xs
xsm
sm
md
lg

พระองค์ท่านไปทำอะไรให้พวกมึง?

เผยแพร่:   โดย: จิตตนาถ ลิ้มทองกุล

กลุ่มนักเขียน นำโดย “ปราบดา หยุ่น-บินหลา สันกาลาคีรี” ที่เคยออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  โดยอ้างว่าเป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะการสร้างสรรค์งานเขียน
ภาพความสวยงามของเหล่าพสกนิกรและเหล่าทหารหาญรักษาพระองค์ที่มาร่วมกันถวายพระพรพ่อหลวงของเรานั้น คือภาพที่นำความปิติสุขแห่งปีมาสู่ประชาชนชาวไทยราวกับฝนยามแล้งตกลงมาให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ช่วยเยียวยาให้คนไทยมีแรง มีกำลังใจที่จะก้าวสู้อุปสรรคต่อไปหลังจากที่ต้องทุกข์ระทม สิ้นเนื้อประดาตัว เหนื่อยล้าอย่างแสนสาหัสจากมหาอุทกภัยอันเกิดมาจากความริยำตำบอนของนักการเมือง

วันที่ 5 ธันวาฯ ของทุกปีคือวันที่ดัชนีความสุขของคนไทยพุ่งสูงที่สุด และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เป็นประจักษ์แจ้งว่าคนไทยนั้นรักพระเจ้าอยู่หัว เสียงตะโกน ทรงพระเจริญ กึกก้องไปทั่ว ประชาชนตะโกนสุดเสียงพร้อมกับน้ำตาแห่งความปิติไหลอาบแก้ม เมื่อได้ยลพระพักตร์ของพระองค์อันเป็นที่รักที่พึ่งทางใจของผองไทยทุกคน

หวังว่าภาพนี้จะเป็นหลักฐานให้นักคิดนักเขียนของสื่อในเครือมติชนบางท่าน ที่ไม่ทราบจะเดือดร้อนอะไรกันนักหนากับการที่เรามีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดพระองค์หนึ่งในโลกได้เห็นแจ้ง และเลิกพร่ำเพ้อเสียทีถึงเรื่องการวางตัวอย่างเสงี่ยมภายได้รัฐธรรมนูญของกษัตริย์ หรือแปลง่ายๆ คือการจำกัดบทบาทของสถาบันกษัตริย์ให้มีแค่การดำรงคงอยู่ มีพระราชกรณียกิจในพระราชพิธีเฉยๆ และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ได้โดยสุจริตกันเสียที

สถาบันกษัตริย์ของไทยไม่ได้มีสถานะเป็นรอยัลป๊อปไอดอลที่ความนิยมขึ้นลงตามท้องเรื่องดังละครดราม่าแม่ผัวลูกสะใภ้เหมือนในบางประเทศ หากแต่สถาบันกษัตริย์ของไทยภายใต้พระบารมีของในหลวง อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมาโดยตลอด และนั่นคือสิ่งที่พระราชาจิกมีนำเอาในหลวงของเราไปเป็นแม่แบบ ทั้งนี้ความสัมพันธ์ของสถาบันกษัตริย์ภูฏานกับประชาชนมีลักษณะคล้ายกับของบ้านเรา

จะต่างกันตรงที่คนภูฏานยังมีความบริสุทธิ์ใสซื่อกว่า ขณะที่โดยพื้นฐานนิสัยของคนไทยล้วนเป็นพวกลืมง่าย และเมื่อกระแสทุนเข้ามาทำให้หลายคนสายตามืดบอด โดยเฉพาะเวลาเราอยู่กันอย่างสบายเรามักจะลืมนึกถึงพระองค์ท่าน แต่ทุกครั้งที่เรามีทุกข์เมื่อไร เราจะเห็นพระองค์ท่านพระราชทานความช่วยเหลือ ตรากตรำพระวรกายติดตามผล ทรงให้คำแนะนำอันเป็นประโยชน์มหาศาลแก่ผู้มีหน้าที่โดยไม่แบ่งฝักฝ่าย ทรงเป็นท่วงราษฎรจนทรงพระประชวร

เหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในครั้งที่นับไม่ถ้วนที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อมโยง การร่วมทุกข์ร่วมสุขของกษัตริย์กับประชาชนเป็นอย่างดีว่าพระองค์ท่านและพระบรมวงศานุวงศ์ไม่เคยทอดทิ้งพวกเรา

การให้แนวทางในการแก้ปัญหาอุทกภัยของพระองค์ ทรงปล่อยให้น้ำผ่านตามธรรมชาติ ให้ผ่านแม้แต่พระตำหนักโดยไม่ต้องกั้นใดๆ พระองค์ยึดถือการบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรอย่างรวดเร็วที่สุดเป็นที่ตั้ง พระองค์ไม่แบ่งเมืองแบ่งชนบท ไม่มีการเมืองระหว่างพรรค ไม่มีฐานคะแนนเสียง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการแก้ปัญหา

ต่างกับนักการเมืองที่ทั้งเป็นต้นเหตุของมหาอุทกภัย ทั้งแก้ปัญหาล้มเหลวและไม่ยอมทำตามแนวทางของพระองค์ท่านจนทำให้เกิดความเสียหายไม่อาจจะประเมินได้ ทั้งยักยอกของบริจาค และสุดท้ายทั้งทอดทิ้งฐานเสียงของตัวเองในพื้นที่ตามยถากรรม

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับปัญญาชน นักคิดนักเขียนบางคนที่แทนที่จะตั้งคำถาม หรือวิพากษ์นักการเมืองในการบริหารประเทศล้มเหลว จนประชาชนต้องพบกับความวิบัติฉิบหาย กลับพยายามทำตัวเหนือๆ อ้างเหตุผลเนียนๆ สนับสนุนแนวคิดในการแก้ไขกฎหมายในการวิพากษ์กษัตริย์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย แต่ไม่เคยคิดแหกตาดูความเป็นจริงว่า มีพวกล้มเจ้าลัทธิเหมานั้นคอยปลุกปั่นปลุกระดมกันอย่างหนักทั่วประเทศ โดยมีเงินหนุนจากกลุ่มการเมืองที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบเพื่อสนองอำนาจตัวเองอยู่ข้างหลัง การวิจารณ์โดยสุจริตจึงเกิดขึ้นน้อยยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร

นักเขียนบางคนไปไกลกระทั่งยกเรื่องความขัดแย้งและแย่งชิงอำนาจระหว่างพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่หนึ่งและพระนางแมรี คู่ขนานกับการแยกตัวเป็นเอกเทศของอังกฤษจากศาสนจักรในยุคนั้น มาตั้งคำถามให้เกิดความคิดในลักษณะที่ว่าแท้จริงแล้วเรายังอยู่ในยุคที่ราชสำนักเป็นคนตั้งกติกาเพื่อเอาใจคนไม่กี่คน สั่งให้คนเชื่ออะไรไม่เชื่ออะไรพร้อมกับการสั่งห้ามและบทลงโทษอันรุนแรง พูดไปพูดมาก็โหนตรรกะกลับไปทางอ้อมกับการแก้มาตรา 112 ว่าเป็นกฎหมายปิดปากอยู่นั่นเอง

สิ่งที่นักคิดนักเขียนนักฝันเหล่านี้ชอบอ้างมาตลอดคือ การใช้กฏหมายที่ไม่เป็นธรรมจะเป็นครื่องมือที่ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง แต่กลับไม่เคยมองว่าพระองค์ท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมมามากเท่าไร และคนดีๆ ปกติที่ไหนจะไปนั่งวิจารณ์พระองค์ท่าน

ไม่ต้องเอาพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาอ้างว่าเมื่อมีการฟ้องร้องกันแล้ว คนที่เดือดร้อนจริงๆ ก็คือกษัตริย์ เพราะมันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าความไม่เป็นธรรมย่อมตกอยู่ที่พระองค์ท่าน

หรือแท้จริงแล้วคนพวกนี้ต้องการให้เว็บหมิ่นสามารถหมิ่นพระองค์ท่านได้อย่างถูกกฎหมาย!? แล้วจะให้สถาบันเป็นคนไล่ฟ้องหมิ่นประมาทพิสูจน์กันเป็นเคสๆ ไป? ถ้าเป็นเช่นนั้นจะต้องไล่ฟ้องไล่ตีความกันกี่หมื่นกี่แสนคดี?

คำถามคือพระองค์ท่านไปทำอะไรให้คนกลุ่มนี้ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับทุกข์ระทมใจที่ไม่สามารถสะบัดปลายปากกา สร้างอารมณ์ติสต์ได้ถ้าไม่ได้วิพากษ์พระองค์ท่าน ทางที่ดีคนเหล่านี้ควรจะไปทบทวนดูสักนิดว่าแท้จริงแล้ว คนที่ฟังไม่เป็น คิดไม่ออก พูดไม่จริง และทำไม่ถูก ตามที่คุณอานันท์ ปันยารชุนเคยพูดไว้โดยไม่แหกตาดูความจริง ยอมรับความจริงนั้นเป็นใครกันแน่ ในเมื่อปวงชนชาวไทยได้ประจักษ์ในพระราชกรณียกิจของล้นเกล้าฯ กันทั้งประเทศมาร่วมชั่วอายุคน

สิ่งที่น่าเศร้าที่หลายคนที่โดนลัทธิเหมาล้างสมองกลายๆ คือการเอาสถาบันกษัตริย์มาเป็นแพะรับบาปในทุกเรื่อง แต่ไม่เคยอ้างอิงถึงนักการเมืองสักเรื่องเดียว แม้ว่าวิกฤติการณ์น้ำท่วมจะทำให้หลายคนได้เริ่มหูตาสว่างบ้างแล้ว แต่คนที่ยิ่งคิดว่าตัวเองมีภูมิปัญญาเหนือคนอื่นเป็นนักคิดรุ่นใหม่กลับยังคงโดนมิจฉาทิฐิของตัวเองบดบังดังเดิม

หากนักเขียนบางคนเปรียบว่ากษัตริย์กับประชาชนเป็นดั่งเรือกับน้ำความนิยมในสถาบันกษัตริย์ขึ้นลงเป็นไปตามธรรมชาติโดยไม่ต้องมีการปั้นแต่ง ก็จงแหกตาดูภาพในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ดังได้กล่าวมาข้างต้นว่าประชาชนรัก เทิดทูนบูชา และศรัทธาในหลวงของเราเพียงไร ขนาดมีขบวนการกลุ่มทุนกลุ่มการเมืองที่พยายามเผยแพร่แนวคิดล้มล้างสถาบันอย่างแข็งแกร่งเกิดขึ้น จะย้อนไปดูกี่ปีให้หลังก็ได้ก็จะเห็นภาพที่ไม่แตกต่างกัน

เหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการทุ่มเทพระวรกายให้กับพี่น้องชาวไทยอย่างหนักในตลอดรัชชสมัย เรามีวันนี้ได้ก็ด้วยพระบารมีคุ้มเกล้าให้อยู่เย็นป็นสุข พระองค์ท่านรักลูกทุกคนเท่าๆ กัน แม้จะมีลูกบางคนที่คิดอกตัญญูต่อพระองค์ท่าน แต่พระองค์ท่านก็ทรงเมตตา

พวกเรามีบุญแค่ไหนที่ได้เกิดและอาศัยอยู่ภายใต้พระบารมีในรัชชสมัยของพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสร์พระองค์หนึ่งตลอดกาลของโลกใบนี้ ที่ปกครองแผ่นดินโดยธรรม สอนให้เราอยู่กับความพอเพียง มีสติอยู่กับความจริงในหลักพุทธศาสน์ สนับสนุนในกิจการของทุกศาสนาแล้วใยต้องเร่งรัดก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ผิดธรรมชาติกาล

ปัญญาชนส้นตีนเหล่านี้ควรไปถามตัวเองดูสักนิดแบบไม่เพ้อฝันว่า ถ้ารัฐไทยใหม่เกิดกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้วเอานักการเมืองที่มีอยู่ปัจจุบันมาช่วยกันปู้ยี่ปู้ยำแล้ว เราจะเจริญได้เสี้ยวของเขมรไหม แน่ใจหรือว่าประเทศไทยจะไม่เกิดสงครามกลางเมือง ระบอบประธานาธิบดีที่พวกคุณใฝ่ฝันจะเป็นศูนย์รวมใจคนไทยได้หรือ จะมีประเทศไทยที่เจริญหลงเหลือให้นักคิดนักเขียนแนวๆ เหล่านี้ให้ชูคอเป็นกิ้งก่าโชว์โง่อย่างทุกวันนี้ไหม

อันที่จริงแล้วคำว่าคนไทย ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีบัตรประจำตัวประชาชน เกิดที่ประเทศไทย มีสัญชาติไทย พูดภาษาไทย หรือร้องเพลงชาติได้ไหม หากแต่คนไทยที่แท้จริงควรเปล่งเสียงคำว่า ทรงพระเจริญ ออกมาจากใจอย่างไร้ซึ่งความตะขิดตะขวง ความไม่เต็มใจ ความกระดากอาย ความมีอคติ ต่างหาก

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

เรื่องเกี่ยวเนื่อง
คำพยากรณ์ของกษัตริย์ถึงกษัตริย์ โดย ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา คอลัมน์"ไทยไทย" มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 1633 วันที่ 2 ธันวาคม 2554
ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา - ทราย เจริฐปุระ คอลัมนิสต์ใน มติชนสุดสัปดาห์ ส่วนหนึ่งของกลุ่มนักเขียนที่เคลื่อนไหวให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
กำลังโหลดความคิดเห็น