กมธ.สิทธิ วุฒิฯ เชื่อขบวนการ “นิติราษฎร์-แก้ พ.ร.บ.กลาโหม” มุ่งเปิดทาง “ทักษิโนมิกส์” รีเทิร์น ด้าน “ปรีดา” สลดนโยบาย “รบ.ปูนิ่ม” ไร่แก่นสาร มัวแต่ใช้เงินประชานิยม ทำใจเศรษฐกิจล้มซ้ำรอยปี 40 คาด ไม่นานลดค่าเงินให้บางคนได้ประโยชน์อีก “ส.ว.สมชาย” ลั่น “ก็จะสู้แม้ว่าพวกกูน้อย” หยุดขบวนการกินรวบประเทศ
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้ร่วมกันจัดงานเสวนา “จับตายุทธการกินรวบประเทศไทย” โดยมีวิทยากรเข้าร่วมการเสวนา อาทิ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.ในฐานะประธาน กมธ.ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธาน กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค นายคำนูณ สิทธสมาน ส.ว.สรรหา นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย ที่ปรึกษา กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา และ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ที่ปรึกษาเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
โดย นายคำนูณ กล่าวตอนหนึ่งว่า อยากตั้งคำถามถึงกลุ่มที่เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การลบล้างผลพวงการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 รวมถึงการแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ที่อ้างว่าจะทำให้ประชาธิปไตยมีความสมบูรณ์ ว่า ผู้ที่เสนอมีข้อเสนอที่จะนำความเป็นธรรมมาอย่างไร จะนำ ปตท.กลับคืนมา หรือความมีธรรมาภิบาลในการกำหนดราคาพลังงาน จะให้อำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน ประเทศไทยจะพ้นจากทุนนิยมโลกหรือไม่
“เหตุใดคนกลุ่มนี้จึงไม่ยอมพูดถึงการล้างเหตุของรัฐประหาร แต่ต้องการลบล้างผลพวงอย่างเดียว แล้วจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร จะปฏิรูปประเทศ จะแก้รัฐธรรมนูญ ไม่แตะต้องเหตุของการรัฐประหาร ดังนั้น จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบปัจจุบันที่บอกว่าเป็นอำมาตย์ กลับไปสู่ระบบสมบูรณาญาสิทธิทุน หรือทักษิโนมิกส์ นั่นเอง” นายคำนูณ กล่าว
ด้าน นายปรีดา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตนยังชื่นชอบนโยบายรัฐบาลทักษิณโดยเฉพาะ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่รัฐบาลนี้กลับมองไม่เห็นว่ามีนโยบายอะไรที่จะชื่นชมได้เลย ไม่มีนโยบายที่พัฒนาสังคม หรือคุณภาพชีวิตให้ยั่งยืน หรือพอเพียง มีแต่นโยบายประชานิยมใช้เงินอย่างเดียว ไม่มีมีการสร้างรายได้ ในที่สุดก็ทำให้เศรษฐกิจล้มเหลว แล้วจะมีคนบางกลุ่มได้ประโยชน์เช่นเดียวกับกรณีลดค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 และเป็นห่วงว่า หากในอนาคตมีการลดค่าเงินแล้วภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล นักการเมืองอย่างนี้ คนนอกจะเข้าไปฟังการปรึกษาหารือค่าเงินบาทเป็นไปได้หรือไม่เหมือนในอดีต นายกฯจะรักษาความลับได้เหมือนสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ ได้หรือไม่
ขณะที่ นายชัยวัฒน์ สุรวิชัย ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า ขณะนี้การกินรวบผูกขาดอำนาจทางการเมือง ถือว่าค่อนข้างเรียบร้อยไปแล้ว วัฒนธรรม การศึกษา ความคิด ความเชื่อมีการปลุกระดมทั่วประเทศ ด้านอำนาจบริหารก็เรียบร้อย ฝ่ายนิติบัญญัติก็คงเหลือแค่วุฒิสภา 40 ส.ว.เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงถือว่ากินรวบอำนาจทั้งคุมรัฐ ทุน สื่อ วาทกรรม
ส่วน นายสมชาย กล่าวว่า อย่าฝากความหวังกับกลุ่ม 40 ส.ว.ไว้มาก แต่เราก็ถือคติตามที่ น.ส.รสนา บอกไว้ว่า จะอยู่เป็นก้างขวางคอ ส่วนตนถือคติว่า “ก็จะสู้แม้ว่าพวกกูน้อย” ท่ามกลางสังคมว้าเหว่ ในยุค 2554 อันธพาลครองเมือง กินรวบอำนาจไม่ต่างไปจากก่อน 19 ก.ย.49 ทั้งคุม สื่อสารโทรคมนาคม พลังงาน สื่อสารมวลชน ธนาคาร และกองทุน รัฐบาลก็สวยแต่รูปแต่ทำงานมีปัญหา ตอนนี้เป็นการต่อสู้ของทักษิณ และพวกกับกลุ่มทุนเก่า และอำมาตย์ ในยุทธการตะเกียงดับ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ การใช้กระบวนการยุติธรรม ส.ส.และ ส.ว.โดย ส.ส.ก็เริ่มจะแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ตอนนี้ต้องการเสียงจาก ส.ว.เพิ่มเติม และเครื่องมือจาก ส.ส.ร.ซึ่งในส่วนของนักวิชาการก็มีจะมีนิติราษฎร์บางส่วนโดยรัฐธรรมนูญก็มีพิมพ์เขียวร่างไว้แล้วอยู่ใต้ตุ่ม รอเพียงพิธีกรรมเท่านั้น จากนั้นก็ออก พ.ร.ก.อภัยโทษในโอกาสครบรอบ 84 พรรษา การนิรโทษกรรมล้างทุกสี ปฏิบัติเสร็จเมื่อไร ยุทธการกินรวบก็จะกลับมากุมอำนาจรัฐและเศรษฐกิจต่อไป
ทั้งนี้ ในการเสวนายังได้เปิดโอกาสให้ผู้แทนภาคประชาชนนำเสนอปัญหาต่างๆ ที่เข้าข่ายเป็นยุทธการกินรวบประเทศไทย อาทิ ปัญหาแดนไทย-กัมพูชา ที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ทางทรัพยากรธรรมชาติผ่านกลไกฝ่ายการเมือง หรือเครือข่ายคนทุ่งกุลาร้องไห้ ที่นำเสนอเหตุผลในการต่อต้านการเปิดบ่อนกาสิโนในพื้นที่ พร้อมแนบรายงานสรุปผลการเสวนาเวทีเสียงคนทั่วกุลาร้องไห้ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้แก่ผู้เข้าร่วมเสวนาด้วย
