xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อคำทาย..โหราจารย์..เป็นจริง!(ตอนหก)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี
สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

หลัง พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัว เสร็จสิ้นลง และเดินทางออกจากพระราชวังสวนจิตรลดารโหฐานแล้ว

ผมได้รับโทรศัพท์จาก“ผู้ประสานงานฯ”ถามไถ่ว่า “น้าชาติ”ไม่สบายหรือเปล่า? เพราะ“พระองค์ท่านฯ”สังเกตเห็น“น้าชาติ”ผิดปกติหลายประการ?

ผมตอบผู้ที่โทรมาหาผมทันทีว่า “เอ..น้าชาติท่านแข็งแรงสบายดี ไม่เจ็บป่วยอะไรหรอกครับ”

หลังวางหูโทรศัพท์ลง..ผมก็รู้ตัวว่าตอบไปโดยไม่รอบครอบ จึงรีบโทรไปหา“อาจารย์ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ” ลูกชายคนเดียวของ“น้าชาติ”ทันที หลังเล่าให้ฟังถึงโทรศัพท์ถามไถ่จาก“ข้างใน” “พี่โต้ง”ก็บอกกับผมว่า

“ชัช..อย่าตกใจนะ..พ่อเป็นมะเร็ง พี่กำลังจะเอาพ่อไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ”

ผมรีบโทรศัพท์ไปบอกเรื่องที่ได้ยิน ให้ผู้ประสานงานฯ ได้รับทราบทันที

ก่อนจะนั่งคิดอยู่คนเดียวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่ง ทรงละเอียดละออจนถึงกับสังเกตุเห็นอาการป่วย ที่ “น้าชาติ”ปกปิดเป็นความลับสุดยอดได้อย่างเหลือเชื่อ

ในขณะที่พวกเราเหล่าที่ปรึกษาของ“น้าชาติ”หลายคน ซึ่งพบปะพูดคุยกับ“น้าชาติ”แทบทุกวัน กลับไม่เคยมองเห็นอาการผิดปกติจากการป่วยของ“น้าชาติ”แม้แต่น้อยเลย

ปลายเดือนธันวาคม ปี 2539 “น้าชาติ”ได้รับการผ่าตัดมะเร็งร้ายออกจากลำไส้ใหญ่เป็นที่เรียบร้อย

เมื่อ“น้าชาติ”ลุกขึ้นนั่งได้ “พี่โต้ง”ตามผมไปโรงพยาบาลจุฬาฯ “น้าชาติ”ได้พูดอย่างอารมณ์ดีว่า วันเฝ้าฯ“พระเจ้าอยู่หัวฯ”นั้น ผมต้องทำสงครามกับมะเร็ง ผมปวดท้องรุนแรงที่สุดในชีวิต..แต่ก็เฝ้าฯจนเสร็จ ก่อนผมจะเปลี่ยนบรรยากาศมานอนให้หมอเฉือนไส้ทิ้งเป็นเมตร!

หลังจากอาการป่วยสิ้นสุดลง “น้าชาติ”ก็หวนคืนสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง จนกระทั่งเดือนมีนาคม 2541 แพทย์ได้ตรวจพบมะเร็งที่ตับ“น้าชาติ”อีกครา

3 เมษายน 2541 ชาวจังหวัดนครราชสีมาได้จัดงานฉลองวันเกิด78 ปี ให้“น้าชาติ”ด้วยคำขวัญ“Tomorrow Never Dies”หรือ“พรุ่งนี้ไม่มีวันตาย”สำหรับคนชื่อ“ชาติชาย ชุณหะวัณ”

วันนั้น“น้าชาติ”สดใสร่าเริง ไม่ได้ส่อแววว่าเจ็บป่วยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่สังขารกำลังเจ็บทรมานกับมะเร็งร้ายอย่างรุนแรง..อีกครา!

7 เมษายน 2541 ที่สนามบินดอนเมือง ผู้คนจำนวนหนึ่งได้ไปส่ง“น้าชาติ” ที่กำลังจะบินจากประเทศไทย ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลครอมเวลล์ ประเทศอังกฤษ ที่นั่น“น้าชาติ”ได้กล่าวกับที่ปรึกษากลุ่มหนึ่งว่า

“..อย่าห่วงนะ..ผมไปไม่นาน..แล้วผมจะกลับมาทำงานกับพวกคุณอีก..”

วันที่ 9เมษายน2541 เวลา09.30 น.“น้าชาติ”ถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด14.00 น.เริ่มการผ่าตัด 19.30 น.การผ่าตัดเสร็จสิ้นลง 20.00 น.“น้าชาติ”เริ่มรู้สึกตัว ยกแขนขึ้นเหมือนต่อสู้กับอาการบางอย่างและบอกว่า..เจ็บแผล..

10 เมษายน-แพทย์บอกกับ“จารย์โต้ง”ว่า “น้าชาติ”ติดเชื้อและมีโรคแทรกซ้อนอาการน่าเป็นห่วง 11เมษายน-“น้าชาติ”อยู่ในวิกฤติ-ตับ-ไต-หยุดทำงาน ที่สำคัญหัวใจหยุดเต้น แพทย์ต้องช่วยชีวิต“น้าชาติ”กลับมาอีกครั้ง!

3 พฤษภาคม-คณะแพทย์เตรียมจะปิดเคสนี้ แต่“น้าชาติ”กลับมีสภาวะ The Lion Heart คือ ผู้ป่วยมีอาการต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสูง ภาษาชาวบ้านคือ“น้าชาติ-สวมหัวใจสิงห์สู้กับพญามัจจุราชชนิดไม่ยอมแพ้ง่ายๆ” แพทย์จึงพยายามช่วยชีวิต“น้าชาติ”ต่อ..จนอาการ“น้าชาติ”กระเตื้องขึ้นอีกครั้ง

หัวค่ำของวันที่4 พฤษภาคม2541“ผู้ประสานงานฯ”ได้โทรศัพท์ถึงผมว่า

“ให้ถามอาจารย์โต้งสิว่า น้าชาติอาการเป็นเช่นไรบ้าง เพราะนิมิตเห็น..พล.อ.ชาติชาย..มาลา..”

ผมโทรศัพท์ทางไกลสื่อสารให้“พี่โต้ง”รู้ทันที..และคำตอบที่กลับมาก็คือ

“ชัช..พ่ออาการดีขึ้น หมอจะให้ออกจากห้องไอซียูพรุ่งนี้ แต่กว่าจะฟื้นคืนปกติ..คงต้องใช้เวลา”

ผมแจ้งข้อความนี้ไปได้ไม่นาน..สถานการณ์ก็พลิกผัน เพราะเกิดผิดพลาดจากการรักษาบางประการ จน“น้าชาติ”อาการทรุดหนักอย่างกระทันหัน

ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ และคณะ ได้เดินทางออกจากกรุงเทพฯไปหา“น้าชาติ”ทันที

เพราะมัจจุราช-กำลังลงมือคร่าชีวิต“น้าชาติ”อีกครา ครั้งนี้..พญามัจจุราชมีทีท่า..จะชนะ“น้าชาติ”เสียแล้ว

“ชัช..ช่วยแจ้งไป“ข้างใน”ด้วยว่า..พ่อ..พ่อคงอยู่ได้อีกวันสองวันแล้วล่ะ”

นั่นเป็นคำพูดสั้นๆที่ทำให้ใจผมห่อเหี่ยวลงฉับพลัน ผมโทรแจ้งไปยัง“ผู้ประสานงานฯ” ไม่นาน..ก็มีคำตอบออกมาว่า..พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระเมตตากรุณาจะส่งดอกไม้ไปให้“น้าชาติ” ที่โรงพยาบาลครอมเวลล์ ซึ่งผมก็โทรแจ้งเรื่องนี้ให้“พี่โต้ง”รับทราบ..

01.00 น.ของวันที่ 6พฤษภาคม 2541“น้าชาติ”ความดันตกและไม่ตอบสนองต่อยากระตุ้นหัวใจที่แพทย์ให้อีกต่อไป 09.59 น.“น้าชาติ”ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ

“พี่โต้ง”โทรด่วนจากอังกฤษด้วยเสียงปนสะอื้น ซึ่งทำให้ผมหวนนึกถึงคำที่ได้ยินก่อนหน้านี้หนึ่งวัน นั่นคือ“..นิมิตเห็น..พล.อ.ชาติชาย..มาลา..” ก่อนที่เรื่องราวจะพรูจากปากลูกชายคนเดียวของ“น้าชาติ”ว่า

“ชัช..หมอบอกพ่อต้องไปนานแล้ว แต่พ่อไม่ยอมไป..พ่อหายใจฟืดฟาดๆ จนมีคนตะโกนว่า ดอกไม้พระราชทานจาก“ในหลวง”มาถึงแล้ว เท่านั้นแหละ..พ่อ..พ่อ..ก็จากพวกเราไป”

ผมแจ้งข่าวนี้ให้ที่ปรึกษาฯซึ่งจับกลุ่มอยู่ ในสำนักงานเลขาฯพล.อ.ชาติชายให้ทราบทันที ก่อนจะเกิดเหตุอันชวนขนหัวลุก เพราะทุกคน ณ ที่นี้พลันได้กลิ่น“บุหรี่ซิก้าร์” ที่“น้าชาติ”ชอบสูบ..หอมอบอวลไปทั้งห้อง!

จากนั้น..ฟ้าก็มืดครื้ม..เกิดลม-ฝน-พัดโครมครืนพักใหญ่ กิ่งไม้มหึมาจากต้นไม้เก่าแก่ใน“บ้านราชครู”ของ“น้าชาติ”หักโครม!

เช้าตรู่ของวันที่ 8 พฤษภาคม 2541 “น้าชาติ”เดินทางกลับถึง“บ้านราชครู” เพื่อพักผ่อนไปตลอดกาลนาน

คำทำนายของ“พระสงฆ์รูปนั้น” ซึ่งผมได้เล่าให้“จารย์โต้ง”และเพื่อนๆที่ทำงานกับ“น้าชาติ”ฟังล่วงหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นจริงดั่งคำทำนายเป๊ะเลย

“น้าชาติ”ยุติชีวิตลงแล้ว..แต่การเมืองไทยไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว “ทักษิณฟีเวอร์”ได้ไหลบ่าสู่วงการเมืองไทย เพราะคนไทยอยากลองของใหม่ ด้วยคิดว่าดีกว่าของเก่า

ผู้คนหลงทักษิณตรงเขาประสบความสำเร็จ จากนักธุรกิจเล็กๆที่เงินไม่กี่พันบาท..เช็คยังเด้ง กลายเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของชาติไทย เพราะได้ผูกขาดสัมปทานธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร

ทักษิณยังเป็นคนกล้าคิด-กล้าทำสิ่งใหม่ๆ แต่ที่สำคัญที่สุด..เขากล้าทำทั้งสิ่งถูกและผิดแบบเปิดเผยและปิดลับอีกด้วย

ทักษิณใช้ระบบโพล-การตลาด-การโฆษณาชวนเชื่อผสมผสานกับนโยบายเศรษฐกิจ-การเมือง วางเป้าหาเสียงกับชนชั้นกลาง และเน้นหนักไปยังคนจนที่ทักษิณเรียกว่า..พวกรากหญ้า!

ที่สำคัญ..เขาได้ทำให้คนไทยตกหลุมพราง หลงเชื่อว่า..มหาเศรษฐีทักษิณ-รวยแล้วจะไม่โกงครับ!

กอร์ปกับคนไทยเบื่อรัฐบาล“ชวน หลีกภัย2” ที่บริหารชาติตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน2540 ด้วยสภาพเฉื่อยแฉะสมนาม“ชวน เชื่องช้า”อีกด้วย

9 พฤษภาคม 2544 “ทักษิณ ชินวัตร”ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่23 ของประเทศไทยได้สำเร็จ สมใจ“นายหญิง”เจ้าของ“ทรงผมเพิงหมาแหงน”ครับ

โดย“ไทยรักไทย”กวาดที่นั่ง 500 ที่นั่งในสภาได้ถึง376 ที่นั่ง ในขณะที่“ประชาธิปัตย์”ได้สส.แค่ 96 ที่นั่ง ชัยชนะท่วมท้นเป็นประวัติการณ์เยี่ยงนี้ เกิดกับคนไร้ธรรมประจำใจหรืออ่อนแอในธรรม ย่อมกระตุ้น“ต่อมมารในดวงใจ”ให้เหิมเกริมและหลงลืมตัวได้แบบสุดๆทันที

ดัง“ทักษิณ ชินวัตร”ที่ไร้ธรรมมาข่มใจมาร จึงถูกวิญญาณเผด็จการ“ฮิตเลอร์”เข้าสิงโดยไม่รู้ตัว!

ด้วยงานบางประการอีกตามเคย ที่ทำให้ผมต้องพบ“พระสงฆ์รูปนั้น”อีกครา แน่นอน..เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่องานเสร็จ..ก็ต้องเอ่ยปากถามไถ่ ถึงดวงชะตาคนดัง“ทักษิณ ชินวัตร”ว่า เหลี่ยมจะดีหรือเหลี่ยมจะร้าย-ต่อเมืองไทยเช่นไร?

“พระสงฆ์รูปนั้น”ยิ้มแผ่เมตตาอย่างอ่อนโยน ท่านหยิบอุปกรณ์ทำนายขึ้นมาขีดเขียน หมุนซ้ายหมุนขวาไปมา แล้วเปิดตำราเล่นโตพลิกดูอยู่พักใหญ่!

“พระสงฆ์รูปนั้น”ท่านไม่ได้บอกนะว่า ท่านขอเวลาตรวจชะตาทักษิณก่อน แต่ผมนี่แหละต้องขออนุญาติท่านผู้อ่านว่า กรุณาอ่านต่อฉบับหน้านะครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น