xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ประชาชนถูกลอยแพ “ปู-สุขุมพันธุ์” ลอยตัว “ม็อบน้ำ” จึงหมดความอดทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ใครที่ได้ติดตามดูภารกิจของ “ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) นำทีมเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน ศิลปินดารานักร้อง และเหล่าอาสาสมัคร ออกมาร่วมทำความสะอาดหรือ บิ๊กคลีนนิ่งเดย์ บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ ย่านบางพลัด หรือบริเวณ 5 แยกลาดพร้าว หลังน้องน้ำโบกมือลาจากไป ก็อาจจะเข้าใจได้ว่า กทม.หมดเคราะห์หมดโศกกับสถานการณ์น้ำท่วมไปเสียสิ้นแล้ว

ทว่า ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น

ด้วยเหตุดังกล่าว จงอย่าได้แปลกใจเลยเช่นกันหากจะมีเสียงก่นด่ากระหน่ำเข้าใส่ กทม. พร้อมกับยิงคำถามหนักๆ เข้าใส่แสกหน้าผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ทันทีว่ามันถึงเวลาแล้วหรือที่กทม.จะลุกขึ้นมาบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ เพราะความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ก็คือประชาชนในหลายพื้นที่ของกทม.ยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากสภาพน้ำเน่าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่เหนือคันบิ๊กแบ็ก

คน กทม.ที่อยู่ชั้นนอกและปริมณฑล เช่น สายไหม มีนบุรี ดอนเมือง ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน บางบอน บางแค นนทบุรีปทุมธานี ยังแช่อยู่ในน้ำมากว่า 2 เดือน ถึงวันนี้ก็ยังไม่หมดทุกข์ ยังต้องแช่อยู่ในน้ำรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่มาไม่ถึงและไม่มีคำตอบใดๆ ว่าจะคลี่คลายเมื่อไร

ดังนั้น ภาพบิ๊กคลีนนิ่งเดย์จึงเป็นที่บาดตาบาดใจประชาชนที่ยังถูกน้ำท่วมเล่นงานอยู่ ณ ขณะนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

และนั่นเป็นที่มาของการที่ประชาชนซึ่งอยู่หลังแนวกระสอบทรายยักษ์หรือบิ๊กแบ็ก ไม่ว่าจะเป็นชาวดอนเมือง รังสิต ปทุมธานี นนทบุรี และลำลูกกา รวมตัวแห่กันออกมารื้อแนวกระสอบทราย จนเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นชาวคลองสี่ ลำลูกก กว่า 200 คน ก็ได้เฮโลเดินฝ่ากระแสน้ำไปยังคลองหกวาสายล่าง เพื่อกดดันให้กทม.ลดระดับกระสอบทรายที่สูงกว่า 1.80 เมตร ลง โดยที่สุดแล้วชาวบ้านก็ร่วมกันรื้อกระสอบทรายออกไปราว 50 เมตร ต่อด้วยกลุ่มชาวบ้าน อ.ลำลูกกานับร้อยคน เดินทางมาปิดทางขึ้นโทลล์เวย์ขาเข้ากรุงเทพฯ หน้าห้างสรรพสินค้าเซียร์รังสิต ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก จนมีเหตุปะทะกันกับผู้ใช้เส้นทางสัญจร

ขณะที่จังหวัดนนทบุรี ก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะชาวบ้านได้ออกมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งปรากฏว่าไม่ได้รับการตอบรับจึงได้รวมตัวกันไปปิดถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาเข้า พร้อมเรียกร้องให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำสูง 1 เมตร และละระบบคันกั้นน้ำเป็นฝายน้ำล้น แถมขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะไม่สลายตัว ส่งผลให้การจราจรเส้นรัตนาธิเบศร์เป็นอัมพาตกว่า 2 ชม.

นี่คือความทุกข์ของคนที่ถูกลอยแพจากทั้งรัฐบาลและกรุงเทพมหานคร

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะรีบออกมาชี้แจงต่อเรื่องนี้โดยฉับพลันทันทีว่าได้รับเสียงวิจารณ์ในการจัดงานบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ในขณะที่หลายพื้นที่น้ำยังท่วมอยู่นั้น กทม.จะรอให้ทุกพื้นที่แห้งแล้วมาทำความสะอาดพร้อมกันครั้งเดียวไม่ได้ หากพื้นที่ใดแห้งก่อนก็ควรทำความสะอาดไปก่อนหากไม่ทำปีหน้าก็ไม่จบ

แต่เมื่อพิจารณาคำกล่าวอ้างของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แล้ว ก็ดูจะฟังไม่ขึ้นด้วยประการทั้งปวง เพราะต้องไม่ลืมว่าประชาชนที่อยู่หลังแนวบิ๊กแบ็ก ก็ล้วนเป็นเขตที่ติดกับการทำงานของผู้ว่าฯกทม. และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปัดความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

กล่าวสำหรับ กทม.แล้วเท่าที่เห็นม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ก็ยังคิดแค่การดูแลฐานเสียงเพียงเท่านั้น สิ่งที่น่าเศร้าใจก็คือประชาชนก็ยังไม่เคยเห็น ผู้ว่าฯ กทม.มีการประสานงานไปยังผู้ว่าฯจังหวัดปทุมธานี หรือนนทบุรี หรือทางศปภ. ก่อนที่ปัญหาจะกลายเป็นดินพอกหางหมู และก่อให้เกิดการชุมนุมเรียกร้องแพร่สะพัดราวกับดอกเห็ด

เฉกเช่นเดียวกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่เคยให้คำตอบในเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วมของประชาชนที่อยู่เหนือแล้วบิ๊กแบ๊กเลยแม้แต่น้อย เสมือนหนึ่งวางบิ๊กแบ๊กเสร็จ ศปภ.ก็หมดหน้าที่ไปในฉับพลันทันที

นับจากวันแรกของการก่อตั้งจนถึงวันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังทำหน้าที่ด้วยความห่วยแตกเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยคิดที่จะลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการการทำบิ๊กแบ็กที่อยู่เหนือคันกั้นน้ำว่าจะมีการเยียวยาอย่างไร ให้การดูแลแค่ไหน และเมื่อไหร่น้ำจะลดลงไปทุกที

เท่าที่เห็นก็มีเพียงปล่อยให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ศปภ. รับบทหนังหน้าไฟเข้าเคลียร์ม็อบเป็นรายวัน เป็นการแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูกไปวันๆ เพราะในความเป็นจริง พล.ต.อ.พงศพัศก็มิได้มีอำนาจที่จะไปสั่งการหน่วยงานใดๆ ให้แก้ไขปัญหาได้

ถามว่าเมื่อปัญหามวลชนรุมเร้าขนาดนี้ผู้นำประเทศอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำอะไรอยู่ และดูเหมือนกลับกลายว่ายิ่งลอยตัวหนีปัญหาเข้าไปทุกที ราวกับว่าปัญหาน้ำท่วมได้หมดไปจากประเทศไทยแล้วอย่างนั้น

ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเล่นเกมการเมืองสารพัดสารพันเพื่อโบ้ยความรับผิดชอบไปให้ กทม.อย่างต่อเนื่องและนับวันยิ่งถี่ขึ้นเรื่อยๆ

" ก็ขอให้เจ้าหน้าที่บอก วันนี้กทม.เองก็อยากให้มองในส่วนของภาพรวม ในส่วนของกทม.เองก็คงต้องดูในมุมว่าทำอย่างไรให้เร่งระบายน้ำเนื่องจากระบบการระบายน้ำในกทม.นั้นเราไม่มีข้อมูล เราไม่รู้กำลังความสามารถในส่วนของพื้นที่ระบายน้ำ ดังนั้นคงต้องเป็นทางกทม.ในการช่วยกันคิดตัดสินใจและมองความลำบากของคนทั้งประเทศรวมกัน และอยากขอให้ทุกคนทำงานให้เต็มที่"น.ส.ยิ่งลักษณ์ยิงหมัดเด็ดเข้าใส่ ม.ร.ว
.สุขุมพันธุ์อย่างเป็นงานราวกับมีการเขียนสคริปต์เอาไว้ให้อ่านล่วงหน้า

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาดูสถานการณ์ขณะนี้แล้ว ปัญหาน้ำท่วมที่ยังไม่ได้รับการเหลียวแล ได้ก่อกำเนิด มวลชน หลายกลุ่มก้อน ออกมาแสดงพลังเรียกร้องและกดดันเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้เร่งแก้ปัญหา หากกวาดตามองก็จะพบว่ามีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันในหลายๆ พื้นที่ต่างออกมาเรียกร้องให้แก้ปัญหาไม่ต่างกัน คือขอให้หน่วยงานของรัฐ เดินหน้าให้ความช่วยเหลือเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว หรืออย่างน้อยก็ควรให้คำมั่นในเบื้องต้นว่าจะระบายน้ำออกไปได้ภายในกี่วัน แต่ดูเหมือนมิได้นำพาทางการเลยด้วยซ้ำ

ทุกกลุ่มที่เรียกร้องมาเหล่านั้น ไม่มีกลุ่มใดเลยที่พึงพอใจกับมาตรการแก้ไขจากหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นจาก ศปภ. หรือ กทม. ซึ่งกำลังตกเป็นเป้ามาตลอดว่ามีปัญหาการประสานงานกันมาโดยตลอดแม้ผู้นำของทั้ง 2 หน่วยงานจะออกมายืนยันว่าทำงานด้วยกันได้ แต่สิ่งที่พูดกับพฤติกรรมดูจะไม่สอดคล้องกันสักอย่าง

เรียกว่าตั้งแต่น้ำท่วม กทม.วันแรกจนถึงวันนี้ ทางศปภ.และกทม.ก็ไม่เคยร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปัญหาชาวบ้านให้ลุล่วงก่อนที่จะเกิดปัญหาได้ทุกทีไป อาจกล่าวได้ว่า ทั้ง 2หน่วยงานหลัก ก็ยังคงตายซ้ำตายซากในการแก้ปัญหาน้ำท่วมเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

สิ่งที่เห็นก็คือ ปัญหาต่อเนื่องจากมวลน้ำที่สร้างพลังมวลชนขึ้นมาในวันนี้ หนังม้วนเดิมระหว่าง ศปภ.และกทม. ซึ่งต่างคนก็ต่างโยนว่าอีกฝ่ายไม่ดำเนินการตามที่หารือกันไว้ ขณะที่ผู้บริหาร กทม.บ่ายเบี่ยงว่าในการประชุม ไม่ได้รับปากว่าจะเปิดประตูน้ำเท่านั้นเท่านี้ ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นใหญ่ของศปภ.ก็โยนว่าเรื่องเปิดประตูระบายน้ำใน กทม. ศปภ.ไม่สามารถจัดการได้เพราะเป็นหน้าที่ของ กทม.โดยตรง ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ ทั้งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองก็สามารถสั่งการให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทยที่มีอำนาจกำกับดูแลผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ให้เข้ามาแก้ปัญหามวลชนที่กำลังรุมเร้ารัฐบาลอยู่ในขณะนี้ได้

แปลไทยเป็นไทยก็คือ ไม่ต่างจากการบกพร่องในหน้าที่ชัดเจนชนิดที่หาคำอธิบายใดๆ มาคัดง้างแทบไม่ขึ้นกันทุกฝ่าย ดังนั้น เมื่อประชาชนเกิดความเดือดร้อนแสนสาหัสที่ไม่ได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลอย่างที่ควรจะได้รับ

หนึ่งในตัวอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ว่า ความอดทนของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมได้จบสิ้นลงแล้วก็คือ การตัดสินใจฟ้องร้องทั้ง กทม.และศปภ.ต่อศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ชาวบ้านรายแรกที่นำเรื่องน้ำท่วมเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลคือ นางทศสิริ พูลนวล ชาวบ้าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยฟ้องในข้อหาดำเนินการวางแท่งปูนกู้ถนน 340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี) และทางหลวงหมายเลข 9 (กาญจนาภิเษก) ช่วง อ.ไทรน้อย และ อ.บางบัวทอง และปิดประตูระบายน้ำ เสริมกระสอบทรายตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ เขตรอยต่อกับพื้นที่ จ.นนทบุรีเป็นเหตุให้การระบายน้ำท่วมล่าช้าเกินควร สร้างความเสียหายให้ประชาชนใน จ.นนทบุรี จึงขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว สั่งให้ ศปภ.ระงับการวางแท่งปูนตลอดแนวถนน 340 และถนนหมายเลข 9และให้ กทม.ระงับการปิดประตูระบายน้ำ และเสริมกระสอบทรายตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ที่เป็นเขตรอยต่อกับพื้นที่จ.นนทบุรี พร้อมทั้งให้ ศปภ.และ กทม.เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ จ.นนทบุรี โดยเร็ว

หรือกรณีของ นางทองมี กวักทรัพย์ แกนนำชาวบ้านหมู่บ้านการ์เด้นโฮม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่ประกาศชัดเจนว่า หากภาครัฐไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ชัดเจน จะฟ้องรัฐบาลกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลปกครอง

นี่คือความเป็นจริงที่ยากปฏิเสธ เพราะต้องบอกว่านานนับ 2-3 เดือนก็แล้ว ที่ชาวบ้านในเขตพื้นที่ต่างๆ รอบกทม.ได้ถูกน้ำท่วมจนกลายเป็นน้ำเน่าเหม็น

ดังนั้น จงอย่าแปลกใจถ้าหากพวกเขาจะเกิดการโกรธ น้อยใจ และเข้ามาพังคันกั้นน้ำ รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเพื่อกดดันให้เปิดบิ๊กแบ็ก เปิดคันกั้นและเปิดประตูระบายน้ำต่างๆ เพื่อเร่งระบายน้ำลงมาบ้าง อย่างที่เห็นอยู่ทุกวัน

และแน่นอนชีวิตความเป็นอยู่ของพวกชาวบ้านหลายพื้นที่ควรต้องได้รับการดูแลทั้งด้านอาหารการกิน สุขลักษณะ การรักษาพยาบาล การเดินทาง แต่จนถึงวันนี้ระดับน้ำจะต้องมีการระบายลงมา จะมากจะน้อยก็ต้องทำให้เห็น ไม่ใช่มีแต่น้ำเน่าแน่นิ่งอยู่ ซึ่งแน่นอนเป็นหน้าที่ ศปภ.และกทม.ที่จะต้องแก้ไขดูแลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะหาสารพัดเหตุผลมาโยนบาปกันไปมาก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือไม่มีการทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียอย่างเดียว

ปรากฏการณ์ม็อบน้ำที่เกิดขึ้นที่ประชาชนเกิดการรวมตัวเพื่อเรียกร้องต่อภาครัฐ เพราะความเดือดร้อนแสนสาหัสล้วนๆ มาถึงตรงนี้แล้วก็คงต้องบอกว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงในการประจานความห่วยแตกในการจัดการปัญหาอุทกภัยของศปภ.และกทม.
กำลังโหลดความคิดเห็น