วานนี้ (25 พ.ย.) ที่รัฐสภา ช่วงการหารือก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะเดินหน้าออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม เพื่อลบล้างความผิดของทุกฝ่ายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย.49 ว่า ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว ร.ต.อ.เฉลิมจะเสนอได้หรือไม่ ถือเป็นการแสดงเจตนาออกมาแล้ว ดังนั้นอยากตั้งสังเกตต่อเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือรัฐบาลนำไปพิจารณาประกอบ โดยต้องการให้คำนึงถึงมูลเหตุของการทำผิดกฎหมาย อย่างคดีทางการเมืองที่เกิดจากความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน ซึ่งถือว่าผู้กระทำความผิดไม่ได้มีเจตนาคิดชั่ว เช่นนี้ควรออกกฎหมายนิรโทษกรรม ส่วนคดีจาบจ้วงล่วงละเมิดต่อสถาบัน และคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ทำมาหากินบนผลประโยชน์ของประเทศชาติ ร่ำรวยผิดปกติ จนถูกศาลพิพากษายึดทรัพย์คดี เหล่านี้ไม่ควรได้รับนิรโทษกรรม มิเช่นนั้นจะกลายเป็นบรรทัดฐานว่าคนมีเงินมีพวกมีอำนาจโกงแล้วไม่ผิด
**กมธ.เบรก“เหลิม-ประชา”แจงแทนปู
วันเดียวกัน มีการประชุมคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ที่มี นางพรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา ประธาน กมธ. โดยที่ประชุมได้มีหนังสือเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงกรณีการเตรียมตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เข้าชี้แจง แต่ไม่ได้รับการอนุญาต เนื่องจาก กมธ.ต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาชี้แจงด้วยตนเอง เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ได้เมื่อทราบว่า กมธ.ไม่อนุญาตให้ให้ พล.ต.อ.ประชาเข้าชี้แจง จึงได้เดินทางมาที่รัฐสภาเพื่อเข้าร่วมประชุมและชี้แจงแทนนายกฯ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กมธ.ได้ทำหนังสือเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าชี้แจง ถึงท่าทีในการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ แต่เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ติดภารกิจ จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประชา เข้าชี้แจงแทน แต่เมื่อเข้าประชุมกลับถูกปฏิเสธไม่ให้ร่วมชี้แจง โดยให้เหตุผลว่าต้องเป็นนายกฯเข้าชี้แจงตามระเบียบเท่านั้น
“พอผมมาเพื่อขอชี้แจงแทนท่านนายกฯ ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน เขาบอกว่า กมธ.ต้องได้รับเกียรติ แต่ระดับรองนายกฯหรือ รมว.ยุติธรรมที่รับผิดชอบโดยตรงมาชี้แจง มันก็พอสมควรแก่เหตุแล้ว ถือเป็นเรื่องตลกมาก” ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
ด้าน นางพรพันธุ์ เปิดเผยว่า หนังสือที่ได้เชิญไปนั้นระบุชัดเจนว่าเป็นการเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่เมื่อมีการมอบหมายบุคคลอื่นมาแทน ในที่ประชุมจึงได้หารือและมีข้อสรุปว่า ประเด็นดังกล่าวควรเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับทราบจากนายกฯโดยตรง จึงได้มีการปฏิเสธกลับไป โดยในฐานะประธาน กมธ.มีอำนาจในการสั่งเลื่อนการชี้แจงออกไปอีกได้ จนกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะสามารถเข้าร่วมประชุมได้
ส่วนการรวบรวมรายชื่อ ส.ว.เพื่อยื่นหนังสือถึงราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง และองคมนตรี เพื่อคัดค้านการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯที่เคยประกาศไว้นั้น นางพรพันธุ์เปิดเผยว่า ขณะนี้นายกฯก็ได้ทูลเกล้าฯถวายไปแล้ว จึงไม่อยากเข้าไปก้าวล่วง และจะหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะไม่ต้องให้เกิดการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทฯ
** “ปชป.”อัดเลิกโยง“แม้ว”ผูกปัญหา
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันจะผลักดันให้มีการออกพพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกคดี โดยอ้าง15ล้านเสียง ว่า เป็นการสะท้อนธาตุแท้ของ ร.ต.อ.เฉลิม และพรรคเพื่อไทยว่าไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้กับชาติบ้านเมือง มีเจตนาหลอกลวงประชาชน โดยพูดจากลับกลอกไปมาอย่างไร้ความรับผิดชอบ เพราะในระหว่างการหาเสียงช่วงแรก ร.ต.อ.เฉลิม ได้ออกมาประกาศจะพาพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน เช่นเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในขณะที่เป็นผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ก็ระบุชัดเจนว่า มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม พิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เรื่องเหล่านี้มีคำสัมภาษณ์ปรากฏชัดเป็นหลักฐาน แต่ น.ส. ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยก็ออกมาปฏิเสธ หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ตีแผ่ความจริงเรื่องนี้ จนเริ่มมีกระแสต่อต้านจากประชาชน ถึงขนาดออกแถลงการณ์ในนามพรรคเพื่อไทยว่า"ไม่มีนโยบายที่จะนิรโทษกรรมหรือคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ"
“วันนี้คุณยิ่งลักษณ์จะลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ส่งหัวหมู่ทะลวงฟันอย่าง ร.ต.อ.เฉลิมออกมาเคลื่อนไหวสับขาหลอกสังคมพฤติกรรมลับ ๆ ล่อ ๆ ในเรื่องพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ มาถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทำให้เห็นชัดว่าที่ผ่านมาคำพูดสวยหรูจากปากคุณยิ่งลักษณ์ เป็นแค่การตบตาประชาชนเท่านั้น ผมได้บทสรุปว่า คุณยิ่งลักษณ์และรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ คือ รัฐบาลสับปรับไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชน" นายชวนนท์ กล่าว
** ภาคีเครือข่ายล่าชื่อถอด ครม.ปู
เวลา 16.00 น. ที่ลาน ร.6สวนลุมพินี ภาคีเครือข่ายและประชาชนประกอบด้วย กลุ่มสยามสามัคคี ,กลุ่มปัญญาสยาม, กลุ่มสมัชชาประชาชน,กลุ่มเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคม, องค์กรนักศึกษาราม ปี 50ได้จัดกิจกรรมกขับเคลื่อนการตรวจสอบ และรวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อยื่นถอดถอนรัฐบาล “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ได้ผ่านร่าง พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2554 ซึ่งเป็นการกระทำโดยลับ และปกปิดสาระสำคัญอันควรเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ ทั้งข้อมูลปรากฎตามสื่อมวลชนว่า ร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว มีประเด็นขัดต่อกฎหมายหลายประเด็น มีความุ่งหมายเชื่อได้ว่า มีผลทำลายกระบวนการยุติธรรม ใช้โอกาสอันเป็นมงคล แก่ประชาชนและพสกนิกร กระทำการอย่างบังอาจ ไม่บังควรอย่างที่สุด ในระหว่างที่ประชาชนได้รับความทุกข์จากการบริหารวิกฤตน้ำท่วมไม่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นการซ้ำเติมทุกข์ของประชาชน และวิกฤตของประเทศชาติ จากพฤติกรรมการกระทำของรัฐบาลนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่มีความผิดสำเร็จแล้ว ขณะที่มีประชาชนร่วมลงรายชื่อจำนวนมาก
วันเดียวกันมีเวทีเสวนา เรื่อง “รู้ทันเพทุบายทักษิณฯ”ที่อาคารลีลาศสวนลุมพินี โดยมีวิทยากร เช่น นายแก้วสรร อติโพธิ นายคมสัน โพธิ์คง และนายเสรี วงษ์มณฑา โดยมีประชาชนให้ความสนใจจนเต็มความจุของอาคาร
ในวงเสวนาได้กล่าวโจมตีรัฐบาล โดยเปรียบการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯว่า เหมือนการสับขาหลอก ซึ่งเป็นการดูถูกประชาชน มองการออกกฎหมายเป็นของเล่น อย่างไรก็ตามแม้จะมีการระงับ พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯแล้ว แต่รัฐบาลก็จะพยายามออกกฎหมายแนวทางต่างๆเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาทิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านคณะกรรมการและคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ รวมทั้งพยายามจุดกระแสข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ขึ้นมาใหม่
ทั้งนี้ รัฐบาลปัจจุบันเป็น รัฐบาลเผด็จการระบอบนายทุน ที่ต้องการกุมกลไกต่างๆอย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งมีพิษภัยน่ากลัวไม่ต่างจากเผด็จการทหาร.
**กมธ.เบรก“เหลิม-ประชา”แจงแทนปู
วันเดียวกัน มีการประชุมคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ที่มี นางพรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา ประธาน กมธ. โดยที่ประชุมได้มีหนังสือเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงกรณีการเตรียมตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เข้าชี้แจง แต่ไม่ได้รับการอนุญาต เนื่องจาก กมธ.ต้องการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาชี้แจงด้วยตนเอง เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ได้เมื่อทราบว่า กมธ.ไม่อนุญาตให้ให้ พล.ต.อ.ประชาเข้าชี้แจง จึงได้เดินทางมาที่รัฐสภาเพื่อเข้าร่วมประชุมและชี้แจงแทนนายกฯ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กมธ.ได้ทำหนังสือเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าชี้แจง ถึงท่าทีในการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ แต่เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ติดภารกิจ จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประชา เข้าชี้แจงแทน แต่เมื่อเข้าประชุมกลับถูกปฏิเสธไม่ให้ร่วมชี้แจง โดยให้เหตุผลว่าต้องเป็นนายกฯเข้าชี้แจงตามระเบียบเท่านั้น
“พอผมมาเพื่อขอชี้แจงแทนท่านนายกฯ ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน เขาบอกว่า กมธ.ต้องได้รับเกียรติ แต่ระดับรองนายกฯหรือ รมว.ยุติธรรมที่รับผิดชอบโดยตรงมาชี้แจง มันก็พอสมควรแก่เหตุแล้ว ถือเป็นเรื่องตลกมาก” ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
ด้าน นางพรพันธุ์ เปิดเผยว่า หนังสือที่ได้เชิญไปนั้นระบุชัดเจนว่าเป็นการเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่เมื่อมีการมอบหมายบุคคลอื่นมาแทน ในที่ประชุมจึงได้หารือและมีข้อสรุปว่า ประเด็นดังกล่าวควรเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับทราบจากนายกฯโดยตรง จึงได้มีการปฏิเสธกลับไป โดยในฐานะประธาน กมธ.มีอำนาจในการสั่งเลื่อนการชี้แจงออกไปอีกได้ จนกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะสามารถเข้าร่วมประชุมได้
ส่วนการรวบรวมรายชื่อ ส.ว.เพื่อยื่นหนังสือถึงราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง และองคมนตรี เพื่อคัดค้านการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯที่เคยประกาศไว้นั้น นางพรพันธุ์เปิดเผยว่า ขณะนี้นายกฯก็ได้ทูลเกล้าฯถวายไปแล้ว จึงไม่อยากเข้าไปก้าวล่วง และจะหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะไม่ต้องให้เกิดการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทฯ
** “ปชป.”อัดเลิกโยง“แม้ว”ผูกปัญหา
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันจะผลักดันให้มีการออกพพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกคดี โดยอ้าง15ล้านเสียง ว่า เป็นการสะท้อนธาตุแท้ของ ร.ต.อ.เฉลิม และพรรคเพื่อไทยว่าไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้กับชาติบ้านเมือง มีเจตนาหลอกลวงประชาชน โดยพูดจากลับกลอกไปมาอย่างไร้ความรับผิดชอบ เพราะในระหว่างการหาเสียงช่วงแรก ร.ต.อ.เฉลิม ได้ออกมาประกาศจะพาพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน เช่นเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในขณะที่เป็นผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับ 1 ก็ระบุชัดเจนว่า มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม พิจารณาเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เรื่องเหล่านี้มีคำสัมภาษณ์ปรากฏชัดเป็นหลักฐาน แต่ น.ส. ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยก็ออกมาปฏิเสธ หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ตีแผ่ความจริงเรื่องนี้ จนเริ่มมีกระแสต่อต้านจากประชาชน ถึงขนาดออกแถลงการณ์ในนามพรรคเพื่อไทยว่า"ไม่มีนโยบายที่จะนิรโทษกรรมหรือคืนเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ"
“วันนี้คุณยิ่งลักษณ์จะลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ส่งหัวหมู่ทะลวงฟันอย่าง ร.ต.อ.เฉลิมออกมาเคลื่อนไหวสับขาหลอกสังคมพฤติกรรมลับ ๆ ล่อ ๆ ในเรื่องพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ มาถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ทำให้เห็นชัดว่าที่ผ่านมาคำพูดสวยหรูจากปากคุณยิ่งลักษณ์ เป็นแค่การตบตาประชาชนเท่านั้น ผมได้บทสรุปว่า คุณยิ่งลักษณ์และรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ คือ รัฐบาลสับปรับไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชน" นายชวนนท์ กล่าว
** ภาคีเครือข่ายล่าชื่อถอด ครม.ปู
เวลา 16.00 น. ที่ลาน ร.6สวนลุมพินี ภาคีเครือข่ายและประชาชนประกอบด้วย กลุ่มสยามสามัคคี ,กลุ่มปัญญาสยาม, กลุ่มสมัชชาประชาชน,กลุ่มเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคม, องค์กรนักศึกษาราม ปี 50ได้จัดกิจกรรมกขับเคลื่อนการตรวจสอบ และรวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อยื่นถอดถอนรัฐบาล “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ได้ผ่านร่าง พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2554 ซึ่งเป็นการกระทำโดยลับ และปกปิดสาระสำคัญอันควรเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ ทั้งข้อมูลปรากฎตามสื่อมวลชนว่า ร่าง พ.ร.ฎ.ดังกล่าว มีประเด็นขัดต่อกฎหมายหลายประเด็น มีความุ่งหมายเชื่อได้ว่า มีผลทำลายกระบวนการยุติธรรม ใช้โอกาสอันเป็นมงคล แก่ประชาชนและพสกนิกร กระทำการอย่างบังอาจ ไม่บังควรอย่างที่สุด ในระหว่างที่ประชาชนได้รับความทุกข์จากการบริหารวิกฤตน้ำท่วมไม่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นการซ้ำเติมทุกข์ของประชาชน และวิกฤตของประเทศชาติ จากพฤติกรรมการกระทำของรัฐบาลนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่มีความผิดสำเร็จแล้ว ขณะที่มีประชาชนร่วมลงรายชื่อจำนวนมาก
วันเดียวกันมีเวทีเสวนา เรื่อง “รู้ทันเพทุบายทักษิณฯ”ที่อาคารลีลาศสวนลุมพินี โดยมีวิทยากร เช่น นายแก้วสรร อติโพธิ นายคมสัน โพธิ์คง และนายเสรี วงษ์มณฑา โดยมีประชาชนให้ความสนใจจนเต็มความจุของอาคาร
ในวงเสวนาได้กล่าวโจมตีรัฐบาล โดยเปรียบการออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯว่า เหมือนการสับขาหลอก ซึ่งเป็นการดูถูกประชาชน มองการออกกฎหมายเป็นของเล่น อย่างไรก็ตามแม้จะมีการระงับ พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯแล้ว แต่รัฐบาลก็จะพยายามออกกฎหมายแนวทางต่างๆเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาทิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านคณะกรรมการและคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ รวมทั้งพยายามจุดกระแสข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์ ขึ้นมาใหม่
ทั้งนี้ รัฐบาลปัจจุบันเป็น รัฐบาลเผด็จการระบอบนายทุน ที่ต้องการกุมกลไกต่างๆอย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งมีพิษภัยน่ากลัวไม่ต่างจากเผด็จการทหาร.