บลจ.ไอเอ็นจี มั่นใจตลาดหุ้นไทยไปต่อได้ แม้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายจะได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย คาดงบฟื้นฟูรวมถึงการกระตุ้นรอบใหม่จะผลักดันให้เศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง พร้อมแนะนักลงทุนกองทุนประหยัดภาษีลงทุนใน ING LTF-RMFพร้อมรับ Money Cash Back
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในขณะนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพราะนักลงทุนจะได้ลงทุนในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการปรับฐาน หรือมีต้นทุนในการลงทุนที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงกลางปีที่ผ่านมา อีกทั้งช่วงปลายปีดัชนีราคาหุ้นมักจะปรับตัวสูงขึ้น โดยจะเห็นได้จากการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคมตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนจนถึง 24 พฤศจิกายน 2554 ในขณะที่ทั่วโลกมีปัจจัยลบจากปัญหาการแก้ปัญหาหนี้ในกลุ่มยุโรป และการที่ตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ประกาศรอบแรกออกมาต่ำกว่าที่คาด ทำให้ตลาดหุ้นหลักๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็น DowJones (สหรัฐฯ) CAC40 (ฝรั่งเศส) DAX (เยอรมัน) และ MSCI Asia ex-Japan (เอเซียไม่รวมญี่ปุ่น) ล้วนปรับตัวลดลง -5.83% -12.96% -11.13% และ -10.55% ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนี SET Index (ตลาดหุ้นไทย) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.29%
ในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงจนทำให้คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 จะมีโอกาสติดลบ จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 2554 ขยายตัวได้ในราว 2.6% จากการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็น่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้น โดยในระยะยาวการเติบโตของเศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งได้ในปี 2555 คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตได้ในราว 4.1% ขณะที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าในปีหน้า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ถึง 5% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการกระตุ้นการลงทุน รวมถึงการซ่อมสร้าง ฟื้นฟู และการอุปโภคบริโภคหลังน้ำท่วม
นายต่อ กล่าวอีกว่า นอกจากนักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการต้นทุนการลงทุนที่ต่ำแล้ว การลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ผู้ลงทุนจะได้ประโยชน์จากการนำเงินลงทุนมาลดหย่อนทางภาษี และในปีนี้ทาง บลจ.ไอเอ็นจี ได้จัดแคมเปญ ING LTF&RMF Money Cash Back ซึ่งนักลงทุนที่ซื้อกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ 5 และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ทุกกองทุนบริษัทฯ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 ธันวาคม 2554 โดยมียอดสะสมทุกๆ 50,000 บาท จะได้รับเงินสด (Cash Back) มูลค่า 300 บาท ส่วนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ออมทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย พันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ จะได้รับ Cash Back มูลค่า 100 บาทสำหรับยอดการลงทุนทุกๆ 50,000 บาท โดยไม่ต้องลุ้นเพื่อรับสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากแคมเปญ ING LTF&RMF Money Cash Back รวมถึงจังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นที่เหมาะสมแล้ว จุดเด่นของกองทุน LTF และ RMF ภายใต้การบริหารของ บลจ.ไอเอ็นจี ยังอยู่ที่การสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยจากการจัดอันดับผลการดำเนินงานของกองทุน LTF และ RMF ของบริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด (ข้อมูล ณ 30 ตุลาคม 2554, www.morningstarthailand.com) พบว่า กองทุนของ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้รับการจัดอันดับใน MorningStar Rating Overall ที่ระดับ 4 ดาว จำนวน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว และกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 152.77% 156.78% และ 146.71% ตามลำดับ เทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 133.64% (ข้อมูล ณ 28 ตุลาคม 2554, www.ingfunds.co.th)
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทุนรวมหุ้นระยะยาวและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพประเภทหุ้นทุนของ บลจ.ไอเอ็นจี สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี มาจากการติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด และมีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยอาศัยการจับจังหวะที่ดีเพื่อทำกำไร รวมถึงหลักทรัพย์คุณภาพที่เลือกลงทุนมีผลประกอบการที่ดีและมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดีอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ กองทุนของไอเอ็นจียังมีความหลากหลายและลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้สอดคล้องกับความต้องการหรือตามสภาวะการลงทุนในแต่ละช่วงได้” นายต่อกล่าว