นายนิพนธ์ จัยสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า
ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯมีรายได้ 415.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.92% ส่วนกำไรสุทธิ
25.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300.53% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 290.94 ล้านบาท และกำไร 6.47 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการ
ไตรมาส 3 ปี 54 บริษัทฯมีรายได้ 202.43 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 19.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.48% และ 16.21 % ตามลำดับ เมื่อเทียบ
กับงวดเดียวกันของปี 53 ที่รายได้อยู่ที่ 148.32 ล้านบาท และกำไร 16.83 ล้านบาท
โดยการเติบโตของรายได้ และกำไรดังกล่าวมาจากบริษัทฯมีการส่งมอบสินค้าให้กับทั้งภาครัฐ และเอกชนรวมถึงมีการส่งออก
ไปยังตลาดต่างประเทศมีการสั่งซื้อสินค้ามาก่อนหน้านี้ ซึ่งสอดคล้องกับการลงทุนขยายระบบจำหน่ายไฟฟ้าตามการฟื้นตัวของภาวะ
เศรษฐกิจในประเทศไทย และประเทศออสเตรเลีย ตลอดจนราคาวัตถุดิบที่บริษัทฯได้บริการจัดการเป็นอย่างดี โดยส่งผลทำให้มีอัตรากำไร
เป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปี 54 นายนิพนธ์ กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯมีออเดอร์
ใหม่ที่เข้ามาต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯมี Backlog อยู่ที่ 414 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯเป็นไปตามเป้าหมายที่การเติบโต 20%
ประกอบกับบริษัทฯได้มีการบริหารการจัดการในการส่งมอบสินค้าในช่วงครึ่งปีแรก เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้มีเสถียรภาพมากขึ้น
เนื่องจากช่วงดังกล่าวเป็นช่วง Low season ของธุรกิจ
" ช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วง High Season ของธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า เนื่องจากมีการส่งมอบงานลูกค้า ซึ่งเมื่อยอดขายเพิ่ม ทำให้กำไรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้ว่าต้นทุนการผลิตบางส่วนจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้บริษัทฯวิธีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อให้ต้นทุนลดลงเช่นกัน ส่งผลให้มีกำไรออกมาดีอย่างที่ควรเป็น " นายนิพนธ์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯได้รับความเห็นชอบจากมติที่ประชุมคณะ
อนุกรรมการพิจารณารับรองห้องปฏิบัติการของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้การรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025
กับห้องปฏิบัติการทดสอบของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมาตรฐานดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อม
ทั้งสร้างความเชื่อถือในระดับสากล ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ
ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯมีรายได้ 415.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.92% ส่วนกำไรสุทธิ
25.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300.53% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 290.94 ล้านบาท และกำไร 6.47 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการ
ไตรมาส 3 ปี 54 บริษัทฯมีรายได้ 202.43 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 19.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.48% และ 16.21 % ตามลำดับ เมื่อเทียบ
กับงวดเดียวกันของปี 53 ที่รายได้อยู่ที่ 148.32 ล้านบาท และกำไร 16.83 ล้านบาท
โดยการเติบโตของรายได้ และกำไรดังกล่าวมาจากบริษัทฯมีการส่งมอบสินค้าให้กับทั้งภาครัฐ และเอกชนรวมถึงมีการส่งออก
ไปยังตลาดต่างประเทศมีการสั่งซื้อสินค้ามาก่อนหน้านี้ ซึ่งสอดคล้องกับการลงทุนขยายระบบจำหน่ายไฟฟ้าตามการฟื้นตัวของภาวะ
เศรษฐกิจในประเทศไทย และประเทศออสเตรเลีย ตลอดจนราคาวัตถุดิบที่บริษัทฯได้บริการจัดการเป็นอย่างดี โดยส่งผลทำให้มีอัตรากำไร
เป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปี 54 นายนิพนธ์ กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯมีออเดอร์
ใหม่ที่เข้ามาต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯมี Backlog อยู่ที่ 414 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯเป็นไปตามเป้าหมายที่การเติบโต 20%
ประกอบกับบริษัทฯได้มีการบริหารการจัดการในการส่งมอบสินค้าในช่วงครึ่งปีแรก เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้มีเสถียรภาพมากขึ้น
เนื่องจากช่วงดังกล่าวเป็นช่วง Low season ของธุรกิจ
" ช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วง High Season ของธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า เนื่องจากมีการส่งมอบงานลูกค้า ซึ่งเมื่อยอดขายเพิ่ม ทำให้กำไรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้ว่าต้นทุนการผลิตบางส่วนจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้บริษัทฯวิธีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อให้ต้นทุนลดลงเช่นกัน ส่งผลให้มีกำไรออกมาดีอย่างที่ควรเป็น " นายนิพนธ์กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯได้รับความเห็นชอบจากมติที่ประชุมคณะ
อนุกรรมการพิจารณารับรองห้องปฏิบัติการของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้การรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025
กับห้องปฏิบัติการทดสอบของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมาตรฐานดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อม
ทั้งสร้างความเชื่อถือในระดับสากล ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ