"ผมเคยเป็นสารวัตรกองปราบ เขียนสำนวนมานับไม่ถ้วน ไม่มีใครรู้ดีเท่าผม"
นั่นคือคำพูดของ"ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง"รองนายกรัฐมนตรี ที่นำมาพูดในแทบทุกครั้ง ของการให้สัมภาษณ์ เกี่ยวกับคดีความต่างๆว่า ไม่มีใครรู้ดีเท่าเขา โดยยกอดีตครั้ง เป็นสารวัตรกองปราบ มาการันตี ความ เก่ง กาจ ของตนเอง จนประชาชนฟังแล้ว เบื่อ!
วันนี้"ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง"เขาคือ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหากเราย้อนดูคำพูดของเขา ใน 5 คดีสำคัญ พบว่า"เป็ดเหลิม วันนี้ ไม่ต่างจาก เหลิม ดาวเทียม"ในอดีต
00...เริ่มจากคำพูดคดีปล้นบ้าน"สุพจน์ ทรัพย์ล้อม"
29 พ.ย.54 เขาพูดว่า "คดีการปล้นเงินในบ้านของนายสุพจน์ เกี่ยวพันกับการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวแน่นอน โดยขณะนี้ได้รับรายงานจากประเทศลาว ว่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการจับกุมตัวนายวีระศักดิ์ เชื่อลี หรือ โก้ หัวหน้าแก๊งปล้นเงินที่นำเงินหลบหนีไปอยู่ในประเทศลาวเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเงินของกลางยังอยู่ในประเทศไทยแน่นอน แต่อาจมีการแลกเงินไปต่างประเทศผ่านโพยก๊วนซึ่งในเมืองไทยมีผู้ทำเรื่องนี้อยู่ประมาณ 9 ราย และมีนักการเมืองเข้าไปพัวพันด้วย เชื่อ ป.ป.ช.และ ป.ป.ง.จะสอบสวนตามเรื่องจากทรัพย์สินน่าจะได้ข้อมูลไม่มากก็น้อย"
8 ธ.ค.54 เขาพูดตอบคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภาว่า"คดีดังกล่าวจำเป็นต้องตามจับผู้ต้องหาอีก 3 ราย คือ คนขับรถ, คนขนเงิน และคนใช้ในบ้านของนายสุพจน์ อย่างไรก็ตามตนไม่สามารถตอบได้ว่าจะตามจับได้เมื่อใด ส่วนตัวมองว่าขณะนี้มีนักการเมืองหลายคนชอบเก็บเงินไว้ในบ้าน จนแมลงสาบตายเพราะเหม็นกลิ่นธนบัตร ดังนั้นต้องพุ่งเป้าตรวจสอบนักการเมืองที่ดูแลโครงการจำนวนมาก โครงการถนนปลอดฝุ่น และคณะรัฐมนตรีที่มีการประชุม จำนวน 900 นาที ผ่าน 311 วาระรวด และการสั่งซื้อเครื่องบิน 70-80 ลำ เป็นต้น แต่คดีนี้ผมยืนยันว่าไม่มีเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน วันนี้บอกได้แค่ว่ามันจบแล้วครับนาย"
00...คดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ
7 ธ.ค.54 "คุณอภิสิทธิ์ เข้าใจผิด ว่า ผมไปแทรกแซง ว่าผมไปสั่งว่าผมไปชี้นำ ไม่ใช่ คุณรับรู้ไว้คุณอภิสิทธิ์ คนชี้นำให้สอบสวนคุณกับคุณสุเทพ คือ พนักงานอัยการที่เขาร่วมสอบสวนชันสูตรพลิกศพ ที่คุณมาบอกว่าผมทำเพื่อเอาใจคนหนึ่งคนใด คุณเข้าใจผิดอีก ผมเอาใจสุจริตชนทั้งประเทศ อาจจะไม่พอใจผม ก็แล้วแต่คุณคิด แต่ผมไม่ทำอย่างนั้น พร้อมได้พูดทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้เป็นการตายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เดี๋ยวตำรวจเขาจัดการเอง"
00...คดีวางระเบิดใกล้กองสลาก
คดีนี้อดีตสารวัตรเหลิม รู้ดีมาก โดยเขาพูดว่า..."เป็นแค่การสร้างความปั่นป่วนให้บ้านเมืองเพียงเท่านั้น ขณะนี้ทราบเบาะแสคนร้ายแล้ว โดยมีขบวนการ 7-8 คน ซึ่งผู้ที่วางแผนจะมีลักษณะมือสั่น เป็นอาการของโรคพาร์กินสัน โดยจะนัดประชุมวางแผนกันที่ภัตตาคารอาหารจีนย่านสุขุมวิท ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นพวกกลุ่มการเมืองเก่า มีความพยายามที่จะใส่ร้ายกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต่านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เนื่องจากมีการนำเสื้อแดงไปยัดใส่ในกระเป๋าที่ซุกระเบิดแสวงเครื่อง และต้องการที่จะแย่งเนื้อที่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้น ไอ้กลุ่มพวกนี้เมื่อก่อนก็ชอบไปยุ่งกับคณะปฏิวัติ แต่เมื่อหลังการปฏิวัติแล้วได้เข้าไปทำงานในรัฐสภา ไอ้พวกแก๊งอัปรีย์ก็กลับมาหันมาด่าคณะปฏิวัติ โดยการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงธุรกิจท่องเที่ยว ส่วนที่หนังสือพิมพ์บอกว่ามีหลักฐานทำไมตำรวจไม่จับกุม ตรงนี้ไม่มีหลักฐานแต่เรารู้กันว่าใครทำ แต่ถ้ามีหลักฐานเมื่อไหร่จะจับทันที"
00...คดีสังหารนายชุติเดช สุวรรณกิจ คนสนิทนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์
12 ธ.ค.54 เฉลิม พูดว่า.."ได้คุยกับทางตำรวจ และเขาได้แบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ 1. ความขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนตัว และ 2. เรื่องการเมือง ตนได้บอกว่าให้ดูประเด็นให้รอบคอบ เพราะบางครั้งมันมีมือที่สามก่อให้เกิดความเข้าใจผิด แต่เรื่องนี้คาดว่าไม่น่ายากต่อการจับกุม ในฐานะที่ตนเป็นพนักงานสอบสวนเก่า รูปแบบการยิงในคดีนี้ เป็นแบบเจ็บแค้นชิงชัง โกรธเคืองส่วนตัว ถ้าทางการเมืองก็แค่ยิงให้ตาย ถ้ายิงแบบโหดร้ายทารุณ ยิงปาก อะไรต่ออะไร เหตุจะเกิดจากอะไรตนไม่ทราบ ตำรวจกำลังทำงานอยู่"
00...ปิดท้ายที่คดีสังหาร เสธ.แดง
12 ธ.ค.54 เฉลิม เปิดประเด็นใหม่ว่า..."ขอย้ำอีกครั้งว่า ไอ้ชายชุดดำที่มีคนชอบอ้าง คือตำรวจ แล้วใส่ชุดดำ ลูกสาว เสธ.แดง ไม่เชื่อก็แล้วไป คนยิง เสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) คือตำรวจ ผมกำลังจะทำเรื่องนี้ต่อ อายุความ 20 ปี มีตำรวจมาจากภาคอีสาน ยศนายพล ผู้กำกับ พ.ต.ท. ชั้นประทวน และมีตำรวจส่วนกลางยศ พล.ต.ท.ตอนออกมาให้สัมภาษณ์เป็นการวางแผนล่อ เสธ.แดง ให้ออกมาเข้าคิลลิ่งโซน แล้วยิงด้วยสไนเปอร์ แล้วที่ไหนมันมีสไนเปอร์บ้าง ผมรู้ ที่ผมออกมาชี้เบาะแส ก็หวังให้บ้านเมืองมันดีขึ้น อย่างน้อยๆมันก็จะได้ไม่คิดชั่ว โดยเฉพาะไอ้พาร์กินสัน คนแก่ชอบเด็ก กลางวันไปกินข้าวที่บ้านแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท เป็นอดีตข้าราชการค่อนข้างสูงหน่อย และมีไอ้นักพูด พูดจนไม่มีคนฟัง เป็นตัวผสมโรง พยายามยุแยงตะแคงรั่ว พอตกเย็นก็มาทานข้าวที่โรงแรมดุสิตธานี ห้องเมลฟลาวเวอร์ ไปปรับทุกข์ผูกมิตรกันตรงนั้น บนโต๊ะก็ต้องด่าผมเป็นตัวตั้ง หาว่ารู้ทัน ก็มันรู้กันอยู่ ที่ผมพูดไม่ได้ข่มขู่ แต่ขอร้องเถอะอย่าทำเลย ก็คุณทำจนปฏิวัติไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่ให้คุณเป็นอะไร แล้วพอเขาไม่ให้คุณเป็นอะไร คุณก็ไปด่าเขาในสภาอีก แต่งานนี้คุณพยายามทำผิด ผมก็พยายามจับ"
จากหลักฐาน คำพูด จา ภาษา เหลิม...ใน 5 คดีข้างต้นที่ยกมาให้เห็นกันชัดๆ...แน่นอน แต่ละคดีเฉลิม พูดเอาแต่ได้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองเพียงฝ่ายเดียว ขณะที่คดียังไม่มีความคืบหน้า และไร้ซึ่งหลักฐานที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่เขากล่าวหา ดังนั้น"เฉลิม อยู่บำรุง"วันนี้ จึงไม่ต่างจาก"เฉลิม อยู่บำรุง"ในอดีต...ที่ชอบพูด ขี้โม้ คุยโว โอ้อวด!