xs
xsm
sm
md
lg

พล.ต.อ.ประชา : อีกภาพจำลองของระบอบเผด็จการ

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจตามเงื่อนไขของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา (เมื่อจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว เทียบได้กับจิตคือการเมืองเป็นเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ กายก็คือระบบรัฐสภา) อย่าได้หลงเข้าใจผิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย ความถูกต้องคือการอภิปรายไม่ไว้ไว้วางใจเป็นพิธีกรรมของรูปการปกครองที่ชื่อว่า “ระบบรัฐสภา” ส่วนจะเป็นระบอบอะไรก็ได้ เผด็จการก็ได้ ประชาธิปไตยก็ได้ ส่วนรูปการปกครองระบบประธานาธิบดีไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่าได้หลงผิดตามลมปากนักการเมืองและนักวิชาการทาส

การกล่าวหา พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโดยกล่าวหาว่า บริหารราชการบกพร่อง ปล่อยให้กระทำการทุจริต ล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพรวมถึงได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต อีกทั้งการบริหารยังขาดคุณธรรมและจริยธรรมและขัดหลักกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของบุคคลบางกลุ่มที่เป็นพรรคพวกของตนเองและนำความเสียหายมาสู่ประเทศและประชาชน

ผู้เขียนเห็นว่าสมจริงดังข้อกล่าวหา เพราะไม่ว่าจะเป็นใครมาบริหาร ก็ย่อมเป็นเช่นนี้ทุกคนไป หากคนของพรรคประชาธิปัตย์มาบริหารเองก็คงไม่ต่างไปจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ทั้งนี้เพราะโครงสร้างการเมืองไทยเป็นเผด็จการ เป็นเผด็จการหมายความว่าการเมืองที่ไม่มีระบอบ หรือหลักการปกครองโดยธรรม มีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นวิธีการปกครองเพียงอย่างเดียว ลักษณะของการปกครองเช่นนี้ย่อมเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ไร้ทิศ ไร้ทาง ไร้เอกภาพ ทั้งผู้ปกครอง นักการเมือง ข้าราชการ และประชาชนที่อยู่ใต้ระบอบเผด็จการ

ลักษณะการปกครองโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเอาวิธีการปกครองมาใช้ปกครอง ก็คือเอากฎหมายกดขี่ประชาชนและขูดรีดทางเศรษฐกิจโดยทุนผูกขาด และร่วมมือกับทุนต่างชาติขูดรีดประชาชนทางเศรษฐกิจออกมาในรูปของภาษี และการกู้เงินมาบริหารประเทศ ส่งผลให้ประเทศชาติและประชาชนยากจน จนลงๆๆๆ

อีกลักษณะหนึ่ง การนำเอากฎหมายรัฐธรรมนูญมาปกครอง ซึ่งกฎหมายเป็นวิธีการปกครอง ไม่ใช่ระบอบหรือหลักการปกครอง พูดง่ายๆ ว่า ระบอบที่แท้จริงหายไป ถูกปิดบัง แต่กลับเอา กฎหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นวิธีการปกครอง (กำหนดว่า ให้ทำอย่างนี้ ห้ามทำอย่างนั้น นี่คือลักษณะของวิธีการ) วิธีการย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ยกเลิกได้ เขียนใหม่ได้ ก็เลยทำให้เกิดความขัดแย้งกันคนกลุ่มนี้จะเอาอย่างนี้ คนอีกกลุ่มจะเอาอย่างโน้น เป็นต้น

ระบอบที่หายไป ที่แท้มันกลายเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นเอง การปกครองชนิดนี้ นายกรัฐมนตรีกลายเป็นตัวระบอบ หรือกลายเป็นหลักการปกครอง เพราะแน่นอนว่าการเมืองการปกครอง ก็คือเป็นความสัมพันธ์กันระหว่างเอกภาพกับความแตกต่างหลากหลาย ฝ่ายเอกภาพก็คือหลักการปกครองหรือระบอบ ส่วนฝ่ายแตกต่างหลากหลายเป็นวิธีการปกครองก็คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ หลายหมวด หลายมาตรา

พิเคราะห์ให้ดีๆ เถิด การเมืองไทยยาวนาน 79 ปี ยังไม่มีหลักการปกครอง มีแต่เพียงรัฐธรรมนูญ ตัวระบอบจึงกลายเป็นบุคคล ในที่นี้คือ นายกรัฐมนตรี หรือบางครั้งก็เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ถามว่า บุคคล เป็นระบอบได้ไหม เป็นได้แต่เป็นเผด็จการ ถูกหลักไหม ไม่ถูกหลัก เมื่อไม่ถูกหลัก แล้วจะแก้ไขระบอบเผด็จการนี้อย่างไร

การเมืองการปกครองโดยธรรม การเมืองที่ถูกต้องของปวงชน ย่อมตั้งอยู่บนพื้นฐานสัมพันธภาพระหว่างสิ่งที่มีลักษณะเอกภาพเมื่อเป็นตัวเอกภาพย่อมไม่ตาย (หลักการปกครองหรือระบอบ) กับสิ่งที่มีลักษณะแตกต่างหลากหลาย ตายเปลี่ยนแปลงได้ (กฎหมายรัฐธรรมนูญ)

ดังนั้น หลักการปกครองโดยธรรม หรือระบอบ หลักการฯ นี้จะต้องไม่ตาย ไม่เปลี่ยนแปลง หรือถูกตั้งให้ไม่ตาย คือหลักธรรมหรือธรรมาธิปไตย (ศาสนา) ชาติ (ประชาชนก็คือหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน) หลักพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ (หมายถึงสถาบันไม่ตาย ไม่สูญหายไปจากประมุขประเทศ) หลักเสรีภาพบริบูรณ์เป็นสิ่งไม่ตาย (ดูตัวอย่างเสรีภาพสูงสุดคือพระพุทธเจ้า) หลักความเสมอภาคทางโอกาสเป็นสิ่งไม่ตาย หลักภราดรภาพเป็นสิ่งไม่ตาย หลักเอกภาพเป็นสิ่งไม่ตาย หลักดุลยภาพเป็นสิ่งไม่ตาย ทั้ง 8 หลักนี้ หลอมรวมเป็นหลักนิติธรรมรวมเป็น 9 หลักอันเป็นหลักที่ไม่ตาย

ธรรมาธิปไตย (ธรรมเป็นใหญ่เพราะไม่ตาย ไม่สูญสลาย) ธรรมย่อมไม่ตาย ะมีแต่บุคคลเท่านั้นที่จะตาย บุคคลจึงเป็นตัวระบอบไม่ได้ กฎหมายเป็นระบอบไม่ได้ การเอารัฐธรรมนูญมาเป็นระบอบ และหลอกว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย นี่คือความหายนะทางปัญญา อันเป็นแนวคิดของพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ พวกเขาคิดได้แค่ร่างรัฐธรรมนูญกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็พิสูจน์มายาวนานกว่า 79 ปีแล้วว่า มีแต่ล้มเหลวซ้ำซากใครอยู่ในลัทธินี้บ้าง เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายนักวิชาการ เช่น นิติราษฎร์ ฯลฯ

ดังนั้นการทำงาน การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรีใดๆ นายกรัฐมนตรีใดๆ หรือตำแหน่งทางการเมือง การปกครองใดๆ ทุกระดับ นับแต่ระดับชาติไล่จนถึง อบต.มันจึงมีแต่ความล้มเหลว

หากเราไล่แต่รัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี ก็ไล่กันไม่สิ้นสุด หากทำรัฐประหาร ก็ทำรัฐประหารกันไม่สิ้นสุด หากร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือแก้ไข ก็จะทั้งร่างและแก้ไขไม่สิ้นสุด เพราะมันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทั้งสิ้นนั่นเอง

นี่คือความถูกต้องโดยธรรมของแผ่นดิน ของปวงชนไทยทุกคน แต่ผู้ปกครองสูงสุด ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่เข้าใจ แกนนำมวลชนต่างๆ จะเข้าใจไหมเอ่ย หากไม่เข้าใจก็จะมองผู้เขียนเป็นศัตรู หรือใช้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เราเขียนให้คิด ให้มีปัญญาที่บริสุทธิ์ เป็นแสงสว่างไล่ความมืดเพื่อให้ความจริง ความถูกต้อง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่ร่วมกันของปวงชนในแผ่นดิน
กำลังโหลดความคิดเห็น