ASTVผู้จัดการรายวัน – ธุรกิจร้านอาหารริมน้ำเจ้าพระยาอ่วมหนัก รายได้รวมกว่า 300 ล้านบาทต่อเดือนเจ๊งยับ ด้านสมาคมโรงแรมเร่งสมาชิกเจียดห้องพักราคาตจ่ำช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ สมาคมฯจะร่วมประชุมกับทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือส.อ.ท. เพื่อระดมแนวทางในการช่วยเหลือสมาชิกที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารต่างๆ ที่ประสบกับความเสียหายเกี่ยวกับน้ำท่วม เช่น ขอให้รัฐบาลช่วยเรื่องสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
ขณะที่แนวทางแก้ไขระยะยาวนั้น ต้องการเสนอให้รัฐบาลวางแนวทางป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะต่างชาติมองไทยเป็นครัวโลก เป็นแหล่งผลิตอาหารเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางหากได้รับวิกฤตหนักอีก จะส่งผลต่อรายได้เข้าประเทศ ส่วนร้านอาหารคงยังไม่ขึ้นราคาหลังสถานสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต้นทุนต่างๆ
ทั้งนี้จากกระแสน้ำเริ่มเข้าท่วมพื้นที่ปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อร้านอาหารริมมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่จ.นนทบุรี ถึงกรุงเทพ รวมกว่า 200 ร้านค้า ได้รับผลกระทบเพราลูกค้าหายไปมาก กระทบต่อรายได้รวมหายไปมากกว่า 90% แล้ว เพราะประชาชนเริ่มกังวล และไม่มีจิตใจเข้ามาทานอาหาร ประกอบกับหลายร้านเริ่มเก็บอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ ป้องกันการถูกน้ำท่วม ร้านใดไม่ได้ก่อกำแพงขายไม่ได้ เพราะล่าสุดปริมาณน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาระดับความสูงเริ่มปริ่มพนังกันน้ำ
โดยจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ 100 ร้านค้า มีรายได้เฉลี่ย 1 แสนบาทต่อร้าน หรือ 3 ล้านบาทต่อเดือน ซึงยังไม่นับรวมอีกกว่า 100 ร้านค้าที่เป็นขนาดเล็กถึงกลาง
“ปีนี้ต้องยอมรับว่าน้ำท่วมหนักมาก ไม่รู้ว่าหากน้ำเกิดท่วมกรุงเทพจริงๆ จะนานหรือไม่ ร้านอาหารต่างกังวลว่าน้ำจะท่วมนานแค่ไหน เพราะไม่เช่นนั้นนอกจากร้านค้าจะสูญเสียรายได้ พนักงานไม่ต่ำกว่า 5-6 พันคนคงต้องลำบากเช่นกัน ซึ่งในส่วนของต่างจังหวัดจากภาวะน้ำท่วม 2-3 เดือน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2.2 พันล้านบาท กระทบแรงงานกว่า 1.4 หมื่นคนไปแล้ว”
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย หรือทีเอชเอ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ อยู่ระหว่างการรอคำตอบจากทางสมาชิกของสมาคมฯโดยเฉพาะโรงแรมที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่สม ว่า จะมีโรงแรมใดบ้างที่จะสามารถนำห้องพักที่มีราคาต่ำมามาช่วยเหลือปผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม ที่ยังพอมีกำลังจ่ายได้ เข้ามาพักโดยคิดในอัตราราคาที่ต่ำเป็นพิเศษ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมเป็นต้นไปประชาชนสามารถเข้ามาดูข้อมูลได้ที่ www.thaihotels.org หรือโทร.02-261-9496
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ สมาคมฯจะร่วมประชุมกับทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือส.อ.ท. เพื่อระดมแนวทางในการช่วยเหลือสมาชิกที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารต่างๆ ที่ประสบกับความเสียหายเกี่ยวกับน้ำท่วม เช่น ขอให้รัฐบาลช่วยเรื่องสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
ขณะที่แนวทางแก้ไขระยะยาวนั้น ต้องการเสนอให้รัฐบาลวางแนวทางป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะต่างชาติมองไทยเป็นครัวโลก เป็นแหล่งผลิตอาหารเพื่อการส่งออก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางหากได้รับวิกฤตหนักอีก จะส่งผลต่อรายได้เข้าประเทศ ส่วนร้านอาหารคงยังไม่ขึ้นราคาหลังสถานสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต้นทุนต่างๆ
ทั้งนี้จากกระแสน้ำเริ่มเข้าท่วมพื้นที่ปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อร้านอาหารริมมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่จ.นนทบุรี ถึงกรุงเทพ รวมกว่า 200 ร้านค้า ได้รับผลกระทบเพราลูกค้าหายไปมาก กระทบต่อรายได้รวมหายไปมากกว่า 90% แล้ว เพราะประชาชนเริ่มกังวล และไม่มีจิตใจเข้ามาทานอาหาร ประกอบกับหลายร้านเริ่มเก็บอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ ป้องกันการถูกน้ำท่วม ร้านใดไม่ได้ก่อกำแพงขายไม่ได้ เพราะล่าสุดปริมาณน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาระดับความสูงเริ่มปริ่มพนังกันน้ำ
โดยจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ 100 ร้านค้า มีรายได้เฉลี่ย 1 แสนบาทต่อร้าน หรือ 3 ล้านบาทต่อเดือน ซึงยังไม่นับรวมอีกกว่า 100 ร้านค้าที่เป็นขนาดเล็กถึงกลาง
“ปีนี้ต้องยอมรับว่าน้ำท่วมหนักมาก ไม่รู้ว่าหากน้ำเกิดท่วมกรุงเทพจริงๆ จะนานหรือไม่ ร้านอาหารต่างกังวลว่าน้ำจะท่วมนานแค่ไหน เพราะไม่เช่นนั้นนอกจากร้านค้าจะสูญเสียรายได้ พนักงานไม่ต่ำกว่า 5-6 พันคนคงต้องลำบากเช่นกัน ซึ่งในส่วนของต่างจังหวัดจากภาวะน้ำท่วม 2-3 เดือน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2.2 พันล้านบาท กระทบแรงงานกว่า 1.4 หมื่นคนไปแล้ว”
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย หรือทีเอชเอ กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ อยู่ระหว่างการรอคำตอบจากทางสมาชิกของสมาคมฯโดยเฉพาะโรงแรมที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่สม ว่า จะมีโรงแรมใดบ้างที่จะสามารถนำห้องพักที่มีราคาต่ำมามาช่วยเหลือปผู้ประสบภัยจากน้ำท่วม ที่ยังพอมีกำลังจ่ายได้ เข้ามาพักโดยคิดในอัตราราคาที่ต่ำเป็นพิเศษ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมเป็นต้นไปประชาชนสามารถเข้ามาดูข้อมูลได้ที่ www.thaihotels.org หรือโทร.02-261-9496
