xs
xsm
sm
md
lg

จบQ3กองทุนรวมหดตัว4.61% มอร์นิ่งสตาร์ฯแนะเก็บกองทุนภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มอร์นิ่งสตาร์ฯ เผยภาพรวมกองทุนรวมหดตัว 4.61% ชี้ไตรมาส 3 เผชิญความผันผวนเศรษฐกิจโลกหนัก จนฉุดผลตอบแทนกองทุนติดลบถ้วนหน้า โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศ ขณะที่ตราสารหนี้สวนทางเป็นบวก แนะนักลงทุน ปรับพอร์ตการลงทุน โดยกระจายการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้

บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ซ (ประเทศไทย) เปิดเผยรายงานสรุปภาพรวมกองทุนรวมไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่า การถูกลดอันดับเครดิตเรตติ้งของสหรัฐอเมริกาและปัญหาหนี้ในยุโรป ยังคงสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาส 3 ที่ผ่านมาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสองเดือนที่ผ่านมานั้นที่ความกังวลต่อปัญหาหนี้ในยุโรปเริ่มรุนแรงโดยเฉพาะกรณีของ กรีซ และอิตาลี ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลายประเทศที่ปิดบวกในช่วงครึ่งปีแรกกลับติดลบกันเป็นแถวเมื่อปิดไตรมาส 3 ตลาดหุ้นไทย ดัชนี (SET Index) ก็เช่นกันไม่สามารถรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ได้ จากที่ปิดบวกเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีแรกที่ 0.84% หรือในช่วงสิ้นสุดเดือนกรกฏาคมก็ยังคงปิดบวกที่ 9.76% แต่แล้วช่วงเวลาเพียงสองเดือนที่ผ่านมาก็กลับไปติดลบอย่างหนักที่ -19.17% ส่งผลให้ดัชนี (SET Index)ตั้งแต่ต้นปี ติดลบ -11.29% ซึ่งแรงเทขายส่วนใหญ่ยังคงมาจากกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap Stock)

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมกองทุนรวมในประเทศไทยตลอดปีที่ผ่านมาถือว่าไม่ค่อยดีเหมือนปีที่ผ่านๆมา โดยที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมตั้งแต่ต้นปีลดลง ประมาณ 90,000 ล้านบาท หรือ -4.61% จำนวนกองทุนก็ลดลงหายไปประมาณ 100 กว่ากองทุน ซึ่งสาเหตุหลักเป็นผลมาจากการครบกำหนดอายุของกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ตัวอย่างช่น กองทุนเกาหลี และ กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอื่นๆ เป็นต้น ที่ทยอยครบกำหนดไปจนเกือบหมด ซึ่งเฉพาะส่วนนี้ก็ประมาณแสนกว่าล้านบาท ประกอบกับการที่ธนาคารส่วนใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของหลายบลจ. ต้องการรักษาฐานเงินฝากจึงทำให้กองทุนไม่ค่อยได้ออกกองทุนใหม่ๆมารองรับเงินในส่วนนี้จึงทำให้เงินไหลกลับเข้าสู่ระบบเงินฝากของธนาคารเสียเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงผลกระทบบางส่วนจากการที่ผลตอบแทนลดลงค่อนข้างในกองทุนหุ้นซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยรวมลดลง ดังนั้นภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนปีนี้จึงติดลบตามตัวเลขดังกล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานของกลุ่มกองทุนประเภทต่างๆ ต้องเรียกว่าพบกับความยากลำบากกันแทบจะทุกประเภทสินทรัพย์ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เว้นเพียงแต่กองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่ยังที่ยังคงสร้างผลตอบแทนให้เป็นบวกได้แต่ก็ต้องบอกว่าบวกเพียงเล็กน้อยเฉลี่ย 0.6-0.7% ตามลักษณะของประเภทสินทรัพย์ ส่วนประเภทสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นตราสารทุน (หุ้น) ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ที่ผลตอบแทนเฉลี่ย -10.34% กองทุนหุ้นขนาดปานกลางถึงเล็ก -4.2%

ขณะที่กองทุนหุ้นต่างประเทศนั้นติดลบอย่างหนัก นำโดย กลุ่ม Emerging Market Equity ที่ -22.32% ตามมาด้วย กลุ่ม Asia Pacific ex-Japan Equity - 20.86% และ กลุ่ม Global Equity ที่ติดลบเฉลี่ยที่ -16.26% ส่วนกลุ่มตราสารหนี้ต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นกันโดยติดลบเฉลี่ยประมาณ - 2 -3% ทั้งกลุ่ม Emerging Market Bond และ Global Bond แต่ถ้าดูภาพรวมก็ถือว่ายังติดบวกเล็กน้อยที่เฉลี่ย 2.1% และ 0.88% ตามลำดับ

ขณะที่สินทรัพย์ทางเลือกอย่างเช่น ทองคำและน้ำมันก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ตัวอย่างเช่น กองทุนทองคำที่ก็ผันผวนอย่างมากเช่นกันในช่วงวิกฤต 2-3 เดือนที่ผ่านมา จากที่บางช่วงเคยทำผลตอบแทนสูงสุดถึงเฉลี่ย 31.89% แต่สุดท้ายกลับปิดไตรมาส 3 ที่บวกเฉลี่ย16.06% ตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ยังคงถือว่าโดดเด่นกว่าสินทรัพย์อื่นๆเมื่อดูภาพรวม ส่วนกองทุนน้ำมันนั้นซึ่งถือว่ามาแรงมากที่สุดในช่วงไตรมาส 1 เลยจนถึงสิ้นสุดเดือนเมษายน ซึ่งบวกเฉลี่ยถึง 19.65% ตอนนี้กลับมาติดลบอย่างหนักถึง -17.78% นับตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นไตรมาส 3

ทั้งนี้ มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ซ แนะนำการลงทุนในช่วงนี้ว่า ตลาดการลงทุนในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนอย่างมากในเกือบทุกประเภทสินทรัพย์ ดังนั้นอยากให้นักลงทุนปรับพอร์ตการลงทุนโดยกระจายการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ และประกอบกับการจัดพอร์ตให้หมาะสมกับช่วงอายุเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้ลงทุนหรือยังลังเลที่จะลงทุนในกองทุนรวม LTF และ RMF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีและออมเงินสำหรับเกษียณ ต้องบอกว่าช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดีเลยทีเดียว เนื่องจากนักลงทุนจะได้ซื้อของถูก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุน LTF ที่ติดลบเฉลี่ยประมาณ 8% ตั้งแต่ต้นปี หรือจะเป็นกองทุน RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้น (RMFEQ) ที่ก็ติดลบเฉลี่ยถึง 10.08% แต่นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นตัวเลขติดลบมากๆประกอบกับความผันผวนของตลาดแบบนี้แล้วก็เป็นกังวล ซึ่งก็ไม่แปลกที่คิดเช่นนั้น แต่ก็ต้องเน้นย้ำโดยเฉพาะกองทุน 2 ประเภทนี้ว่า ท่านต้องลงทุนเป็นระยะเวลายาวดังนั้นอย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ปัจจุบันมากนัก อีกทั้งท่านยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนดังกล่าวอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น