มหาสารคาม - ชมรมประธานสภาเกษตรกรภาคอีสาน เปิดเวทีเสวนาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน พบโรงสีที่เข้าร่วมโครงการหลายแห่งเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร โดยเฉพาะการตรวจวัดความชื้นและคุณภาพข้าว และเจ้าหน้าที่ อคส.ไม่เพียงพอ
ที่ห้องประชุมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม ชมรมประธานสภาเกษตรกรภาคอีสาน 20 จังหวัด ได้เปิดเวทีเสวนาโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2554/55 ของแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน โดยมีการค้าภายในจังหวัดมหาสารคาม เกษตรจังหวัดมหาสารคาม และผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดมหาสารคามเข้าร่วม
เบื้องต้นได้ข้อสรุปประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น จากการเปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือกของแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน รวม 3 ปัญหา คือ เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมในขั้นตอนการวัดค่าความชื้นและคุณภาพข้าว รวมถึงการหักสิ่งเจือปน ส่งผลให้เกษตรกรได้ราคารับจำนำต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ ยังพบว่าการออกใบประทวนเกิดความล่าช้าความล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และปัญหาด้านโครงสร้างที่พบว่าคณะกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ให้เกษตรกรได้ เนื่องจากหลังการเจรจาต่อรอง โรงสีมักจะไม่นำไปปฏิบัติ หรือปฏิบัติตามข้อเจรจา ขณะมีเจ้าหน้าที่ไปติดตามและตรวจสอบการรับจำนำเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นชมรมประธานสภาเกษตรกรภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัดมีความเห็นร่วมกันว่า รัฐบาลจะต้องจัดหาเครื่องตรวจวัดคุณภาพข้าวที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศให้แก่เกษตรกร ภายใต้การควบคุม กำกับดูแลของสภาเกษตรกรจังหวัดนั้นๆ และรัฐบาลจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรื่องของการออกใบประทวนให้เพียงพอ
ขณะที่ นายคงฤทธิ์ บัวบุญ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวราคาตันละ 16,000 บาท ซึ่งในระเบียบกำหนดให้เจ้าหน้าที่ อคส.เป็นผู้จ่ายใบประทวนให้เกษตรกรที่นำข้าวเปลือกมาจำนำ
จากนั้น ธ.ก.ส.จะรับจำนำใบประทวนและจ่ายเงินโดยการโอนเข้าธนาคารให้แก่เกษตรกรภายใน 3 วัน แต่ในทางปฏิบัติหลายจังหวัดไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเวลาที่กำหนด จึงได้มีการเปิดเวทีเสวนาครั้งนี้ เพื่อหาข้อสรุปประเด็นปัญหาและแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรต่อไป
ที่ห้องประชุมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม ชมรมประธานสภาเกษตรกรภาคอีสาน 20 จังหวัด ได้เปิดเวทีเสวนาโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2554/55 ของแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน โดยมีการค้าภายในจังหวัดมหาสารคาม เกษตรจังหวัดมหาสารคาม และผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จังหวัดมหาสารคามเข้าร่วม
เบื้องต้นได้ข้อสรุปประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น จากการเปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือกของแต่ละจังหวัดในภาคอีสาน รวม 3 ปัญหา คือ เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมในขั้นตอนการวัดค่าความชื้นและคุณภาพข้าว รวมถึงการหักสิ่งเจือปน ส่งผลให้เกษตรกรได้ราคารับจำนำต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ ยังพบว่าการออกใบประทวนเกิดความล่าช้าความล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และปัญหาด้านโครงสร้างที่พบว่าคณะกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ให้เกษตรกรได้ เนื่องจากหลังการเจรจาต่อรอง โรงสีมักจะไม่นำไปปฏิบัติ หรือปฏิบัติตามข้อเจรจา ขณะมีเจ้าหน้าที่ไปติดตามและตรวจสอบการรับจำนำเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นชมรมประธานสภาเกษตรกรภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัดมีความเห็นร่วมกันว่า รัฐบาลจะต้องจัดหาเครื่องตรวจวัดคุณภาพข้าวที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศให้แก่เกษตรกร ภายใต้การควบคุม กำกับดูแลของสภาเกษตรกรจังหวัดนั้นๆ และรัฐบาลจะต้องจัดเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรื่องของการออกใบประทวนให้เพียงพอ
ขณะที่ นายคงฤทธิ์ บัวบุญ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า นโยบายรัฐบาลกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวราคาตันละ 16,000 บาท ซึ่งในระเบียบกำหนดให้เจ้าหน้าที่ อคส.เป็นผู้จ่ายใบประทวนให้เกษตรกรที่นำข้าวเปลือกมาจำนำ
จากนั้น ธ.ก.ส.จะรับจำนำใบประทวนและจ่ายเงินโดยการโอนเข้าธนาคารให้แก่เกษตรกรภายใน 3 วัน แต่ในทางปฏิบัติหลายจังหวัดไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเวลาที่กำหนด จึงได้มีการเปิดเวทีเสวนาครั้งนี้ เพื่อหาข้อสรุปประเด็นปัญหาและแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรต่อไป
