ASTVผู้จัดการรายวัน-หุ้นไทยลง 3.49 จุด ต่างชาติ ซื้อสุทธิ 1.9พัน ล้านบาท จากแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นมาสูง ด้านโบรกเกอร์มอง ปัจจัยเรื่องน้ำท่วมได้ผ่านไปแล้วขณะที่ เศรษฐกิจดูจะมีการฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง เชื่อปีหน้าเศรษฐกิจไทยน่าจะมีการฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่ไตรมาส 4/54 อ่อนแอที่สุดจากน้ำท่วม คาดวันนี้ดัชนีจะมี upside จำกัด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(8 ธ.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 1,043.24 จุด ลดลง 3.49 จุดหรือ-0.33%มูลค่าการซื้อขาย 30,662.61 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,051.77 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันที่ 1,039.62 จุด ภาพรวมเคลื่อนไหว แกว่งตัวมาเทรดในกรอบแนวต้าน 1,050 จุด ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อ่อนลงเล็กน้อย
โดยวานนี้ นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ1,906.37ล้านบาท เช่นเดียวกับ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ที่ซื้อสุทธิ 652.00 ล้านบาท ส่วนสถาบัน ขายสุทธิ 1,066.65 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,491.81 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 225 หลักทรัพย์ ลดลง 236 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 161 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,803.07 ล้านบาท ปิดที่ 66.25 บาท ลดลง 0.25 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,692.99 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท ลดลง 1.50 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,410.94 ล้านบาท ปิดที่ 15.80 บาท ลดลง 0.30 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,235.91 ล้านบาท ปิดที่ 325.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,096.85 ล้านบาท ปิดที่ 32.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
ด้านตลาดหุ้นในต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดในแดนลบที่ 57.59 จุด หรือ 0.66% แตะที่ 8,664.58 จุด ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง 11.80 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 4,280.70 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตขยับลง 2.91 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 2,329.82 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นลบ 25.73 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 9,580.52 จุด ดัชนีฮั่งเส็งลบ 132.77 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 19,107.81 จุด
ด้าน นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวานนี้แกว่งตัวในกรอบที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วที่ 1,040-1,050 จุด ซึ่งในระหว่างเทรดพอปรับตัวลงก็มีแรงรับเข้ามา โดยการปรับตัวลงของตลาดฯในระหว่างเทรดมองว่าเป็นเพียงแค่การ take profit ธรรมดา หลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งการเคลื่อนไหวของตลาดบ้านเราก็คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่มีการแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ แต่ส่วนใหญ่จะแกว่งในแดนลบมากกว่า ทั้งนี้ ตลาดฯยังคงรอผลการประชุมผู้นำในยุโรปที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดฯก็มองว่าน่าจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรปออกมา
สำหรับปัจจัยในประเทศในเรื่องของน้ำท่วมก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ปัจจัยการเมืองก็ไม่ได้มีอะไรมากระทบ ขณะที่เศรษฐกิจดูจะมีการฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง ภาพโดยรวมของไทยจะเห็นได้ว่าสิ่งเลวร้ายได้ผ่านไปแล้ว ดังนั้นจึงมองปีหน้า(2555)เศรษฐกิจไทยน่าจะมีการฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่ไตรมาส 4/54 ก็น่าจะอ่อนแอที่สุด อันเป็นผลจากน้ำท่วม
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวโดยเทรดในกรอบแนวต้าน 1,050 จุด ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลงเล็กน้อย เป็นลักษณะของการ take profit ธรรมดา ซึ่งช่วงนี้ตลาดฯเล่นตาม Sentiment โดยโฟกัสไปที่ปัญหาหนี้ในยุโรปเป็นหลัก
ขณะนี้ประเด็นที่ติดตามอยู่คือกรณีที่อียูอาจจะเพิ่มกองทุนราว 5 แสนล้านยูโร จึงทำให้ตลาดฯปรับตัวขึ้นด้วยการอิงปัจจัย Positive ดังกล่าว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลงชัดเจน เพราะปัญหาหนี้ยังคงอยู่และเศรษฐกิจยังชะลอตัว เพียงแต่ Sentiment เอื้อเท่านั้น ทั้งนี้ หากภายหลังอียูประกาศแผนแก้ไขปัญหาหนี้แล้ว สิ่งที่น่ากังวลคือ Sell on fact ไม่ว่าจะมีมาตรการหรือไม่มีมาตรการก็ตาม เพราะตลาดฯปรับตัวขึ้นมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเรายังน่าจะมีลุ้นรับแรงซื้อจากองทุน LTF-RMF ได้บ้าง ทำให้แนวโน้มการลงทุนวันนี้(9. ธ.ค.) คาดว่า ตลาดฯคงจะมี upside จำกัดแล้ว โดยมองแนวต้านที่ 1,050 จุด แนวรับ 1,040-1,025 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(8 ธ.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 1,043.24 จุด ลดลง 3.49 จุดหรือ-0.33%มูลค่าการซื้อขาย 30,662.61 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,051.77 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันที่ 1,039.62 จุด ภาพรวมเคลื่อนไหว แกว่งตัวมาเทรดในกรอบแนวต้าน 1,050 จุด ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่อ่อนลงเล็กน้อย
โดยวานนี้ นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ1,906.37ล้านบาท เช่นเดียวกับ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ที่ซื้อสุทธิ 652.00 ล้านบาท ส่วนสถาบัน ขายสุทธิ 1,066.65 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,491.81 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 225 หลักทรัพย์ ลดลง 236 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 161 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,803.07 ล้านบาท ปิดที่ 66.25 บาท ลดลง 0.25 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,692.99 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท ลดลง 1.50 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,410.94 ล้านบาท ปิดที่ 15.80 บาท ลดลง 0.30 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,235.91 ล้านบาท ปิดที่ 325.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,096.85 ล้านบาท ปิดที่ 32.25 บาท ลดลง 1.00 บาท
ด้านตลาดหุ้นในต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดในแดนลบที่ 57.59 จุด หรือ 0.66% แตะที่ 8,664.58 จุด ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง 11.80 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 4,280.70 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตขยับลง 2.91 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 2,329.82 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นลบ 25.73 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 9,580.52 จุด ดัชนีฮั่งเส็งลบ 132.77 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 19,107.81 จุด
ด้าน นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวานนี้แกว่งตัวในกรอบที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วที่ 1,040-1,050 จุด ซึ่งในระหว่างเทรดพอปรับตัวลงก็มีแรงรับเข้ามา โดยการปรับตัวลงของตลาดฯในระหว่างเทรดมองว่าเป็นเพียงแค่การ take profit ธรรมดา หลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นไปมากในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งการเคลื่อนไหวของตลาดบ้านเราก็คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่มีการแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ แต่ส่วนใหญ่จะแกว่งในแดนลบมากกว่า ทั้งนี้ ตลาดฯยังคงรอผลการประชุมผู้นำในยุโรปที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ซึ่งตลาดฯก็มองว่าน่าจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรปออกมา
สำหรับปัจจัยในประเทศในเรื่องของน้ำท่วมก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ปัจจัยการเมืองก็ไม่ได้มีอะไรมากระทบ ขณะที่เศรษฐกิจดูจะมีการฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง ภาพโดยรวมของไทยจะเห็นได้ว่าสิ่งเลวร้ายได้ผ่านไปแล้ว ดังนั้นจึงมองปีหน้า(2555)เศรษฐกิจไทยน่าจะมีการฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่ไตรมาส 4/54 ก็น่าจะอ่อนแอที่สุด อันเป็นผลจากน้ำท่วม
นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวโดยเทรดในกรอบแนวต้าน 1,050 จุด ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลงเล็กน้อย เป็นลักษณะของการ take profit ธรรมดา ซึ่งช่วงนี้ตลาดฯเล่นตาม Sentiment โดยโฟกัสไปที่ปัญหาหนี้ในยุโรปเป็นหลัก
ขณะนี้ประเด็นที่ติดตามอยู่คือกรณีที่อียูอาจจะเพิ่มกองทุนราว 5 แสนล้านยูโร จึงทำให้ตลาดฯปรับตัวขึ้นด้วยการอิงปัจจัย Positive ดังกล่าว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยนแปลงชัดเจน เพราะปัญหาหนี้ยังคงอยู่และเศรษฐกิจยังชะลอตัว เพียงแต่ Sentiment เอื้อเท่านั้น ทั้งนี้ หากภายหลังอียูประกาศแผนแก้ไขปัญหาหนี้แล้ว สิ่งที่น่ากังวลคือ Sell on fact ไม่ว่าจะมีมาตรการหรือไม่มีมาตรการก็ตาม เพราะตลาดฯปรับตัวขึ้นมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเรายังน่าจะมีลุ้นรับแรงซื้อจากองทุน LTF-RMF ได้บ้าง ทำให้แนวโน้มการลงทุนวันนี้(9. ธ.ค.) คาดว่า ตลาดฯคงจะมี upside จำกัดแล้ว โดยมองแนวต้านที่ 1,050 จุด แนวรับ 1,040-1,025 จุด