"สนธิ” ชี้ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ พิสูจน์ชัด “เพื่อไทย” เล่นการเมืองเพื่อ “ทักษิณ” คนเดียว ระบุย้ายอธิบดีราชทัณฑ์-ผบช.ภ.5 ไว้รอรับ “ทักษิณ” นั่งเครื่องลงเชียงใหม่ จวกรัฐบาลเสียบชื่อ ทักษิณ รับพระราชทานอภัยโทษ หวังบีบคั้นพระองค์ท่าน เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง หากเงื่อนไข พ.ร.ฎ.ไม่ให้ติดคุกแม้วันเดียว พธม.เคลื่อนไหวแน่ "ปานเทพ" เผย ประชุมแกนนำสัปดาห์หน้า
กรณีที่ คณะรัฐมนตรีที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เปิดประชุมลับ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พระราชทานอภัยโทษเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษผู้หนีคำพิพากษาจำคุกจากศาลฎีกา ในขณะที่ประชาชนกำลังประสบกับภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ วานนี้ (16 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ระหว่างการปราศรัยและพบกับพี่น้องพันธมิตรฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผ่านรายการ News Hour ทางเอเอสทีวี ว่า การออกพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว สะท้อนถึงความเลวทรามต่ำช้าของนักการเมืองที่เล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพราะเป็นการประชุมลับ ท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาน้ำท่วม เป็นการพิสูจน์ว่า นักการเมืองในพรรคเพื่อไทยทุกคนเข้ามาเล่นการเมืองให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ไม่ได้เล่นการเมืองให้ชาติบ้านเมือง จึงถือว่าเป็นการกระทำที่บัดซบเลวทรามต่ำช้ามาก
นายสนธิ กล่าวว่า การร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ เป็นการบังอาจใช้ช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมพรรษา 84 ปี มาสวมรอยในการทำลายหลักนิติรัฐ และเป็นการทำร้ายพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ท่านทรงเน้นเรื่องนิติรัฐ ขณะเดียวกัน การออก พ.ร.ฎ.นี้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะเขาเอาพื้นฐานการตั้งเรื่องสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาทำต่อ ขอให้คอยดูว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะต้องออกมาพูดว่า เขาไม่ได้ทำเอง แต่เป็นการทำต่อจากพรรคประชาธิปัตย์
นายสนธิ กล่าวว่า ในโอกาสที่ปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมพรรษา 84 ปี ถ้าจะมีการขอพระราชทานอภัยโทษก็เป็นเรื่องธรรมดา และถ้าทำไปโดยไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวตั้ง ก็ทำไปตามปกติ แต่ถ้าเป็นการทำไปโดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวตั้ง ก็มีการเตรียมการโดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประโยชน์ รวมถึงการโยกย้ายแต่งตั้งคนของตัวเองไว้รอรับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา ด้วยการเอา พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย มาเป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผื่อว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาแล้วจำเป็นต้องเข้าห้องขังระยะสั้น 1-2 วัน ก็จะได้รับการดูแลปกป้องอย่างดี
นายสนธิ กล่าวว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใจ ร.ต.อ.เฉลิม จริงใจ หรือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความจริงใจ ควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาติดคุกก่อน แล้วค่อยขอพระราชทานอภัยโทษ แต่วันนี้ ถึงเขาจะยอมติดคุกก่อน แต่ก็จะเข้ามาโดยที่รัฐบาลขอพระราชทานอภัยโทษให้ และมีการแก้เงื่อนไขให้นักโทษอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมันไม่สง่างาม และพิสูจน์อีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศไม่ได้บริหารเพื่อชาติบ้านเมือง แต่เข้ามาเพื่อเอา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับ ซึ่งมันจะนำไปสู่การแตกหัก
นายสนธิ กล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา จะนั่งเครื่องบินมาลงที่เชียงใหม่ เพื่อให้มีคนมาห้อมล้อม โดยที่มีการตั้ง พล.ต.ต.สุเทพ เดชรักษา เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไว้รอรับอยู่แล้ว ขณะที่กรมราชทัณฑ์อาจเตรียมที่อยู่ไว้ให้อย่างดี หากจำเป็นต้องเข้าคุก หรืออาจจะมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาให้ไม่ต้องเข้าคุกก่อนก็ได้ ซึ่งจะถือว่าเป็นการตบหน้าประชาชนอย่างแรง และเป็นการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์
“สำหรับผมแล้วถือว่าการกระทำครั้งนี้ ร้ายกาจถึงขั้นหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จริงอยู่ เป็นพระราชอำนาจของพระองค์ท่านในการพระราชทานอภัยโทษ แต่ว่าการกระทำครั้งนี้เป็นการจงใจบีบคั้นพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ท่านจะไม่เซ็นก็ไม่ได้ คนพวกนี้ก็จะหาว่าเป็นการกลั่นแกล้ง” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า การใช้โอกาส 84 พรรษา ที่พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาพระราชทานอภัยโทษให้นักโทษทั่วประเทศโดยเสียบชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไป เป็นการสะท้อนการเมืองที่เลวทรามต่ำช้าที่สุด และเป็นการกระทำที่กระทบจิตใจของประชาชน แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะอยู่ต่างประเทศ รอให้คดีหมดอายุความก่อนค่อยกลับมา แต่ ร.ต.อ.เฉลิม คงคิดว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ต่อไปไม่ไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อาจตั้งให้ตัวเองเป็นนายกฯ จึงรีบดำเนินการก่อน
นายสนธิ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในเงื่อนไขที่พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวเมื่อมีการพระราชทานอภัยโทษออกมา และเนื้อหาในพระราชกฤษฎีกามีการเปลี่ยนแปลงเพื่อไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องติดคุก เราจะเคลื่อนไหวแน่นอน ถ้ามีการอภัยโทษเฉยๆ เราไม่ขวาง ถ้ารัฐบาลจะหัวหมอ อ้างว่า เงื่อนไขการพระราชทานอภัยโทษให้ผู้ต้องขังอายุ 60 ปีขึ้นไปนั้น พรรคประชาธิปัตย์เสนอไว้ก่อน เราจะยอมกัดฟันกลืนเลือด และพร้อมที่จะด่าพรรคประชาธิปัตย์ว่าเสนอเรื่องไว้ให้พรรคเพื่อไทยสวมตอ ซึ่งร่างนี้เกิดขึ้นสมัยที่ประชาธิปัตย์กำลังจะปรองดองกับเสื้อแดงตอนชุมนุมที่ราชประสงค์ แต่ถ้ามีเนื้อหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องติดคุกแม้แต่นิดเดียว อันนี้มีเรื่อง โดยส่วนตัวจะออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน แต่แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งหมดจะมีการคุยกันอีกครั้ง
“ทุกวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อาจจะตะแบงได้ แต่ในเนื้อหาสาระ ข้อเท็จจริง การทำเพื่อคนคนเดียวถ้าทำเช่นนี้ ขึ้นอยู่กับ พ.ร.ฎ.ร่างออกมาแล้ว มีเนื้อหาที่จงใจช่วย พ.ต.ท.ทักษิณโดยเฉพาะ แตกต่างจากร่างทั่วไปแล้ว ต้องถือว่าได้ละเมิดเงื่อนไขที่พันธมิตรฯ ตั้งเอาไว้” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้พันธมิตรฯ ไม่นิ่งเฉยแน่นอน โดยทางแกนนำพันธมิตรฯ กำลังจะพิจารณาเนื้อหาสาระของ พ.ร.ฎ.นิรโทษกรรมอย่างรอบคอบ และจะประชุมกันเพื่อกำหนดท่าทีโดยเร็วที่สุด
“เราจะไม่อยู่เฉย เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ และถือเป็นการกดดันสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะเราก็พูดมานานแล้วว่า ถ้าไม่ละเมิดสถาบันหรือช่วยทักษิณ เราก็จะอยู่เฉยๆ แต่การทำอย่างนี้ถือเป็นการท้าทายประชาชน รวมถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ที่รักความเป็นธรรม และรักพระเจ้าอยู่หัวทั้งประเทศ ผมเตือนว่าพรรคเพื่อไทยต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลัง พวกเราจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ แน่นอน” นายสนธิกล่าวทิ้งท้าย
**พธม.พร้อมต้านอภัยโทษ
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอพระราชทานอภัยโทษ ที่อาจมีเนื้อหาเอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า การออกกฎหมายอภัยโทษลักษณะนี้ ถือเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยตรง คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่เพียงการถวายคำแนะนำเท่านั้น ต่างจากการออกกฎหมายในรูปแบบพระราชบัญญัติ พระราชกำหนด หรือพระราชกฤษฎีกาทั่วไป ดังนั้นการถวายคำแนะนำ คณะรัฐมนตรีควรมีความระมัดระวัง เพราะมีโอกาสสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายการกดดันพระราชอำนาจ
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เลี่ยงที่จะเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีที่มีการพิจารณาวาระดังกล่าว นายปานเทพ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือสละความเกี่ยวข้องกรณีนี้ได้ รวมทั้งยังไม่สามารถตัดขาดความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อาจได้ประโยชน์จากการออกพระราชกฤษฎีกานี้ได้
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าคณะรัฐมนตรีมีมติในเรื่องนี้ออกมาอย่างไร รัฐมนตรีแต่ละคนพูดและให้ข้อมูลไปคนละทาง บ้างก็ว่ามีมติออกมาแล้ว หรือบอกว่าอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการศึกษา จึงขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ไม่ควรปล่อยให้เกิดความสับสนหรือคลุมเครือขึ้นในสังคม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในเรื่องนี้จะกลายเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่รัฐบาลจะทำนั้นขัดต่อหลักนิติรัฐ และมีความชอบธรรมหรือไม่ รวมไปถึงต้องระมัดระวังประเด็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการกดดันพระราชอำนาจอีกด้วย โดยประเด็นนี้มีความละเอียดอ่อนทางการเมืองสูง ในส่วนของกลุ่มพันธมิตรฯจะมีการประชุมแกนนำรุ่นที่ 1 และ 2 ภายในสัปดาห์หน้าเพื่อกำหนดท่าทีต่อกรณีนี้อีกครั้งหนึ่ง