ASTVผู้จัดการรายวัน – สสปน.-เอกชน โวย มติ ครม. แก้ พ.ร.ฎ. อภัยโทษ เหมือนเติมเชื้อ ฉุดภาพลักษณ์ประเทศไทย ให้แย่ลงไปกว่าเดิม ชี้อุตสาหกรรมไมซ์น้ำท่วม กระทบ งานยกเลิกแล้วกว่า 5 งาน สูญรายได้กว่า 3.3 พันล้านบาท เร่งฟื้นธุรกิจไม่รอรัฐบาลแล้ว
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์ยังเห็นตรงกันว่า ประเทศไทยบอบช้ำมาติดต่อกันหลายปีแล้ว ทั้งผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองและปีนี้คือผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และจะเสนอภาครัฐว่า ควรออกมายืนยันมาตรการแก้ปัญหาระยะยาวว่า ในอนาคตจากนี้ไป อุทกภัยแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
***ฉะรัฐแก้ พ.ร.ฎ.จุดชนวนแตกแยก
ดังนั้น จึงอยากขอให้รัฐบาลอย่าสร้างประเด็นอื่นๆเข้ามาทำลายความมั่นใจของชาวต่างชาติไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะประเด็นที่คณะรัฐมนตรีมีมติแก้ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เพราะมองว่าจะเป็นประเด็นที่สร้างความแตกแยกของคนภายในประเทศให้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้มองว่าหากไทยผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไปได้ ปีหน้า จะเป็นอีกหนึ่งปี ที่ เศรษฐกิจของไทย จะก้าวสู่ความสดใสและฟื้นเป็นปรกติได้อย่างรวดเร็ว
“หากรัฐบาลคิดที่จะทำอะไรอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมแก่เวลาและสถานการณ์ ก็ขอให้หยุดเสีย แล้วหันมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือเรื่องอุทกภัยให้เสร็จสิ้นก่อน ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์เห็นตรงกันว่า หากรัฐคิดจะแก้พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เพื่ออะไรก็แล้วแต่ หากหยุดได้ก็ควรหยุดเถอะ เพราะการทำเช่นนี้ จะถูกใจก็เพียงใครบางคน แต่ผลจะเสียหายกับคนทั้งประเทศก็จะเข้าข่ายว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควาย เข้ามาแทรก น้ำยังไม่ลดต่อก็จะมาผุดขึ้นอีก อย่าหาประเด็นการเมืองมาทำให้เกิดวิกฤตใหม่ขึ้นมาอีก วันนี้ต่างชาติไม่มั่นใจเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมก็พออยู่แล้ว ยังต้องมากังวลว่า การเมืองไทย จะมีการเผชิญหน้ากันอีกหรือไม่ วันนี้ กระบวนการแก้ พ.ร.ฎ.เพิ่งเริ่มต้น ก็ควรตัดไฟแต่ต้นลม“
นายอรรคพล กล่าวต่อถึง การประชุมร่วมกับภาคเอกชน เมื่อวานนี้ เพื่อหามาตรการฟื้นฟูอุตสาหกรรมไหม จากวิกฤตน้ำท่วม ว่า ที่ประชุมมีมติ จะรีบดำเนินการฟื้นฟูความมั่นใจจากต่างประเทศ เพื่อให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทย สามารถเดินหน้าต่อได้ทันที ภายใต้แคมเปญ Together We FIGHT for Thailand
โดยจะไม่นิ่งรอแผนการฟื้นฟูจากภาครัฐบาลเพียงอย่างเดียว
โดยแนวทางการทำงาน ในระยะสั้นจะเร่งนำเสนอภาพหรือข่าวสารเชิงบวกของประเทศไทย ออกไปยังสื่อต่างชาติ เช่น ภาพแหล่งท่องเที่ยว ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ภาพการประชุม สัมมนา ที่ยังคงมีการจัดงานนับแต่เดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป ภาพความร่วมมือร่วมใจของคนไทย ในการฝ่าฝันวิกฤตน้ำท่วม ตลอดจน การจัดกิจกรรม บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์ แสดงให้เห็นว่าเมืองไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว และการประชุม สัมมนา
ทั้งนี้ กิจกรรมที่ดำเนินการทั้งหมด สสปน.จะให้งบประมาณที่มีอยู่ จัดสรรออกมาใช้ นอกจากนั้นยังต้องเร่งกระตุ้นโดเมสติกไมซ์ให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ให้หน่วยงานราชการ เร่งจัดงานประชุมสัมนนา ภายในไตรมาส 2 ปีหน้า อย่ารอจนถึงสิ้นปีงบประมาณ
จากการหารือกับภาคเอชน มีข้อเสนอถึงรัฐบาลว่า ต้องการให้รัฐปรับมุมมอง หรือทัศนคติ ที่มีต่อธุรกิจไมซ์ เพราะถือเป็นธุรกิจที่สามารถฟื้นตัวได้ทันที เพียงรัฐบาลเร่งสร้างความมั่นใจ ผู้คนนักธุรกิจก็จะกลับเข้ามาใช้ประเทศไทยในการจัดประชุมสัมมนา เหมือนเดิม ซึ่งผิดกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่อาจต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือน
***ใช้เวทีต่างประเทศแจงข้อเท็จจริง****
นายอรรคพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของ สสปน. จะใช้เวทีการออกงานในต่างประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงสถานการณ์ของประเทศไทย เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า ในเวทีการประชุม สมัชชาใหญ่คณะกรรมการมหกรรมโลก หรือ BIE ที่กรุวปารีส และต่อด้วยงานประชุมเกี่ยวกับธุรกิจไมซ์ EIBTM ที่ประเทศสเปน
อย่างไรก็ตาม จากอุทกภัยครั้งนี้เป็นผลให้มีการยกเลิกการจัดงานประชุมใหญ่ รวม 5 งาน ที่เหลือเป็นการขอเลื่อนการจัดงานออกไปปลายปีนี้ถึงกลางปีหน้า ส่งผลให้ธุรกิจไมซ์ เสียโอกาสสร้างรายได้ ถึงวันที่ 15 พ.ย.54 เป็นมูลค่ารวม กว่า 3,323 ล้านบาท ส่วนในปี 2555 ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณ ราว 800 ล้านบาท น้อยกว่าปีนี้ สสปน.จึงขอกำหนดเป้าหมาย จำนวนนักเดินทางและรายได้เท่ากับปีนี้ คือ 7.5 แสนคน รายได้ 6 หมื่นล้านบาท
***เอกชนหนุนโฆษณาผ่านCNN
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ ประธานกรรมการ สวนสามพราน โรงแรม โรสการ์เด้น ริเวอร์ไซต์ กล่าวว่า ภาคเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) และอีกหลายหน่วยงาน ที่ร่วมประชุมครั้งนี้เห็นตรงกันว่า จะร่วมกับ สสปน. ในการเร่งประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยออกสู่สายตาชาวต่างชาติ เช่น การลงโฆษณาผ่าน สื่อที่มีชื่อเสีย อย่าง CNN และ BBC ซึ่ง มีผู้ชมจำนวนมาก เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ภาพที่จะนำเสนอ เช่น มุมมองอื่นๆ เช่น พื้นทีน้ำลด การเก็บขยะ กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่ง ที่ไม่ใช่ภาพความเสียหายจากน้ำท่วม
***
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์ยังเห็นตรงกันว่า ประเทศไทยบอบช้ำมาติดต่อกันหลายปีแล้ว ทั้งผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองและปีนี้คือผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และจะเสนอภาครัฐว่า ควรออกมายืนยันมาตรการแก้ปัญหาระยะยาวว่า ในอนาคตจากนี้ไป อุทกภัยแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
***ฉะรัฐแก้ พ.ร.ฎ.จุดชนวนแตกแยก
ดังนั้น จึงอยากขอให้รัฐบาลอย่าสร้างประเด็นอื่นๆเข้ามาทำลายความมั่นใจของชาวต่างชาติไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะประเด็นที่คณะรัฐมนตรีมีมติแก้ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เพราะมองว่าจะเป็นประเด็นที่สร้างความแตกแยกของคนภายในประเทศให้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้มองว่าหากไทยผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไปได้ ปีหน้า จะเป็นอีกหนึ่งปี ที่ เศรษฐกิจของไทย จะก้าวสู่ความสดใสและฟื้นเป็นปรกติได้อย่างรวดเร็ว
“หากรัฐบาลคิดที่จะทำอะไรอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมแก่เวลาและสถานการณ์ ก็ขอให้หยุดเสีย แล้วหันมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือเรื่องอุทกภัยให้เสร็จสิ้นก่อน ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมไมซ์เห็นตรงกันว่า หากรัฐคิดจะแก้พ.ร.ฎ.อภัยโทษ เพื่ออะไรก็แล้วแต่ หากหยุดได้ก็ควรหยุดเถอะ เพราะการทำเช่นนี้ จะถูกใจก็เพียงใครบางคน แต่ผลจะเสียหายกับคนทั้งประเทศก็จะเข้าข่ายว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควาย เข้ามาแทรก น้ำยังไม่ลดต่อก็จะมาผุดขึ้นอีก อย่าหาประเด็นการเมืองมาทำให้เกิดวิกฤตใหม่ขึ้นมาอีก วันนี้ต่างชาติไม่มั่นใจเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมก็พออยู่แล้ว ยังต้องมากังวลว่า การเมืองไทย จะมีการเผชิญหน้ากันอีกหรือไม่ วันนี้ กระบวนการแก้ พ.ร.ฎ.เพิ่งเริ่มต้น ก็ควรตัดไฟแต่ต้นลม“
นายอรรคพล กล่าวต่อถึง การประชุมร่วมกับภาคเอกชน เมื่อวานนี้ เพื่อหามาตรการฟื้นฟูอุตสาหกรรมไหม จากวิกฤตน้ำท่วม ว่า ที่ประชุมมีมติ จะรีบดำเนินการฟื้นฟูความมั่นใจจากต่างประเทศ เพื่อให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทย สามารถเดินหน้าต่อได้ทันที ภายใต้แคมเปญ Together We FIGHT for Thailand
โดยจะไม่นิ่งรอแผนการฟื้นฟูจากภาครัฐบาลเพียงอย่างเดียว
โดยแนวทางการทำงาน ในระยะสั้นจะเร่งนำเสนอภาพหรือข่าวสารเชิงบวกของประเทศไทย ออกไปยังสื่อต่างชาติ เช่น ภาพแหล่งท่องเที่ยว ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ภาพการประชุม สัมมนา ที่ยังคงมีการจัดงานนับแต่เดือน พ.ย. นี้เป็นต้นไป ภาพความร่วมมือร่วมใจของคนไทย ในการฝ่าฝันวิกฤตน้ำท่วม ตลอดจน การจัดกิจกรรม บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์ แสดงให้เห็นว่าเมืองไทยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว และการประชุม สัมมนา
ทั้งนี้ กิจกรรมที่ดำเนินการทั้งหมด สสปน.จะให้งบประมาณที่มีอยู่ จัดสรรออกมาใช้ นอกจากนั้นยังต้องเร่งกระตุ้นโดเมสติกไมซ์ให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ให้หน่วยงานราชการ เร่งจัดงานประชุมสัมนนา ภายในไตรมาส 2 ปีหน้า อย่ารอจนถึงสิ้นปีงบประมาณ
จากการหารือกับภาคเอชน มีข้อเสนอถึงรัฐบาลว่า ต้องการให้รัฐปรับมุมมอง หรือทัศนคติ ที่มีต่อธุรกิจไมซ์ เพราะถือเป็นธุรกิจที่สามารถฟื้นตัวได้ทันที เพียงรัฐบาลเร่งสร้างความมั่นใจ ผู้คนนักธุรกิจก็จะกลับเข้ามาใช้ประเทศไทยในการจัดประชุมสัมมนา เหมือนเดิม ซึ่งผิดกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่อาจต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือน
***ใช้เวทีต่างประเทศแจงข้อเท็จจริง****
นายอรรคพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของ สสปน. จะใช้เวทีการออกงานในต่างประเทศ ชี้แจงข้อเท็จจริงสถานการณ์ของประเทศไทย เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า ในเวทีการประชุม สมัชชาใหญ่คณะกรรมการมหกรรมโลก หรือ BIE ที่กรุวปารีส และต่อด้วยงานประชุมเกี่ยวกับธุรกิจไมซ์ EIBTM ที่ประเทศสเปน
อย่างไรก็ตาม จากอุทกภัยครั้งนี้เป็นผลให้มีการยกเลิกการจัดงานประชุมใหญ่ รวม 5 งาน ที่เหลือเป็นการขอเลื่อนการจัดงานออกไปปลายปีนี้ถึงกลางปีหน้า ส่งผลให้ธุรกิจไมซ์ เสียโอกาสสร้างรายได้ ถึงวันที่ 15 พ.ย.54 เป็นมูลค่ารวม กว่า 3,323 ล้านบาท ส่วนในปี 2555 ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณ ราว 800 ล้านบาท น้อยกว่าปีนี้ สสปน.จึงขอกำหนดเป้าหมาย จำนวนนักเดินทางและรายได้เท่ากับปีนี้ คือ 7.5 แสนคน รายได้ 6 หมื่นล้านบาท
***เอกชนหนุนโฆษณาผ่านCNN
นางสุชาดา ยุวบูรณ์ ประธานกรรมการ สวนสามพราน โรงแรม โรสการ์เด้น ริเวอร์ไซต์ กล่าวว่า ภาคเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ(ไทย) และอีกหลายหน่วยงาน ที่ร่วมประชุมครั้งนี้เห็นตรงกันว่า จะร่วมกับ สสปน. ในการเร่งประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยออกสู่สายตาชาวต่างชาติ เช่น การลงโฆษณาผ่าน สื่อที่มีชื่อเสีย อย่าง CNN และ BBC ซึ่ง มีผู้ชมจำนวนมาก เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ภาพที่จะนำเสนอ เช่น มุมมองอื่นๆ เช่น พื้นทีน้ำลด การเก็บขยะ กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่ง ที่ไม่ใช่ภาพความเสียหายจากน้ำท่วม
***