ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกสมาคมภัตตาคารไทยสุดเซ็ง สวดรัฐต้องชี้แจงให้ข้อมูลชัดเจนว่าน้ำจะสูงเท่าไร ลดเมื่อไร เผย 3 เดือนน้ำท่วมกระหน่ำธุรกิจร้านอาหารเจ๊งยับแล้ว 7,000 ล้าน จี้รัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือด่วน คาดทั้งปีตลาดรวมตก 15%
นางปวรวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ตลาดรวมของธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตติดลบที่ประมาณ 10-15% จากปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท เพราะผู้ประกอบการจำนวนมากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาโดยเฉพาะร้านอาหารริมน้ำที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่าได้รับความเสียหายแล้วมากกว่า 6,000 - 7,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นร้านขนาดใหญ่มีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และมีรายได้สูงถึง 30-50 ล้านบาทต่อเดือน
ขณะนี้น้ำยังคงท่วมร้านอาหารริมน้ำหลายแห่งในระดับหลังคา ยังได้รับความเดือดร้อนอยู่ ประกอบกับช่วงปลายปีถือเป็นช่วงหน้าขายโดยเฉพาะเทศกาลวันสำคัญ เช่น วันลอยกระทง ที่ผ่านมาและวันพ่อ และวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด้วยก็คงขายได้ไม่เต็มที่ เพราะการเปิดให้บริการร้านอาหารหลังน้ำลดต้องใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงร้านประมาณ 1 เดือน หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้คาดว่าผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบให้ธุรกิจร้านอาหาร และภัตตาคารสูญเสียรายได้ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.และปีใหม่ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ภาครัฐควรชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องของระดับน้ำว่าจะลดลงเมื่อไหร่ เพราจะได้ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารปรับตัวได้ถูก ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐไม่มีการแจ้งข่าวสารที่แน่ชัดว่าจะมีการจัดการตรงไหนก่อน ผู้ประกอบการร้านอาหารจึงเกิดความสับสน ซึ่งตอนนี้ระดับน้ำใลายแห่งยังอยู่ในระดับที่สูงไม่ว่าจะเป็นเขตทวีวัฒนา ปทุมธานี หรือนนทบุรี
ทั้งนี้ ต้องการให้ภาครัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเช่น การปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวไปบ้างแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นรูปธรรมที่แน่ชัดว่าสถาบันการเงินใดจะออกมาตรการมาช่วยเหลือ
“เวลานี้ภาครัฐมัวแต่หันไปให้ความสำคัญในการปกป้องถนนพระราม 2 จนลืมพื้นที่อื่นที่ถูกน้ำท่วมกไปก่อนหน้านี้แล้วหลายแห่งเช่น ปทุมธานี หรือดอนเมือง ที่ตอนนี้ประชาชนก็ยังคงได้รับความเดือดร้อนและไม่รู้ว่าระดับน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ โดยเฉพาะคนที่ปทุมธานีซึ่งถูกน้ำท่วมมานานกว่า 3- 4 เดือนแล้ว ส่วนของเบตบางกรวยก็ท่วมมานานแล้วเหมือนกัน หากคนในพื้นที่ดังกล่าวมีการออกมารื้อกระสอบทรายเหมือนพื้นที่อื่น เพราะทนความเดือดร้อนไม่ไหว พื้นที่ใกล้เคียงอย่างบางอ้อ และพระราม 7 ก็จะได้รับผลกระทบน้ำท่วมเหมือนกัน” นางปวรวรรณกล่าว.
นางปวรวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ตลาดรวมของธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตติดลบที่ประมาณ 10-15% จากปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท เพราะผู้ประกอบการจำนวนมากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาโดยเฉพาะร้านอาหารริมน้ำที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่าได้รับความเสียหายแล้วมากกว่า 6,000 - 7,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นร้านขนาดใหญ่มีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และมีรายได้สูงถึง 30-50 ล้านบาทต่อเดือน
ขณะนี้น้ำยังคงท่วมร้านอาหารริมน้ำหลายแห่งในระดับหลังคา ยังได้รับความเดือดร้อนอยู่ ประกอบกับช่วงปลายปีถือเป็นช่วงหน้าขายโดยเฉพาะเทศกาลวันสำคัญ เช่น วันลอยกระทง ที่ผ่านมาและวันพ่อ และวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ด้วยก็คงขายได้ไม่เต็มที่ เพราะการเปิดให้บริการร้านอาหารหลังน้ำลดต้องใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงร้านประมาณ 1 เดือน หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้คาดว่าผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมจะส่งผลกระทบให้ธุรกิจร้านอาหาร และภัตตาคารสูญเสียรายได้ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.และปีใหม่ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ภาครัฐควรชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องของระดับน้ำว่าจะลดลงเมื่อไหร่ เพราจะได้ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารปรับตัวได้ถูก ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐไม่มีการแจ้งข่าวสารที่แน่ชัดว่าจะมีการจัดการตรงไหนก่อน ผู้ประกอบการร้านอาหารจึงเกิดความสับสน ซึ่งตอนนี้ระดับน้ำใลายแห่งยังอยู่ในระดับที่สูงไม่ว่าจะเป็นเขตทวีวัฒนา ปทุมธานี หรือนนทบุรี
ทั้งนี้ ต้องการให้ภาครัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเช่น การปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวไปบ้างแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นรูปธรรมที่แน่ชัดว่าสถาบันการเงินใดจะออกมาตรการมาช่วยเหลือ
“เวลานี้ภาครัฐมัวแต่หันไปให้ความสำคัญในการปกป้องถนนพระราม 2 จนลืมพื้นที่อื่นที่ถูกน้ำท่วมกไปก่อนหน้านี้แล้วหลายแห่งเช่น ปทุมธานี หรือดอนเมือง ที่ตอนนี้ประชาชนก็ยังคงได้รับความเดือดร้อนและไม่รู้ว่าระดับน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ โดยเฉพาะคนที่ปทุมธานีซึ่งถูกน้ำท่วมมานานกว่า 3- 4 เดือนแล้ว ส่วนของเบตบางกรวยก็ท่วมมานานแล้วเหมือนกัน หากคนในพื้นที่ดังกล่าวมีการออกมารื้อกระสอบทรายเหมือนพื้นที่อื่น เพราะทนความเดือดร้อนไม่ไหว พื้นที่ใกล้เคียงอย่างบางอ้อ และพระราม 7 ก็จะได้รับผลกระทบน้ำท่วมเหมือนกัน” นางปวรวรรณกล่าว.
