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “ในหลวง” ตรัสขอบใจทุกฝ่ายร่วมอวยพรวันเกิด ทรงแนะความมั่นคงในชาติ เกิดได้ด้วยประชาชนอยู่ดีมีสุข ขอทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้เต็มกำลัง หวังพัฒนาโครงการบริหารจัดการน้ำให้ยั่งยืน ขออย่าขัดแย้ง แตกแยก แต่ควรให้กำลังใจกันทำงานให้สำเร็จลุล่วง ขณะที่พสกนิกรพร้อมใจใส่เสื้อสีชมพูเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องทั่วบริเวณ

วานนี้ (5 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.24 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตกิติยาทรกิติคุณ จากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระที่นั่งจักรมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พระบรมวงศานุวงศ์ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานศาลฏีกา ข้าราชการ เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล และผู้บัญชาการทหารสูงสุด เฝ้าฯ กล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณตน เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

**พสกนิกรร่วมใจใส่เสื้อสีชมพูเฝ้ารับเสด็จฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันของวานนี้ (5 ธ.ค.) บรรยากาศตลอดสองขางท้างที่รถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินจากโรงพยาบาลศิริราชมายังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง มีพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจกันใส่เสื้อสีชมพูเดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อรอเฝ้ารับเสด็จฯ พร้อมกู่ร้อง “ ทรงพระเจริญ ” ดังกึงก้องตลอดสองข้างทาง ขณะที่บรรยากาศหน้าประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ พระบรมมหาราชวังฯ ประชาชนที่รอรับเสด็จต่างถือธงชาติไทย -ธงตราสัญลักษณ์ โบกสะบัด พร้อมเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ"

จนกระทั่งเวลา 10.39 น.เสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จ พระที่นั่งจักรมหาปราสาท ชาวพนักงานกระทั่งมโหระทึกประโคมแตรฝรั่ง ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด รวมทั้งสิ้น 84 นัด

**ทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณ

จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ จบแล้ว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคลทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ-พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนสมาชิกรัฐสภา นายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนข้าราชการตุลาการ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาปกรณ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลพระกรุณาและกล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณ จบ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคมถวายความเคารพพร้อมกัน

**สมเด็จพระบรมฯ ทรงถวายสัตย์

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กล่าวนำถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า

“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ มีความปีติปราโมชพ้นประมาณที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้มาประชุมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล ในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายสำนึกตระหนักเสมอมาในพระราชจริยวัตร ที่ทรงพระราชอุตสาหะปฏิบัติบำเพ็ญประการทั้งหลายทั้งปวง ก็เพื่อความเจริญร่มเย็นของอาณาประชาราษฎร์ และความมั่นคงของประเทศชาติเป็นสำคัญ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงผู้มีวาสนาอย่างยิ่ง ที่เกิดมาในแผ่นดินไทย ภายใต้พระบุญญาธิการ จึงได้รับพระบารมีแผ่ปกเกล้าปกกระหม่อมให้มีความสุข ความเจริญ และมีเกียรติยศ เป็นที่เชิดชู ซึ่งต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอยู่ถ้วนหน้า ในมหามงคลสมัยพิเศษนี้ ข้าพระพุทธเจ้าจึงขอพระราชทานถวายสัตย์ปฏิญาณว่า การใดที่จะเป็นประโยชน์แก่ความผาสุขมั่นคงของประเทศชาติ และประชาชนแล้ว จะมุ่งมั่นปฎิบัติการนั้นจนเต็มกำลังความรู้ ความสามารถ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณด้วยกตัญญูกตเวทิตาจิต และความจงรักภักดี กับขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล

ต่อจากนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคลทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ-พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนสมาชิกรัฐสภา นายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนข้าราชการตุลาการ พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาปกรณ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลพระกรุณาและกล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณ จบ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคมถวายความเคารพพร้อมกัน

**ในหลวงทรงแนะร่วมมือแก้น้ำท่วม

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสความว่า ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาโดยประการต่างๆ ข้าพเจ้าขอสนองพรและไมตรีทั้งนั้น ด้วยใจจริงเช่นกัน

ท่านทั้งหลายในที่นี้ ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารย่อมทราบแก่ใจอยู่ทั่วกันว่า ความมั่นคงของประเทศชาตินั้นจะเกิดมีได้ ก็ด้วยประชาชนในชาติอยู่ดีมีสุข ไม่มีทุกข์ยากเข็ญ ดังนั้น การใดที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประชาชนทุกคนทุกฝ่ายจึงต้องถือเป็นหน้าที่ ที่จะต้องร่วมมือกันปฏิบัติแก้ไขให้เต็มกำลัง โดยเฉพาะขณะนี้ ประชาชนกำลังเดือดร้อนลำบากจากน้ำท่วม จึงชอบที่จะร่วมกันปัดเป่าแก้ไขให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว และจัดทำโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อย่างเช่นโครงการต่างๆ ที่เคยพูดไว้นั้น ก็เป็นการแนะนำ ไม่ได้สั่งการ แต่ถ้าปรึกษากันแล้ว เห็นว่าเป็นประโยชน์ที่คุ้มค่า และทำได้ ก็ทำ ข้อสำคัญ จะต้องไม่ขัดแย้งแตกแยกกัน หากจะต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้งานที่ทำบรรลุผลที่พึงประสงค์ คือความผาสุกของประชาชนและความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ

ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยความสุขความเจริญ ให้แก่ท่านทั่วหน้ากัน

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบจบแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งจักรมหาปราสาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ และใบสมิต (ใบมะม่วง ใบทอง และใบตะขบ จำนวน 3 ช่อ) แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับและปัดพระองค์แล้วพระราชทานให้คณะพรามหมณ์นำกลับไปทำพิธี ณ โบสถ์พรามหณ์ จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ

**สำนักพระราชวังแจกหนังสือ-ซีดีที่ระลึก

นอกจากนี้ สำนักพระราชวังได้แจกหนังสือที่ระลึกงานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.54 จำนวน 2 เล่ม และซีดี อีก 1 แผ่น จำนวน 17,000 ชุดเพื่อแจกให้กับคณะบุคคลสำคัญและประชาชนที่มาร่วมงานประกอบด้วยหนังสือที่ระลึกงานสวดพระปริตมหากุศลเฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.54 จัดพิมพ์โดยคณะกรรมการจัดสวพระปริตมหากุศลเฉลิมพระเกียรติ,หนังสือแค่นี้ก็พอ จัดพิมพ์โดยโครงการพบกันครึ่งทาง และซีดีภาพหมู่พระที่นั่งมหามณเฑียร

** "มาร์ค"ถวายพระพรผ่านเฟซบุ๊ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา แกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ ได้ใช้ช่องทางถวายพระพรผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เริ่มจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงใน Abhisit Vejjajiva. มีเนื้อหาว่า

"ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญ พระวรกายสมบูรณ์แข็งแรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรพสกนิกรชาวไทยตราบนานเท่านาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความใน Korn Chatikavanij ว่า " เช้านี้ที่ถนนเย็นอากาศ อากาศเย็นสบายครับ ผมกำลังเตรียมตัวจะออกไปงานพระราชพิธีออกสมาคม ที่พระบรมมหาราชวัง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ "

ทั้งนี้ หน้าเพจของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็มีแฟนคลับเข้าไปแชร์ พระบรมฉายาลักษณ์ ขณะประกอบพระราชกรณียกิจ รวมถึงบทเพลงเทิดพระเกียรติกันอย่างท่วมท้น นอกเหนือจากการนำเสนอภาพกิจกรรมประชาสัมพันธ์การทำงานของผู้บริหารพรรค

**CNN เผยแพร่พระราชดำรัสเรื่องระบายน้ำ
 

แอนนา โคเรน ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เกี่ยวกับแนวทางในการระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ได้มีการดำเนินการตามกระแสพระราชดำรัสดังกล่าว จนเกิดปัญหาน้ำท่วมรุนแรงขึ้นในปีนี้

นอกจากนี้ยังมีการสัมภาษณ์ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่า ในช่วงที่พระองค์ยังทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้เสด็จไปยังทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อบำบัดทุกข์ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดาร ทำให้ประชาชนชาวไทยจงรักภักดีต่อพระองค์มาก

** "กูเกิ้ล"เปลี่ยนโลโก้เป็นสีธงชาติไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) เว็บไซต์ กูเกิ้ล (www.google.co.th) เว็บไซต์ สำหรับการค้นหาข้อมูลที่ยิ่งใหญ่ และมีข้อมูลรองรับผู้ที่สืบค้นมากที่สุดของโลก ได้เปลี่ยนสีของสัญลักษณ์ คำว่า “google” บนหน้าเว็บ เป็นสีของธงชาติประเทศไทย (น้ำเงิน,ขาว,แดง) ซึ่งเมื่อลากลูกศรไปแตะที่คำว่า”google” นี้ จะมีข้อความคำว่า “เรารักในหลวง เรารักประเทศไทย”ปรากฏขึ้นมา

เมื่อคลิกเข้าไป จะพบข้อมูลเกี่ยวกับวันชาติของประเทศไทย จากหลากหลายข้อมูล โดยวันชาติในประเทศไทย ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ตามวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีการเปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้านี้ ที่กำหนดเป็นวันที่ 24 มิถุนายน ของทุกปี ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนัยแห่งการเฉลิมฉลองไปในทางเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย มากกว่าจะแสดงออกถึงการเชิดชูสถาบันชาติ ในเชิงการเมือง

**"ประยุทธ์"ลั่นพวกจาบจ้วงทำสิ่งไม่เป็นมงคล

ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เป็นประธาน กล่าวคำถวายราชสดุดีและถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนนพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี พล. อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ท. อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 และ คณะกรรมการ อนุกรรมการ เจ้าหน้าที่ เข้าร่วม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่มีการเคลื่อนไหวจาบจ้างสถาบันฯนั้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่เป็นสิริมงคล วันนี้ถือเป็นวันมงคล สิ่งที่ควรกระทำคือ ทำแต่สิ่งดีงามตามที่ในหลวงได้ทรงกระทำให้คนไทยมาโดยตลอดระยะเวลาที่ยาวนานของพระองค์ ตนไม่อยากจะพูดในเรื่องที่ไม่เป็นมงคลในวันนี้ สำหรับบทบาทของกองทัพในการปกป้องสถาบันฯ เราทำอยู่แล้ว

**ผุด“โซเชียลเน็ตเวิร์ก พิทักษ์คุณธรรม”

พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุ ก.ตร.จริยธรรม กล่าวว่า ก.ตร.จริยธรรม ได้ร่วมมือกับ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ จัดทำโครงการ "โซเชียลเน็ตเวิร์ก พิทักษ์คุณธรรม" ขึ้น พร้อมจัดกิจกรรม "คนดีมีที่ยืน" โดยจะเริ่มในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกิจกรรมนี้จะใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อให้ประชาชนช่วยเผยแพร่ผู้ที่มีความประพฤติดีต่อสังคม โดยเฉพาะข้าราชการทุกหมู่เหล่า ไม่เพียงเฉพาะตำรวจเท่านั้น หากเห็นว่ากระทำความดี ก็สามารถเขียนเป็นเรื่องราว หรือรูป ถ่าย มาโพสต์ได้ในระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา ทั้งทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือ ส่งอีเมล เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณ เชิดชูเกียรติ บุคคลเหล่านี้

“ ถ้ามี โครงการดีๆ เช่นนี้ก็จะเป็นการปลูกฝังเยาวชนเหล่านี้ ให้มีจิตอาสามากขึ้นด้วยในอนาคต" พล.ต.อ.สถาพร กล่าว

**346 พ่อตัวอย่างแห่งชาติปี 2554 รับเกียรติบัตรเชิดชู

ที่บริเวณอาคารใหม่ สวนอัมพร มีการจัดงานวันพ่อแห่งชาติ และพิธีมอบเกียรติบัตรพ่อตัวอย่างแห่งชาติ ซึ่งสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 32 ในปี 2554 มีผู้ได้รับคัดเลือกเป็นพ่อตัวอย่างแห่งชาติ รวม 346 คน แบ่งเป็นจากส่วนกลาง 165 คน จากเขตในกรุงเทพฯ 37 คน และจากจังหวัดต่าง ๆ อีก 144 คน โดยในช่วงเช้ามีพิธีวางพุ่มถวายราชสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และสดุดีมหาราชา โดยพ่อตัวอย่างทุกคนต่างถวายความจงรักภักดี และอธิษฐานขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง
**"กล้านรงค์ จันทิก “ได้รับรางวัลพ่อดีเด่น

ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นพ่อตัวอย่างแห่งชาติ อาทิ นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ร.ท.ชัชรินทร์ ชูศรี อดีตผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ พล.ต.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เจ้ากรมยุทธการทหารบก นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร นายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง และ นายมานิจ สุขสมจิตร นักหนังสือพิมพ์อาวุโส นายสมบัติ พลายน้อย หรือ ส.พลายน้อย ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ เป็นต้น โดยในเวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์มามอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ได้รับคัดเลือก

**น้อมนำพระราชดำริความพอเพียงยึดปฏิบัติ

รศ.นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี พ่อตัวอย่างจากส่วนกลาง กล่าวว่า พ่อที่ดีจะต้องเป็นแบบอย่างกับลูกเดินตามได้ในทุกเรื่อง โดยกำชับลูกเสมอให้น้อมนำพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมายึดปฏิบัติ โดยเฉพาะความพอเพียง นอกจากนั้น ปัจจัยความรักความอบอุ่นภายในครอบครัวยังเป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงดูลูก โดยทุกคนภายในครอบครัวต้องสื่อสารความปรารถนาดีต่อกัน ไม่ทำงาน จนลืมแสดงความรักต่อกัน

ด้านนายพันธ์ จำปาโพธิ์ พ่อตัวอย่างจากจังหวัดนครราชสีมา อายุ 81 ปี เกษตรกรชาวบ้านนาตาวงษ์ ตำบลหนองงูเหลือม อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ที่ตรากตรำทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงลูก 6 คน และส่งเสียจนเรียนจบ มีหน้าที่การงานดี อาทิ เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา เป็นปลัดอำเภอพิมาย เป็นอาจารย์ และพนักงานบริษัท นายพันธ์ กล่าวว่า การเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ขึ้นอยู่กับการศึกษาของพ่อ ตนเรียนจบแค่ชั้น ป.4 บอกลูกเสมอว่าไม่มีอะไรจะให้ นอกจากส่งเสียให้เรียนสูง ๆ ซึ่งตนต้องช่วยกับภรรยาทำงานแทบทุกอย่างจนแทบไม่ได้กลับบ้าน เพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายค่าอาหารและค่าเล่าเรียนลูก ล่าสุดภรรยาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 2549

**บรรเลง “ภัทรมหาราชา” ในงานสโมสรสันนิบาต7 ธ.ค.

นายกมล สุวุฒโฑ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) กล่าวว่า ที่ประชุมสภา สบศ. มีมติจัดกิจกรรมภายใต้งานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีอัจฉริยภาพทางด้านดนตรี โดยเป็นการผสมผสานระหว่างวงดนตรีไทยวังหน้า และวงดนตรีสากล วังหน้าออเครสตร้า รวมกว่า 100 ชีวิต ถือเป็นวงดุริยางค์ที่ใหญ่มากและไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ดนตรีในประเทศไทย ในการนี้ได้บรรเลงเพลงที่ สบศ. ประพันธ์ทั้งคำร้อง และทำนองขึ้นมาใหม่ชื่อ “ภัทรมหาราชา” หมายถึงพระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ซึ่งเป็นบทเพลงขับร้องเสียงประสาน เพื่อใช้บรรเลงในช่วงวงมหาดุริยางค์ โดย วงมหาดุริยางค์ ยังได้รับเชิญให้ไปบรรเลงในงาน สโมสรสันนิบาต ประจำปี 2554 ที่จะขึ้นวันที่ 7 ธ.ค. หลังจากพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรแล้ว ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่วงมหาดุริยางค์ของสบศ.ได้รับเกียรติสูงสุดให้ไปบรรเลงในงานสำคัญของประเทศ ที่สำคัญจะบรรเลงประกอบการเล่นโขนด้วย.
กำลังโหลดความคิดเห็น