"สุริยะใส" ชี้หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ต้องตั้ง กก.อิสระสอบข้อเท็จจริงรัฐล้มเหลวแก้ปัญหาน้ำ และต้องหาคนรับผิดชอบ จับตาฝ่ายการเมืองจะจัดฉากรับผิดแค่ ปรับ ครม. หาแพะย้าย ขรก. สังเวยหายนะ
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) ทวิตผ่าน @suriyasai ว่าหลังการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ของ ส.ส. และ ส.ว. ทำให้เห็นความผิดพลาดและความไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาน้ำท่วม ทั้งของข้าราชการประจำและฝ่ายการเมือง เพราะมีประเด็นที่สังคมเคลือบแคลงคาใจ ที่ต้องสร้างความกระจ่าง ใน 5 ประการ คือ
1. เหตุผล ความจำเป็น เบื้องหน้าเบื้องหลัง และนัยสำคัญ ที่มีการกักเก็บน้ำไว้บางช่วงและพร่องน้ำบางช่วง จนไม่สามารถบริหารจัดการได้
2. การใช้งบประมาณของ ศปภ.ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตในการจัดซื้อถุงยังชีพ การบริหารจัดการของบริจาค การใช้กลไกรัฐเยียวยาแบบเลือกปฏิบัติ
3 .ระบบการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ที่ไร้ประสิทธิภาพ และไม่สามารถบูรณาการได้ มีกลุ่มผลประโยชน์เข้ามาล้วงลูก แทรกแซง
4. ประเมินความเสียหาย และเสนอแนวทางความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
5. ถอดบทเรียนความล้มเหลวและความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล และจัดทำข้อเสนอแนะ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบการจัดการ เตือนภัย ภัยพิบัติที่มีแนวโน้มความรุนแรงมากขึ้น และถี่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้น บางฝ่ายกำลังบิดเบือน ปัดความรับผิดชอบว่าเป็นภัยธรรมชาติอย่างเดียว โดยไม่มีการตรวจสอบและประเมินศักยภาพในการบริหารและจัดการปัญหาของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ที่สำคัญมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลชุดนี้จะจัดฉากรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการปรับ ครม.และโยกย้ายข้าราชการบางหน่วยงานเท่านั้น
โดยคณะกรรมการอิสระชุดตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องมาจากหลายภาคส่วน และมีกระบวนการทำงานที่เปิดเผยโปร่งใส มีกรอบเวลาไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งบทบาทและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้แตกต่างและมีเป้าหมายต่างจากคณะกรรมยุทธศาสตร์การฟื้นฟูและอนาคตไทย หรือ กยอ.
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) ทวิตผ่าน @suriyasai ว่าหลังการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 ของ ส.ส. และ ส.ว. ทำให้เห็นความผิดพลาดและความไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาน้ำท่วม ทั้งของข้าราชการประจำและฝ่ายการเมือง เพราะมีประเด็นที่สังคมเคลือบแคลงคาใจ ที่ต้องสร้างความกระจ่าง ใน 5 ประการ คือ
1. เหตุผล ความจำเป็น เบื้องหน้าเบื้องหลัง และนัยสำคัญ ที่มีการกักเก็บน้ำไว้บางช่วงและพร่องน้ำบางช่วง จนไม่สามารถบริหารจัดการได้
2. การใช้งบประมาณของ ศปภ.ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตในการจัดซื้อถุงยังชีพ การบริหารจัดการของบริจาค การใช้กลไกรัฐเยียวยาแบบเลือกปฏิบัติ
3 .ระบบการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ที่ไร้ประสิทธิภาพ และไม่สามารถบูรณาการได้ มีกลุ่มผลประโยชน์เข้ามาล้วงลูก แทรกแซง
4. ประเมินความเสียหาย และเสนอแนวทางความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
5. ถอดบทเรียนความล้มเหลวและความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล และจัดทำข้อเสนอแนะ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบการจัดการ เตือนภัย ภัยพิบัติที่มีแนวโน้มความรุนแรงมากขึ้น และถี่ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้น บางฝ่ายกำลังบิดเบือน ปัดความรับผิดชอบว่าเป็นภัยธรรมชาติอย่างเดียว โดยไม่มีการตรวจสอบและประเมินศักยภาพในการบริหารและจัดการปัญหาของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ที่สำคัญมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลชุดนี้จะจัดฉากรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการปรับ ครม.และโยกย้ายข้าราชการบางหน่วยงานเท่านั้น
โดยคณะกรรมการอิสระชุดตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องมาจากหลายภาคส่วน และมีกระบวนการทำงานที่เปิดเผยโปร่งใส มีกรอบเวลาไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งบทบาทและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้แตกต่างและมีเป้าหมายต่างจากคณะกรรมยุทธศาสตร์การฟื้นฟูและอนาคตไทย หรือ กยอ.
