xs
xsm
sm
md
lg

ฟัน"สุพจน์"แจ้งความเท็จมั่นใจ"ไอ้โก้"ได้เงินไปกว่า100ล.-ปูดพิรุธนักการเมืองต่างค่ายจ้างปล้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- กมธ.วุฒิฯติดใจคดีปล้น“สุพจน์”ยัดเงินทีหลัง“รสนา” ชี้พิรุธอาจมีนักการเมืองต่างค่ายจ้างปล้น“คำนูณ”แนะรัฐรื้อโครงการสอบโกงย้อนหลัง “เหลิม”เผยเบรกสั่งค้นบ้าน 3 นักการเมืองไม่เชื่อมีสอดไส้เงิน"ภาณุพงศ์"ชี้ดูจากเจตนา หาก"สุพจน์"กลับมาบ้าน และรู้เงินใดหาย เชื่อจะไม่มีการแจ้งความแน่นอน มั่นใจเงินของกลางที่อยู่กับ "นายโก้" ไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน ส่วนผู้เสียหายอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้ ขณะที่ "สุพจน์" ให้ปากคำตำรวจยันเงินถูกปล้นแค่ 5 ล้านบาท

วานนี้( 8 ธ.ค. )ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา โดยมี น.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธาน กมธ.เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งได้เชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. เข้าชี้แจง กรณีคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

**"รสนา"ตั้งข้อสังเกตยัดเงินเพิ่ม

โดย น.ส.รสนา พยายามถามย้ำหลายครั้งถึงความคืบหน้าทางคดีว่า จะเชื่อได้อย่างไรว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินของนายสุพจน์จริง และจะมีกรณีการยัดเงินเข้ามาในภายหลังหรือไม่ เพราะมีการมองว่า การปล้นครั้งนี้ เป็นการปล้นทางการเมือง ที่ต้องการแฉ และใส่ร้ายกัน รวมทั้งความเป็นไปได้หรือไม่ ที่มีการปล้นเงินไปส่วนหนึ่ง และนำเงินอีกส่วนหนึ่งเข้ามาผสม เนื่องจากคดีนี้ทำท่าจะกลายเป็นว่า เจ้าทุกข์ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเสียเอง ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ตรงนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีวิธีการพิสูจน์อย่างไรว่าจะไม่มีการใส่ร้าย และยัดเงินในภายหลัง เพราะมีการมองว่า นักการเมืองอีกค่ายสั่งมาให้ปล้นหรือไม่

** "คำนูณ"แนะสอบทุจริตย้อนหลัง5ปี

ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะ กมธ.ได้เสนอความเห็นว่า รัฐบาลควรถือโอกาสนี้ ยกเป็นวาระที่จะปราบปรามการคอร์รัปชันอย่างจริงจัง ซึ่งตนเสนอให้รัฐบาลตรวจสอบโครงการที่ส่อว่าจะทุจริตย้อนหลังไป 5 ปี ในกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม ที่คนในสังคมก็ทราบกันดีว่า ทำไมถึงเป็นกระทรวงเกรด เอ จึงขอเสนอให้ กมธ.พิจารณาเสนอเป็นญัตติหารือในที่ประชุมวุฒิสภา และขอความร่วมมือให้นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมรับฟัง และชี้แจงต่อสมาชิกวุฒิสภา

**"เหลิม"ปูดจะค้นบ้าน 3 นักการเมือง

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า กระทรวงคมนาคม เป็นกระทรวงทองฝังเพชร และจะต้องตามจับผู้ต้องหาอีก 3 ราย ส่วนจะได้เมื่อไรนั้น ตนก็ตอบไม่ได้เช่นกัน เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คน น่าจะเป็น คนขับรถขนเงิน และ คนใช้ในบ้านของปลัดกระทรวงคมนาคม

ทั้งนี้ ตนเคยจะสั่งการให้เข้าไปค้นบ้านนักการเมือง 3 คน แต่ที่ตนไม่ทำ เพราะเกรงว่า คนจะมองว่าตนบ้าอำนาจ ซึ่งมีบ้านนักการเมืองหนึ่งหลัง ในปี 2539 เคยมาขอยืมเงินลูกชายคนโตของตน จำนวน 30 ล้านบาท และอีกหนึ่งหลัง เป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิด เคยอยู่ในพรรคไทยรักไทย กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และในขณะนี้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่อีกหนึ่งหลัง ตนไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะน่าจะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว

" คดีอาชญากรรมต้องสืบจากศพ คดีเศรษฐกิจต้องสืบจากเงิน วันนี้นายสุพจน์ เดินไปไหนก็ต้องอึ้ง เพราะตอบคำถามใครไม่ได้ว่า ทำไมถึงมีเงินจำนวนมากขนาดนี้ อย่าว่าแต่ข้าราชการเลย นักการเมืองหลายคนชอบเก็บเงินไว้ในบ้าน บางคนเก็บไว้จนแมลงสาบตายหมด เพราะเหม็นกลิ่นแบงก์ ต้องพุ่งเป้าตรวจสอบไปที่นักการเมืองที่มีโครงการเยอะๆ อย่างการประชุม ครม. 900 นาที ผ่าน 311 วาระรวด สั่งซื้อเครื่องบินที 70-80 ลำ โดยเฉพาะงบของกรมทางหลวง อาทิ ถนนปลอดฝุ่น" ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ข้อสังเกตของน.ส.รสนา ที่ระบุว่า อาจมีการยัดเงินในภายหลังนั้น เป็นไปไม่ได้ ไม่ตรงกับหลักความเป็นจริง เพราะคนพวกนี้ไม่มีศักยภาพเพียงพอ คนพวกนี้ทำได้ก็แต่เบียดบังเงินของกลางไป

** เรียกร้อง"โก้"มอบตัว

สำหรับคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ในส่วนของคดีปล้นทรัพย์ ถือว่าสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนจะมีการทุจริตหรือไม่นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบอยู่ ถ้าหากได้ตัวนายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือ นายโก้ ก็จะสามารถเชื่อมโยงได้หมด เพราะถือว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ

" ถ้านายโก้ไม่มั่นใจในความปลอดภัย ผมก็พร้อมจะเดินทางไปรับตัวด้วยตัวเอง จะเป็นที่ จ.หนองคาย ก็ได้ ส่วนข้อสังเกตที่ว่า นักการเมืองถึงจะอยู่คนละพรรค แต่อาจซูเอี๋ยกันนั้น ยอมรับว่า ในทางการเมือง ส.ส.ก็ปรับเปลี่ยนไปอยู่คนละพรรคได้ แต่คดีนี้ไม่มีวันแปรเปลี่ยน เพราะหลักฐานชัดเจน บอกได้แค่ว่า มันจบแล้วครับนาย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

**ตร.ระบุไม่มีอำนาจค้นบ้านสุพจน์

ด้าน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ชี้แจงว่า ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบว่าเงินจำนวนนี้มาได้อย่างไร และมีจำนวนเท่าไรกันแน่ ที่เข้าไปตรวจสอบ เพราะได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย ซึ่งตนก็นึกว่าถูกปล้นจริงๆดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้แต่เก็บรวบรวมพยาน หลักฐานในที่เกิดเหตุ และมีการถ่ายรูปในที่เกิดเหตุไว้หมด แต่เราไม่มีอำนาจไปรื้อค้นบ้าน ตรวจสอบได้แต่ของกลาง และทรัพย์สินที่เสียหายเท่านั้น เพราะหากทรัพย์สินอื่นสูญหาย เราก็ต้องรับผิดชอบ

ทั้งนี้ จากคำให้การ และหลักฐานในที่เกิดเหตุพบว่า ยังมีกระเป๋าอีก 3 ใบในที่เกิดเหตุ ซึ่งคนร้ายได้เอาไป 1 ใบ และจากการสืบสวนคนร้ายให้การว่า กระเป๋าใบนั้น มีเงินประมาณ 20 ล้านบาท และยังมีอีก 2 ใบใหญ่ ที่ไม่ได้ถูกรื้อค้น ซึ่งก็คาดการณ์ว่าน่าจะมีเงินในปริมาณเท่าๆ กัน และในตอนแรกเราก็ไม่พบพิรุธ เพราะมีการแจ้งว่า ถูกปล้นไป 7 แสนบาท แต่พอมาเพิ่มยอดทีหลัง จึงรู้สึกว่าผิดปกติ ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรม และทำงานไปตามระบบ เราไม่สามารถเบี่ยงเบนคดีได้ ส่วนจะมีการนำเงินไปยัดในภายหลังหรือไม่ คนพวกนี้ไม่มีปัญญาทำ ส่วนเงินของกลางที่อยู่กับ นายโก้ คาดว่าขนไปไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากเจตนาแล้ว ถ้านายสุพจน์ กลับมาบ้าน และได้สำรวจทรัพย์สิน และหลักฐานที่คนร้ายรื้อคนในบ้าน ตนเชื่อว่าจะไม่มีการแจ้งความแน่นอน แต่ขณะนั้นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าคนร้ายมุ่งที่จะมาเอาเงินในส่วนนี้ เมื่อได้รับแจ้งจากคนใช้ที่โทรศัพท์บอก ก็ต้องนึกถึงตำรวจไว้ก่อน แต่คงไม่คิดว่าจะเป็นเงินส่วนนี้

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า ทางเจ้าพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ในหลายส่วน แต่ที่ยังไม่ตรงคือ ยอดของทรัพย์สิน เพราะผู้เสียหายไม่ได้ให้ข้อเท็จจริง ทางตำรวจจึงต้องสืบเอาจากพยานหลักฐานแวดล้อม และปากคำผู้ต้องหา ซึ่งกรณีนี้ผู้เสียหาย อาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้ แต่ส่วนจะมีการทุจริตหรือไม่ ก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสอบสวนกันอยู่ ทางตำรวจก็ได้ประสานไปยังปปง. และป.ป.ช. ให้ดำเนินการในส่วนที่ตำรวจไม่ได้มีอำนาจ

*** "สุพจน์" ยันเงินถูกปล้นแค่ 5 ล้าน
 

เมื่อเวลา 19.00น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง ได้เดินทางเข้าพบนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมคมนาคม ที่ห้องพักชั้นที่ 47 ของโรงแรมดังกล่าวเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีที่คนร้ายบุกปล้นบ้านพักนายสุพจน์ เมื่อกลางดึกวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาในการเข้าพบนานประมาณ 2 ชั่วโมง

ภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น พล.ต.ต.สุธีร์ ได้กล่าวว่า การเข้าพบนายสุพจน์เพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับคดีเพิ่มเติมโดยเฉพาะในส่วนทรัพย์สินที่หายไป ส่วนที่ต้องเดินทางมาสอบปากคำที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เนื่องจากนายสุพจน์ ให้เหตุผลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าติดประชุมที่โรงแรมจึงต้องเดินทางมาสอบปากคำที่นี่เพื่อความสะดวก ซึ่งทางด้านนายสุพจน์ยังยืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ว่าจำนวนเงินที่หายไปมีทั้งหมด 5 ล้านบาทเหมือนครั้งแรกที่ได้เข้าแจ้งความ

ขณะที่จำนวนเงินที่รวบรวมได้จากคนร้ายมีทั้งสิ้น 18.1 ล้านบาท ซึ่งเกินจำนวนที่นายสุพจน์ยืนยันนั้น จะมีการสืบสวนสอบสวนในส่วนของคนร้ายที่สามารถจับกุมมาได้ว่าจำนวนเงินที่เกินมานั้นได้มาอย่างไร จากที่ใดกันแน่

พล.ต.ต.สุธีร์ กล่าวอีกว่า ส่วนจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้จากคนร้ายขณะนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการอายัดไปตรวจสอบที่มาทั้งหมดแล้ว ส่วนเงินที่เกินจาก 5 ล้านนั้นทางตำรวจก็มีขั้นตอนในการดำเนินการสอบสวน มีขบวนการจัดการอยู่แล้ว ส่วนจะมีการสอบปากคำนายสุพจน์ เพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้นจะต้องกลับมาดูก่อนว่ามีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับนายสุพจน์อีกหรือไม่ ถ้ามีประเด็นที่เกี่ยวข้องก็คงต้องมีการสอบเพิ่มเติมอีก
"ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบในคดีจะทำงานในคดีนี้อย่างละเอียดรอบคอบรัดกุม เนื่องจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. ได้กำชับมาเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ " พล.ต.ต.สุธีร์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น