อนุ กมธ.ศึกษาจำนำข้าว วุฒิสภา เผยผลลงพื้นที่อีสาน พบเกษตรกรโดนเอาเปรียบ หักค่าความชื้น-สิ่งเจือปน ซ้ำ มีการสวมสิทธิ์-ทุจริตในโครงการ แนะหาเครื่องวัดคุณภาพข้าวมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ-เพิ่มโรงสีร่วมโครงการ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบใกล้ชิด
วันที่ 19 ธ.ค.ที่รัฐสภา น.ส.สุนันท์ สิงห์สมบุญ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบจากนโยบายรับจำนำข้าวเปลือก ในคณะ กมธ.เศรษฐกิจการพาณิชย์และอุตสาหกรรรม วุฒิสภา เปิดเผยผลการลงพื้นที่ว่าจากการศึกษาสภาพข้อเท็จจริงและรับฟังปัญหาการรับจำนำข้าวของเกษตรกร ที่ จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี พบว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2554/55 ของจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปัญหาจากการเปิดจุดรับจำนำข้าวเปลือกแต่ละจังหวัด คือ เกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมจากขั้นตอนการวัดค่าความชื้นและคุณภาพข้าว รวมถึงการหักสิ่งเจือปน ทำให้ราคารับจำนำต่ำกว่าที่ควรจะเป็น การออกใบประทวนเกิดความล่าช้าเนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ คณะกรรมการติดตามกำกับดูแลฯ ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ให้เกษตรกร สมาชิกสภาเกษตกรไม่ได้อยู่ในโครงสร้างบของอนุ กมธ.ทุกระดับทำให้ไม่รับทราบปัญหาและอุปสรรคที่แท้จริง ที่สำคัญพบปัญหาการสวมสิทธิ์และมีการทุจริตเกิดขึ้น
น.ส.สุนันท์ กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอของเกษตรกรเห็นควรให้รัฐบาลจัดหาเครื่องตรวจวัดคุณภาพข้าวที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของสภาเกษตรกรจังหวัด โดยจัดเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องของการออกใบประทวนให้เพียงพอ รัฐบาลควรอนุญาตให้เกษตรกรสามารถนำข้าวมาจำนำ ณ โรงสีข้าวข้ามเขตจังหวัดได้เพิ่มมากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรมาจำนำในโครงการรัฐบาล เพราะบางพื้นที่มีโรงสีไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาเกษตรกต้องนำข้าวไปขายให้กับโรงสีนอกโครงการรับจำนำ จึงถูกกดราคารับซื้อข้าวเปลือกต่ำกว่าราคาจำนำมาก
“เรื่องนี้ควรให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการทุจริตและดูแลเอาใจใส่โครงการรับจำนำข้าวอย่างเข้มงวดและจริงจังต่อไป” น.ส.สุนันท์ ระบุ