ASTVผู้จัดการรายวัน -หลายจังหวัดใต้ใกล้วิกฤต พัทลุงประกาศให้ 11 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินจากน้ำท่วมแล้ว ส่วน 3 จชต."ยะลา-นราฯ-ปัตตานี"บางพื้นที่ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ถนนสายหลักเริ่มจม สั่งชาวบ้านพื้นที่เสี่ยงตลอดแนวริมตลิ่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก บางนรา และแม่น้ำสายบุรี เตรียมอพยพ เผยยะลาสังเวยน้ำท่วมแล้ว 1 ศพ ศภช.เตือน 8 จังหวัดใต้รับมือฝนถล่มหนัก 23-25 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พัทลุงว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (23พ.ย.) นายธนกร ตะบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ได้สรุปรายงานสภาพน้ำท่วมใน จ.พัทลุง พบว่าทุกพื้นที่ยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องและมีน้ำท่วมเป็นวงกว้างครอบคลุมในทุกอำเภอของ จ.พัทลุง ทางจังหวัดจึงได้ประกาศให้จำนวน 11 อำเภอของ จ.พัทลุงเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว
ส่วนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บ้านควนเคียม ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง มีรายงานว่าเกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างรวดเร็วและประชาชนไม่สามารถขนของได้ทัน เจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารช่างที่ 401 ค่ายอภัยบริรักษ์ ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ 1 ชุดไปช่วยขนของและอพยพชาวบ้านพร้อมสัตว์เลี้ยงขึ้นไปกางเต็นส์อยู่บนถนน เช่นเดียวกับที่บ้านคลองอ้ายโต หมู่ที่ 1 ต.เขาชัยสน หมู่ที่ 9 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน น้ำบ่าจากคลองอ้ายโตท่วมหมู่บ้าน ระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร ประชาชนเดินลุยน้ำขึ้นมาอยู่บนถนนสายเขาชัยสน-บ้านโคกพญาและถนนเอเชียช่วงพัทลุง-แม่ขรี มีน้ำไหลผ่านระดับน้ำสูงประมาณ 20 ซม.รถทุกชนิดยังวิ่งผ่านไปได้
ส่วนที่ ต.ชะมวง ต.โตนดด้วน ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน น้ำจากอ่างเก็บคลองท่าแนะไหลท่วมพื้นที่หมู่บ้านระดับน้ำท่วมสูง 50-100 ซม.ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ถนนสายสี่แยกโพธิ์ทอง-ควนขนุน มีน้ำไหลผ่านระดับสูงเป็นช่วงๆ
**นราธิวาสเริ่มจมบาดาลแล้วหลายพื้นที่
ส่วนในพื้นที่ จ.นราธิวาส หลังฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วันส่งผลให้พื้นที่ราบลุ่ม 13 อำเภอถูกน้ำท่วมขังแล้ว รวมไปถึงถนนสายหลักและสายรองในพื้นที่ 3 อำเภอคือ อ.รือเสาะ อ.บาเจาะ อ.ระแงะ และ อ.เมืองนราธิวาส โดยมีระดับสูง 30-40 ซม. นอกจากนี้ถนนสายเลี่ยงเมือง อ.ยี่งอ ของ จ.นราธิวาส-อ.รามัน จ.ยะลา บางจุดเนินดินริมถนนได้ถล่มลงมาทับเส้นทางทำให้การจราจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่แขวงการทางของทั้ง 2 จังหวัด ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่และเครื่องมือกลเข้าเคลียร์พื้นที่เป็นการเร่งด่วนแล้ว
นอกจากนี้ แม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สายคือแม่น้ำสุไหงโก-ลก บางนรา และแม่น้ำสายบุรี ปริมาณน้ำเริ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เหลืออีกประมาณ 20-30 ซม.ก็จะล้นตลิ่ง ทำให้ประชาชนที่ปลูกบ้านอยู่ตลอดแนวริมตลิ่งของแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สายเริ่มอพยพสัมภาระที่จำเป็นเพื่อหนีน้ำกันแล้ว เนื่องจากคาดว่าน้ำท่วมในปีนี้จะรุนแรงทุกสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
**ยะลา สังเวยน้ำท่วมแล้ว1ศพ
ส่วนที่ จ.ยะลา ในพื้นที่ อ.เมืองยะลา และ อ.รามัน เริ่มมีน้ำเข้าท่วมขังในหมู่บ้าน สวนผลไม้ สวนยางพาราแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านทุ่งยามู หมู่ที่ 4 และบ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ที่ 6 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ได้มีน้ำเข้าท่วมเส้นทางเข้าหมู่บ้านและภายในหมู่บ้านระดับน้ำประมาณ 20 ซม.ชาวบ้านได้ช่วยกันขนย้ายสิ่งของไปอยู่ในที่สูงแล้ว
ทั้งนี มีรายงานข่าวว่าในพื้นที่ จ.ยะลา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ศพคือนายมะยีดิง สาและมิง อายุประมาณ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126/1 หมู่ที่ 7 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งถูกกระแสน้ำพัดจมเสียชีวิต
**เตือน ปชช.พื้นที่เสี่ยงแม่น้ำ3สายระวัง
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ในพื้นที่ของ จ.ยะลา ทำให้ในบางพื้นที่เริ่มมีน้ำท่วมขัง โดยทางจังหวัดยะลาได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยที่อยู่ริมแม่น้ำสายบุรี ของพื้นที่ อ.รามัน ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนในพื้นที่ อ.กรงปินัง อ.บันนังสตา อ.ธารโต อ.เบตง อ.ยะหา และ อ.กาบัง ให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม
**ปัตตานีเฝ้าจับตาน้ำจากยะลาทะลักท่วม
ด้านนายปัญญศักดิ์ โสภณวสุ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปัตตานี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในภาพรวมนั้น เท่าที่ได้เข้าไปตรวจสอบเขื่อนบางลาง ซึ่งเป็นเขื่อนหลักในอยู่ตอนบนของพื้นที่ จ.ปัตตานี มีปริมาณน้ำที่กักเก็บอยู่ประมาณ 49% เท่านั้นยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 50% เช่นเดียวกับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญก็ยังเพิ่มในระดับปกติที่สามารถรองรับน้ำได้อีก แต่เพื่อความไม่ประมาทต้องรอการประเมินและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปอีก 2-3 วัน หากในพื้นที่ จ.ยะลามีฝนตกหนักก็จะทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นมาทันทีเพราะ จ.ปัตตานี เป็นทางผ่านของแม่น้ำสายบุรีที่ไหลลงสู่อ่าวปัตตานี
**แหลมตะลุมพุกถนนพังเสียหายร้อยเมตร
ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ทำให้มีน้ำเพิ่มสูงขึ้นหลายพื้นที่ ส่งผลให้หลายชุมชนในที่ลุ่มเริ่มมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมแล้ว โดยเฉพาะใน อ.เมือง อ.พระพรหม อ.พรหมคีรี และใน อ.ท่าศาลา บางส่วน ขณะที่ในส่วนของเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช น้ำได้ไหลเข้าท่วมในหลายชุมชนที่อยู่ในแนวของคลองคูเมือง คลองท่าเรียน คลองราเมศวร์ คลองป่าเหล้าและคลองมะม่วงสองต้น จนถึงขณะนี้ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้แจ้งเตือนการเฝ้าระวังอยู่ในระดับสีเหลือง คือสัญญาณเตือนให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงคือ ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ในหมู่ที่ 2 และ 3 ถนนคอนกรีตที่อยู่กลางหมู่บ้านถูกคลื่นซัดเสียหาย เป็นระยะทางรวม 100 เมตร
**เตือน8จว.ใต้รับมือฝนถล่มหนัก
ด้านศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ(ศภช.) ประกาศเตือนในวันที่ 23-25 พ.ย.นี้จะมีฝนตกหนักบริเวณภาคใต้โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และ จ.นราธิวาส อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ข้างต้น ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อทราบและติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติกระทรวงไอซีทีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พัทลุงว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (23พ.ย.) นายธนกร ตะบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง ได้สรุปรายงานสภาพน้ำท่วมใน จ.พัทลุง พบว่าทุกพื้นที่ยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องและมีน้ำท่วมเป็นวงกว้างครอบคลุมในทุกอำเภอของ จ.พัทลุง ทางจังหวัดจึงได้ประกาศให้จำนวน 11 อำเภอของ จ.พัทลุงเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว
ส่วนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บ้านควนเคียม ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง มีรายงานว่าเกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างรวดเร็วและประชาชนไม่สามารถขนของได้ทัน เจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารช่างที่ 401 ค่ายอภัยบริรักษ์ ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ 1 ชุดไปช่วยขนของและอพยพชาวบ้านพร้อมสัตว์เลี้ยงขึ้นไปกางเต็นส์อยู่บนถนน เช่นเดียวกับที่บ้านคลองอ้ายโต หมู่ที่ 1 ต.เขาชัยสน หมู่ที่ 9 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน น้ำบ่าจากคลองอ้ายโตท่วมหมู่บ้าน ระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร ประชาชนเดินลุยน้ำขึ้นมาอยู่บนถนนสายเขาชัยสน-บ้านโคกพญาและถนนเอเชียช่วงพัทลุง-แม่ขรี มีน้ำไหลผ่านระดับน้ำสูงประมาณ 20 ซม.รถทุกชนิดยังวิ่งผ่านไปได้
ส่วนที่ ต.ชะมวง ต.โตนดด้วน ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน น้ำจากอ่างเก็บคลองท่าแนะไหลท่วมพื้นที่หมู่บ้านระดับน้ำท่วมสูง 50-100 ซม.ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ถนนสายสี่แยกโพธิ์ทอง-ควนขนุน มีน้ำไหลผ่านระดับสูงเป็นช่วงๆ
**นราธิวาสเริ่มจมบาดาลแล้วหลายพื้นที่
ส่วนในพื้นที่ จ.นราธิวาส หลังฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วันส่งผลให้พื้นที่ราบลุ่ม 13 อำเภอถูกน้ำท่วมขังแล้ว รวมไปถึงถนนสายหลักและสายรองในพื้นที่ 3 อำเภอคือ อ.รือเสาะ อ.บาเจาะ อ.ระแงะ และ อ.เมืองนราธิวาส โดยมีระดับสูง 30-40 ซม. นอกจากนี้ถนนสายเลี่ยงเมือง อ.ยี่งอ ของ จ.นราธิวาส-อ.รามัน จ.ยะลา บางจุดเนินดินริมถนนได้ถล่มลงมาทับเส้นทางทำให้การจราจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่แขวงการทางของทั้ง 2 จังหวัด ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่และเครื่องมือกลเข้าเคลียร์พื้นที่เป็นการเร่งด่วนแล้ว
นอกจากนี้ แม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สายคือแม่น้ำสุไหงโก-ลก บางนรา และแม่น้ำสายบุรี ปริมาณน้ำเริ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เหลืออีกประมาณ 20-30 ซม.ก็จะล้นตลิ่ง ทำให้ประชาชนที่ปลูกบ้านอยู่ตลอดแนวริมตลิ่งของแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สายเริ่มอพยพสัมภาระที่จำเป็นเพื่อหนีน้ำกันแล้ว เนื่องจากคาดว่าน้ำท่วมในปีนี้จะรุนแรงทุกสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
**ยะลา สังเวยน้ำท่วมแล้ว1ศพ
ส่วนที่ จ.ยะลา ในพื้นที่ อ.เมืองยะลา และ อ.รามัน เริ่มมีน้ำเข้าท่วมขังในหมู่บ้าน สวนผลไม้ สวนยางพาราแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านทุ่งยามู หมู่ที่ 4 และบ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ที่ 6 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ได้มีน้ำเข้าท่วมเส้นทางเข้าหมู่บ้านและภายในหมู่บ้านระดับน้ำประมาณ 20 ซม.ชาวบ้านได้ช่วยกันขนย้ายสิ่งของไปอยู่ในที่สูงแล้ว
ทั้งนี มีรายงานข่าวว่าในพื้นที่ จ.ยะลา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ศพคือนายมะยีดิง สาและมิง อายุประมาณ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126/1 หมู่ที่ 7 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งถูกกระแสน้ำพัดจมเสียชีวิต
**เตือน ปชช.พื้นที่เสี่ยงแม่น้ำ3สายระวัง
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า หลังจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ในพื้นที่ของ จ.ยะลา ทำให้ในบางพื้นที่เริ่มมีน้ำท่วมขัง โดยทางจังหวัดยะลาได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยที่อยู่ริมแม่น้ำสายบุรี ของพื้นที่ อ.รามัน ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนในพื้นที่ อ.กรงปินัง อ.บันนังสตา อ.ธารโต อ.เบตง อ.ยะหา และ อ.กาบัง ให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม
**ปัตตานีเฝ้าจับตาน้ำจากยะลาทะลักท่วม
ด้านนายปัญญศักดิ์ โสภณวสุ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปัตตานี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในภาพรวมนั้น เท่าที่ได้เข้าไปตรวจสอบเขื่อนบางลาง ซึ่งเป็นเขื่อนหลักในอยู่ตอนบนของพื้นที่ จ.ปัตตานี มีปริมาณน้ำที่กักเก็บอยู่ประมาณ 49% เท่านั้นยังสามารถรองรับน้ำได้อีก 50% เช่นเดียวกับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญก็ยังเพิ่มในระดับปกติที่สามารถรองรับน้ำได้อีก แต่เพื่อความไม่ประมาทต้องรอการประเมินและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปอีก 2-3 วัน หากในพื้นที่ จ.ยะลามีฝนตกหนักก็จะทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นมาทันทีเพราะ จ.ปัตตานี เป็นทางผ่านของแม่น้ำสายบุรีที่ไหลลงสู่อ่าวปัตตานี
**แหลมตะลุมพุกถนนพังเสียหายร้อยเมตร
ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ทำให้มีน้ำเพิ่มสูงขึ้นหลายพื้นที่ ส่งผลให้หลายชุมชนในที่ลุ่มเริ่มมีน้ำไหลบ่าเข้าท่วมแล้ว โดยเฉพาะใน อ.เมือง อ.พระพรหม อ.พรหมคีรี และใน อ.ท่าศาลา บางส่วน ขณะที่ในส่วนของเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช น้ำได้ไหลเข้าท่วมในหลายชุมชนที่อยู่ในแนวของคลองคูเมือง คลองท่าเรียน คลองราเมศวร์ คลองป่าเหล้าและคลองมะม่วงสองต้น จนถึงขณะนี้ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้แจ้งเตือนการเฝ้าระวังอยู่ในระดับสีเหลือง คือสัญญาณเตือนให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงคือ ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ในหมู่ที่ 2 และ 3 ถนนคอนกรีตที่อยู่กลางหมู่บ้านถูกคลื่นซัดเสียหาย เป็นระยะทางรวม 100 เมตร
**เตือน8จว.ใต้รับมือฝนถล่มหนัก
ด้านศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ(ศภช.) ประกาศเตือนในวันที่ 23-25 พ.ย.นี้จะมีฝนตกหนักบริเวณภาคใต้โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และ จ.นราธิวาส อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่ข้างต้น ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อทราบและติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติกระทรวงไอซีทีต่อไป