xs
xsm
sm
md
lg

แผนปฏิบัติการทางการเมือง สัญญาณแห่งการปะทะใกล้เข้ามา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

เมื่อปรากฎการณ์ธรรมชาติแสดงลักษณะบางอย่างที่แตกต่างจากภาวะปกติอย่างที่เคยเป็นมาแต่อดีต ย่อมเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอาจมีความผิดปกติอีกหลายประการกำลังจะทยอยเกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่อง การกระทำของมนุษย์ก็เช่นเดียวกันหากมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น ย่อมบ่งบอกเป็นนัยว่าอาจมีสิ่งอื่นที่ไม่ปกติซึ่งซ่อนเร้นอยู่กำลังจะเผยตัวออกมา ความผิดปกติที่เกิดขึ้นถึงวันนี้ มีให้ดู ให้คิด ให้ติดตามไถ่ถามหลายประการ

เรื่องแรก การตัดสินจำคุกนายอำพล หรือ บางกลุ่มเรียกว่าอากง ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรวมทุกกระทงแล้ว 20 ปี ผมบอกได้ว่าคดีนี้ไม่ธรรมดา ไม่ว่านายอำพลจะผิดจริงหรือไม่ก็ตาม เพราะผลสืบเนื่องจากการพิพากษาในลักษณะเช่นนี้ จะถูกบางกลุ่มนำไปเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งทางลับและเปิดเผย ซึ่งมีผลกระทบทางลบต่อสถาบันสำคัญของชาติ

มีความเป็นไปได้หลายทางเกี่ยวกับคดีนี้ เช่น มีการจัดฉากสร้างเหยื่อขึ้นมาคนหนึ่ง แล้วปั้นเหยื่อผู้นั้นให้กลายเป็นวีรบุรุษ เพื่อเป็นพาหนะเชื่อมโยงไปสู่เป้าหมายแฝงเร้นบางประการของผู้สร้าง หรือ เป็นไปได้เช่นกันว่า นายอำพลผู้นี้จงใจเป็นเหยื่อเอง กระทำท้าทายด้วยตนเองเพราะเล็งเห็นแล้วว่า หากทำและไม่ถูกจับกุมดำเนินคดี ก็จะเผยแพร่การกระทำลักษณะนี้ออกไปสู่เครือข่ายร่วมลัทธิของตนเอง หรือ หากถูกจับและถูกตัดสินลงโทษก็จะใช้เป็นเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งอาจส่งผลไม่แตกต่างจากการไม่ถูกจับ

หากการกระทำเรื่องนี้เป็นขบวนการและมีเป้าหมายทางการเมือง แผนที่พวกเขาจะดำเนินการต่อคือ จะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษในทันที แต่จะติดคุกอยู่ระยะหนึ่ง และใช้เงื่อนไขที่อยู่ในคุกรณรงค์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ในทางบนดินจะเป็นประเด็นกฎหมายอาญามาตรา 112 ส่วนในทางใต้ดินพวกเขาจะทำเพื่อบั่นทอนหัวใจของคนไทยผู้จงรักภักดี

เรื่องที่สอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดินในวันที่ 2 ธันวาคม 2554 ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะคือ นายกรัฐมนตรีผู้นี้ยืนบนพรมที่มีการจัดทำอย่างจงใจให้เป็นสีธงชาติไทย และเท้าของเธอนั้นยืนอยู่ในบริเวณที่เป็นสีน้ำเงิน

การจัดพรมให้เป็นสีธงชาติแล้วไปยืนอยู่บนนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม เป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรีไม่ทราบ ไม่ได้สังเกต ดวงตามองไม่เห็นความไม่เหมาะสมดังกล่าวเพราะมีความตื่นเต้นในการอ่านคำถวายสัตย์ปฏิญาณ จนประสาทสัมผัสในการรับสีถูกกดทับลงไปชั่วขณะ แต่ที่น่าพิศวงคือบรรดารัฐมนตรีหลายคนที่เข้าร่วมงานก็ไม่ได้สังเกตเห็นความไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นนี้ด้วย หรือทุกคนตื่นเต้นจนตาบอดสีไปชั่วขณะหนึ่งทั้งหมด

แต่หากทุกคนเห็นชัดแล้วว่าเป็นอะไรและไม่ได้ทักท้วงให้เปลี่ยนแปลง คนทั่วไปก็ย่อมคิดได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นอาจมีเจตนากระทำอย่างนั้น อันได้แก่การจงใจเหยียบพรมสีธงชาติ กระทำกันให้เห็นทั้งแผ่นดินเพื่อส่งสัญญาณถึงกลุ่มคนสองกลุ่ม กลุ่มแรก ผู้สนับสนุนรัฐบาล สัญญาณนี้หมายถึงการยึดกุมอำนาจรัฐไว้ได้แล้วอย่างเบ็ดเสร็จ และพร้อมจะรุกขั้นแตกหักกับกลุ่มอำมาตย์ต่อไปในไม่ช้า กลุ่มที่สองเป็นพลเมืองไทยที่ไม่ใช่พวกรัฐบาล การกระทำเช่นนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเย้ยหยัน ลบหลู่ และท้าทายว่า พวกข้าไม่แยแส ไม่สนใจความรู้สึกใดๆทั้งสิ้นของพวกเอ็งอีกต่อไป

เรื่องที่สาม การที่ เฟชบุ๊ก Yingluck Shinawatra นำพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 8 เป็นภาพประกอบการถวายพระพรวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยภาพปรากฏตั้งแต่เวลา 10.15 น.ของวันที่ 3 ธันวาคม จนถึงเวลาประมาณ 23.19 น. จึงมีการลบภาพนั้นออกจากหน้าเฟชบุ๊ก

ภาพปรากฏอยู่ประมาณ 13 ชั่วโมง เรื่องนี้มีข้อสันนิฐาน 2 ประการ ประการแรก คุณยิ่งลักษณ์และบรรดาผู้สนับสนุนรัฐบาลอีก 15 ล้านคนคงไม่เห็นภาพและคำอวยพรที่ไม่สอดคล้องกันอย่างมิบังควรเช่นนี้ สำหรับคุณยิ่งลักษณ์อาจไม่รู้เห็นเพราะนานๆ ครั้งเธอจึงเปิดเฟชบุ๊กของตนเองดู และในช่วงเวลาดังกล่าวเธอคงยุ่งมากจึงไม่ได้เปิดดูเฟชบุ๊ก ส่วนพวกรัฐมนตรี ส.ส. พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงคนใกล้ชิดคุณยิ่งลักษณ์ ก็คงไม่มีใครเห็นเหมือนกัน เพราะพวกเขาก็คงไม่ได้ดูหรือไม่ได้เป็นแฟนเฟชบุ๊กของคุณยิ่งลักณ์ ที่รู้ภายหลังเพราะอาจมีคนเอาภาพไปแบ่งปันในที่อื่นๆ จนสาวกแดงบางคนไปเห็นเข้าจึงแจ้งให้ทราบ และเมื่อทราบก็ให้ทีมงานลบภาพออก

ประการที่สอง คุณยิ่งลักษณ์และบรรดารัฐมนตรี ตลอดจนแกนนำเสื้อแดงทั้งหลายต่างรับรู้แล้ว และอาจรู้ตั้งแต่แรก และอาจเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่าบางคนในกลุ่มแกนนำระดับใกล้ชิดรู้เห็นเป็นใจ หรืออาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของละครฉากนี้ หากเรื่องนี้มีเจตนาหรือจงใจให้เกิดขึ้น ผู้กระทำย่อมเป็นเจตนาที่ชั่วร้ายโดยมุ่งทำร้ายและทำลายความรู้สึกของคนไทยกว่าค่อนประเทศ และเป็นการท้าทายและท้ารบกับผู้ที่จงรักภักดีต่อสถาบัน เมื่อพิจารณาความเชื่อมโยงจากเหตุการณ์ถวายสัตย์ปฏิญาณวันที่ 2 ธันวาคม และเหตุการณ์ในหน้าเฟชบุ๊ก Yingluck Sinawatra ของวันที่ 3 ธันวาคม จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ทั้งสองเป็นการเหยียบย่ำและทำร้ายซ้ำเติมหัวใจของผู้คนจำนวนมาก

ยังไม่หยุดลงเพียงแค่นั้น ถัดมาอีกวัน เรื่องที่สี่ ก็เกิดขึ้น เมื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีได้ประกาศยกเลิกกิจกรรมการแสดง วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 84 พรรษามหาราช และการจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามาสื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ “84 ปีแห่งความรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์” กำหนดเดิมของการแสดงนี้คือวันที่ 3-9 ธันวาคม หรือ 7 วัน แต่กลับตัดลงเหลือ 2 วัน คือแสดงเฉพาะวันที่ 3-4 ธันวาคมเท่านั้น ข้ออ้างที่ใช้ในการยกเลิกคือต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อความเหมาะสมไม่ควรมีงานรื่นเริง เพราะประชาชนส่วนมากเดือกร้อน

กิจกรรมทั้งสองกำลังเป็นที่กล่าวขานและได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก เป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้ เป็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์ มิใช่เรื่องของการบันเทิงดังที่รัฐบาลได้กล่าวอ้าง การยกเลิกกิจกรรมทั้งสองจึงเป็นการกระทำแบบหักดิบ ทำลายน้ำใจ ไม่ไว้หน้า คนไทยที่ต้องการดูและชมสิ่งที่มีคุณค่า ทั้งยังเป็นการแสดงความอหังกา โอหังแบบนักเลงโตว่าในแผ่นดินนี้มีแต่พวกตนเองเท่านั้นที่ใหญ่ที่สุดจึงสามารถกระทำอะไรก็ได้ตามแต่ใจชอบ

นอกจากเรื่องที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับรัฐบาลแล้ว ยังมีเรื่องอื่นที่อยู่ในกระแสการเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกันอีก 3 เรื่อง คือ เรื่องมวลเสื้อแดงใส่เสื้อที่เขียนข้อความและมีสัญลักษณ์เทิดทูน บูชาทักษิณและยิ่งลักษณ์ เพื่อร่วมถวายพระพรในวันที่ 5 ธันวาคม ณ บริเวณท้องสนามหลวง เรื่องการพบระเบิดวางหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล วันที่ 6 ธ.ค. และ เรื่อง อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแถวหน้าของลัทธิแดงออกมามอบตัว วันที่ 7 ธ.ค.

ทิศทางการกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระยะนี้ เป็นการแสดงออกถึงความมั่นใจของบรรดาแกนนำแถวหน้าของลัทธิแดงโดยเฉพาะผู้ที่ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลว่าพวกตนได้กระชับอำนาจในมืออย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ส่งผลให้การกระทำต่างๆ ของพวกเขามีลักษณะไม่สนใจความเหมาะสม ไม่สนใจกาลเทศะ ไม่แยแสความรู้สึกของผู้คน แต่กลับกระทำไปด้วยท่าทางอาการเหิมเกริม แฝงด้วยการลบหลู่ ผสานท่วงทำนองแห่งการเย้ยหยัน เหยียดหยาม หมิ่นน้ำใจ และท้าทายคนไทยผู้จงรักภักดีต่อสถาบัน

พวกเขาคงจะเปิดแนวรุกรอบด้าน ด้านการเคลื่อนไหวทางวิชาการและทางสากล แกนนำลัทธิแดงเสรีนิยมสุดขั้ว (ultraliberal redism) จะอาศัยข้อเสนอของพวกนิติราษฎร์และกรณีนายอำพล เป็นตัวขับเคลื่อนในนามของ “ประชาธิปไตยสมบูรณ์ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามใจปรารถนา และสิทธิมนุษยชน” เพื่อทำลายความชอบธรรมของฝ่ายที่เขาเห็นว่าเป็นปรปักษ์ ด้านรัฐบาล สภาผู้แทนราษฎร และแกนนำลัทธิแดงสาวกทุนสามานย์นิยมทักษิณ เคลื่อนไหวประสานกันเพื่อผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณ

การกระทำผิดปกติที่เกิดขึ้นด้วยความถี่มากขึ้นในระยะนี้จึงสัญญาณบ่งบอกว่า ลัทธิแดงทุนสามานย์ประชานิยมแบบสุดขั้ว กำลังเปิดเกมรุกทางการเมืองอย่างรอบด้าน แผนปฏิบัติการทางการเมืองของพวกเขากำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นกระบวนการ และในไม่ช้าเราก็คงจะเห็นสัญญาณเหล่านี้ทยอยปรากฏออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น และยิ่งสัญญาณเหล่านี้มีมากขึ้น ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าวันเวลาแห่งการปะทะกันกำลังเดินใกล้เข้ามาทุกขณะ

กำลังโหลดความคิดเห็น